พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่677 อดีตของดำเกิง

บทที่677 อดีตของดำเกิง

บทที่677 อดีตของดำเกิง

ดำเกิงจ้องชลาธิปอย่างสะใจ แล้วกล่าว “ฝีมือไม่ได้ขึ้นอยู่กับอายุ ผมเป็นรุ่นน้องคนที่สองที่รุ่นพี่ภูมิใจ ถ้าแค่จัดการไอ้นี่ไม่ได้ ก็อับอายขายหน้าเกินไปแล้ว”

รพีพงษ์ได้ยินคำพูดของดำเกิง ก็รู้สึกพูดไม่ออก ไม่คาดคิดว่าเด็กนี่จะเอาตัวเองเป็นอันดับสองไปแล้ว เขาน่าจะเลื่อมใสรพีพงษ์แล้วจริงๆ

“ความภูมิใจลำดับสอง? งั้นลำดับแรกคือใครกัน?” ชลาธิปถามอีก

“แน่นอนว่าต้องเป็นรุ่นพี่รพีพงษ์ของผมนะสิ” ดำเกิงไม่ลังเลที่จะตอบ

ชลาธิปมองรพีพงษ์อีกครั้ง เริ่มรู้สึกเดาทางรพีพงษ์ไม่ออก เด็กยี่สิบปีคนนี้เก่งกาจได้ขนาดนี้ ยังเป็นแค่ความภูมิใจลำดับสองเท่านั้น

รพีพงษ์ในฐานะที่เป็นความภูมิใจลำดับแรกของอาจารย์ ต้องเก่งมากขนาดไหน?

อาจารย์ของพวกเขาเป็นคนแบบไหน ทำไมถึงได้ฝึกลูกศิษย์ที่เก่งกาจขนาดนี้ออกมาได้?

“พวกเราอย่ามัวแต่ยืนอยู่ด้านนอกอีกเลย เข้าไปคุยด้านในเถอะ” รพีพงษ์ยิ้มพลางกล่าว

จากนั้นทุกคนก็เดินไปที่ห้องรับแขก ทยุติผู้น่าสงสารให้คนพาเขากลับห้อง รพีพงษ์รู้ว่าดำเกิงไม่ได้ใช้กำลังทั้งหมด พักผ่อนมากสุดก็คือสิบวันหรือครึ่งเดือน ก็น่าจะได้แล้ว

ในห้องรับแขก ทุกคนนั่งลง ชลาธิปยังคงจ้องดำเกิงและเวทัสอย่างแปลกใจ กำลังคิดอยู่ว่าเขาจะทำอย่างไรให้ได้บอดี้การ์ดเก่งกาจขนาดนี้มาอยู่คู่กาย

“เวทัส ช่วงนี้ผมจะต้องไปจากเกียวโต ถึงเวลานั้นความปลอดภัยของเมียลูกและตระกูลลัดดาวัลย์ ต้องมอบให้คุณแล้ว” รพีพงษ์กล่าว

เวทัสโบกมือ แล้วกล่าว “เกรงใจทำไม อาจารย์บอกว่าหลายปีมานี้อยู่แต่ในป่า เข้าใจความเรื่องความสัมพันธ์น้อยนัก ครั้งนี้มาที่นี่ ก็ให้ผมได้ฝึกฝน”

“รุ่นพี่รพีพงษ์ เกรงว่าเวทัสต้องรออีกสักสองสามวันจึงจะมาปกป้องพวกคุณได้ เขากับผม ต้องไปจัดการปัญหานิดหน่อย” ดำเกิงกล่าวอย่างกระมิดกระเมี้ยน

รพีพงษ์ชะงัก แล้วถาม “ปัญหาอะไร?”

“แฮ่มๆ คืองี้ ตอนแรกที่ผมเพิ่งจะเข้าฝึก ตอนนั้นอาจารย์ได้พาผมไปเมืองข้างๆเกียวโตชื่ออำเภอคีงเมนเพื่อหายา ตอนนั้นผมเพิ่งเรียนกับอาจารย์ได้สองท่วงท่า รู้สึกว่าตัวเองก็ถือเป็นยอดฝีมือแล้ว เลย……คิดไปเอง”

“แล้วพี่ก็รู้ ว่าผมยังวัยรุ่นอยู่ เห็นสาวๆสวยๆ ก็ล่ะสายตาไม่ได้ ตอนนั้นได้เจอเข้ากับหญิงสาวที่เก่งกาจที่อำเภอคีงเมน อยากจะจีบเค้า จนไปถึงบ้านเธอ”

“หญิงคนนั้นเป็นตระกูลอันดับหนึ่งของอำเภอคีงเมน คุณหนูของตระกูลวิรุฬห์ธนกิจ ตระกูลวิรุฬห์ธนกิจก็เป็นตระกูลที่เรียนศิลปะการต่อสู้ ได้บินว่าเป็นอีกสาขาหนึ่งของฝ่ามือสยบพยัคฆ์ เพราะทั้งครอบครัวหมกมุ่นกับการศิลปะการต่อสู้ ดังนั้นจึงเป็นตระกูลอันดับหนึ่งของอำเภอคีงเมน”

“ตอนนั้นหญิงคนนั้นดูถูกผม บอกว่าผมไม่คู่ควรกับเธอ ผมไม่เห็นด้วย บอกว่าฝีมือของตนนั้นเก่งกาจ เธอจึงให้ผมประลองกับพี่ชายของเธอ ถ้าผมชนะ ก็มีสิทธิ์จีบเธอ ผมไม่พูดพร่ำทำเพลงรีบตกลงในทันใด”

“ฝีมือของคนนี้ของตระกูลวิรุฬห์ธนกิจไม่อ่อนด๋อย ฝ่ามือสยบพยัคฆ์ของพี่ชายเธอถือว่าได้เข้าถึงแก่นแท้ ผมที่เพิ่งเรียนท่วงท่าไปไม่กี่ท่าแน่นอนว่าสู้เขาไม่ได้ ดังนั้นผมจึงแพ้ไป”

“หลังจากนั้นหญิงคนนั้นทำให้ผมอัปยศอดสู โดยการบอกทุกคนในตระกูลวิรุฬห์ธนกิจว่าผมเป็นไอ้สวะ ไม่คู่ควรที่จะจีบเธอ ผมอัดอั้นตันใจ แต่เพราะแพ้ จึงทำได้เพียงอดกลั้น แต่ตอนนั้นผมได้สาบานเอาไว้ ว่าอนาคตถ้ามีโอกาส จะต้องล้างแค้นให้ได้”

“ครั้งนี้ผมมากับรุ่นพี่เวทัส ความจริงก็เพื่อมาล้างแค้นที่ถูกทำให้อัปยศอดสูในตอนนั้น ผมจะต้องทำให้หญิงคนนั้นรู้ ว่ากูไม่ใช่ไอ้สวะ!”

เมื่อฟังดำเกิงพูดจบ รพีพงษ์ก็ยิ้ม ไม่คาดคิดว่าเด็กคนนี้จะเคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อน

“ด้วยฝีมือแกในตอนนี้ ไปคนเดียว ก็สามารถล้างแค้นได้แล้วนะ ทำไมต้องให้เวทัสตามไปด้วย?” รพีพงษ์ถาม

“ถ้าฟังจากคำพูดของอาจารย์ ตระกูลวิรุฬห์ธนกิจนี้ถือว่าเป็นตระกูลศิลปะการต่อสู้โบราณอยู่บ้าง พวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของฝ่ามือสยบพยัคฆ์ แม้จะเทียบกับฝ่ามือสยบพยัคฆ์ตัวจริงยังห่างอยู่มาก แต่ก็ไม่ควรประมาท แล้วอาจารย์ยังบอกอีกว่าตระกูลวิรุฬห์ธนกิจน่าจะมียอดฝีมือกำลังภายในอยู่หนึ่งคน ผมกลัวว่าถึงเวลานั้นที่ผมล้างแค้น ยอดฝีมือกำลังภายในของตระกูลวิรุฬห์ธนกิจโมโหจะฆ่าผมขึ้นมา จึงเป็นเหตุผลที่ให้เวทัสตามไปด้วย” ดำเกิงอธิบาย

รพีพงษ์คิ้วกระตุก ไม่คาดคิดว่าเพียงแค่ในอำเภอหนึ่ง จะมียอดฝีมือกำลังภายในแฝงอยู่ด้วย ดูๆแล้วเขายังเข้าใจโลกนี้ ไม่ถ่องแท้เท่าที่ควร

ดำเกิงได้พูดแล้ว ตระกูลวิรุฬห์ธนกิจที่หมกมุ่นอยู่แต่กับศิลปะการต่อสู้ ดังนั้นถึงได้เป็นตระกูลอันดับหนึ่งของอำเภอคีงเมน ตระกูลที่มียอดฝีมือกำลังภายในอยู่แบบนี้ ถ้ามาที่เกียวโต เกรงว่าตระกูลลัดดาวัลย์จะไม่มีไปนานแล้ว

แน่นอน ว่าคนที่มีฝีมือกำลังภายใน จะไม่มีความอยากได้ด้านสิ่งของ อย่างมาก ก็คือคิดว่าวิธีที่จะทำให้ฝีมือของตัวเองเพิ่มขึ้น

ดังนั้นรพีพงษ์จึงรับรู้ได้ คนจีนทั้งหมด เช่นตระกูลวิรุฬห์ธนกิจที่ซ่อนยอดฝีมือกำลังภายในไว้นั้น ต้องมีจำนวนไม่น้อยเป็นแน่ เพียงแค่คนเหล่านี้ไม่สนใจชื่อเสียงและเงินทอง ดังนั้นผู้คนจึงไม่รู้ตัวตนของพวกเขา

คนที่รพีพงษ์เคยรู้จัก ล้วนเป็นพวกประกอบกิจการ มากสุดก็ไปชกมวยที่เวทีใต้ดิน แต่ก็หลังจากที่เรียนกำลังภายในกับอาจารย์แล้ว ถึงได้เรียนรู้เรื่องแบบนี้

สงบนิ่งอยู่พักหนึ่ง รพีพงษ์ก็ยิ้มพลางกล่าวว่า “ไม่งั้นแกอย่ารบกวนเวทัสเลย สู้ไปอำเภอคีงเมนกับฉันดีกว่า สถานการณ์รอบๆเกียวโตฉันรู้ดี มีหลายเรื่องที่จัดการได้ง่าย”

ดำเกิงได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ ก็แววตาเป็นประกาย แล้วรีบกล่าว “เอาสิ ถ้าพี่รพีพงษ์ไปกับผมล่ะก็ ผมก็ยิ่งสบายใจเข้าไปใหญ่เลย”

รพีพงษ์จ้องไปที่เวทัส ขอความคิดเห็นเขา เวทัสไม่สนใจ เพราะฝีมือของรพีพงษ์ในตอนนี้เก่งกว่าเขา ไปกับดำเกิง ไม่มีปัญหาแน่นอน

ที่รพีพงษ์อยากไปกับดำเกิงนั้น ก็เพราะอยากจะทำความเข้าใจตระกูลที่มียอดฝีมือกำลังภายในอยู่ในตระกูลว่าเป็นอย่างไร ในเวลาเดียวกันก็ไปรับรู้ถึงอานุภาพของศิลปะการต่อสู้โบราณเสียหน่อย การปกป้องดำเกิงนั้น เป็นสิ่งที่พ่วงไปก็แค่นั้น

หลังจากที่นัดกันแล้ว รพีพงษ์ได้จัดวางสิ่งที่เวทัสต้องทำในตระกูลลัดดาวัลย์ และแต่ตั้งให้เวทัสเป็นหวัหน้าดูแลความปลอดภัยของตระกูลลัดดาวัลย์ ยอดฝีมือทั้งหมดของตระกูลลัดดาวัลย์ ต้องฟังคำสั่งของเวทัส

เวทัสไม่เคยมีประสบการณ์ในการควบคุมคน รพีพงษ์ให้เขาเป็นหัวหน้า เขารู้สึกไม่คุ้นเคย แต่ในใจเขาก็รู้สึกอยากลองเต็มที กำลังคิดว่าจะเปลี่ยนตระกูลลัดดาวัลย์ให้ยากที่จะทำลายยังไง

หลังจากที่พูดคุยเสร็จแล้วนั้น ชลาธิปที่ฟังพวกรพีพงษ์พูดอยู่ตลอดนั้นก็ยืนขึ้น ได้ไปยังด้านหน้าของเวทัส

จากการคุญเมื่อกี๊ ชลาธิปรู้ ว่าคนที่ชื่อเวทัส ความสามารถได้ถึงจุดที่เรียกว่ายอดฝีมือของกำลังภายในแล้ว ฝีมือระดับนี้เป็นอย่างไรเขาไม่รู้ แต่ที่เขาเข้าใจคือแม้แต่ดำเกิงอยู่ต่อหน้าเวทัสก็ยังต้องเคารพนอบน้อม นั่นก็แสดงว่าฝีมือไม่ต่างกันมาก

ดังนั้นเขาจึงอยากคว้าโอกาสนี้ หาอาจารย์ให้กับทยุติ และหายอดฝีมือกำลังภายในเป็นบอดี้การ์ด

“คุณเวทัส ไม่ทราบว่าคุณสามารถรับทยุติเป็นลูกศิษย์ได้หรือไม่ ถ้าได้ล่ะก็ ผมยอมจ่ายร้อยล้าน เป็นค่าเรียนให้กับคุณ ถ้าคุณรู้สึกว่าน้อยไป ผมยังเพิ่มให้ได้อีก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท