พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่692 ความกรุณาของรพีพงษ์

บทที่692 ความกรุณาของรพีพงษ์

บทที่692 ความกรุณาของรพีพงษ์

บนเวที ชายร่างใหญ่ทั้งสองกำลังประลองอยู่บนเวที คนที่อยู่ด้านล่างเวทีต่างตะโกนโหวกเหวก สนามมวยใต้ดินเต็มไปด้วยเสียงดังกึกก้อง

คนอเมริกาเป็นคนสูงใหญ่ พวกที่กล้าขึ้นประลองบนเวที ต้องมั่นใจในฝีมือตัวเอง ดังนั้นในสนามมวยใต้ดิน ผู้ที่เข้าประลอง ล้วนมีร่างกายคล้ายกับภูเขาอย่างไรอย่างนั้น

บวกกับร่างกายของคนพวกนี้ที่มีกล้ามเนื้อ ทำให้รู้สึกการแข็งขันมีรสชาติมากขึ้น

รพีพงษ์และชาลิสาทั้งคู่เดินไปถึงขอบเวที มองไปยังคนที่ประลองอยู่ในขณะนี้

“ฝีมือของคนของตระกูลนิธิวรสกุลนั้นยอดเยี่ยม ดังนั้นในทุกๆวันจะจัดคนมาแค่คนเดียวเท่านั้น สู้ทั้งคืน ถ้าคุณอยากเป็นจุดสนใจของอนันยช ต้องมาที่นี่สักครั้ง เพื่อเอาชนะคนของตระกูลนิธิวรสกุล” ชาลิสากล่าว

รพีพงษ์พยักหน้า ไม่พูดอะไร

การรวมตัวกันของเขาทั้งสองนั้นค่อนข้างแปลก คนหนึ่งคือสาวสวยแห่งตะวันออกอันเซ็กซี่ อีกคนเป็นชายที่ใส่หน้ากากการ์ตูน ดึงดูดสายตาคนจำนวนไม่น้อย แต่หลังจากที่คนจำนวนมากเห็นหน้ากากของรพีพงษ์แล้วนั้น ก็เยาะเย้ยออกมาทันที

ไม่นาน สองคนบนเวทีได้จบการประลองลง ผู้แพ้โดนต่อยจนจมูกบวมเขียวลงจากเวที ผู้ชนะก็คำรามอยู่บนเวทีสักพัก

แต่คนนั้นก็ไม่ได้อยู่ประลองบนเวทีต่อ หลังจากที่คำรามแล้วนั้น ก็กระโดดลงจากเวทีทันที เพราะเขาได้สังเกตเห็นคนๆหนึ่งกำลังเดินมาที่เวที

คนนั้นคือ ยอดฝีมือของตระกูลนิธิวรสกุล

รพีพงษ์ก็สังเกตเห็นคนนั้นเช่นกัน เอกสารที่ชาลิสาให้เขาก็มีข้อมูลของคนนี้อยู่ เขาจำได้ว่าคนนี้ชื่อกรกริช เป็นสมาชิกยอดฝีมือกลุ่มที่สองที่อนันยชฝึกฝนมา

กรกริชมาถึงเวที กระโดดขึ้น บนเวทีโดยตรง จากนั้นก็ใช้สายตาเหยียดหยามมองไปรอบๆ แล้วกล่าว “ใครอยากประลองกับฉันบ้าง ขึ้นมา”

ที่ๆเคยเสียงดังโหวกเหวกกลับกลายเป็นเงียบสงัดทันใด คนที่อยู่ตรงนั้นไม่มีใครกล้าเสนอตัว รวมถึงนักมวยที่เวทีใต้ดินฝึกฝนออกมาด้วยเช่นกัน

ช่วงนี้ยอดฝีมือของตระกูลนิธิวรสกุลได้ชนะนักมวยของเวทีใต้ดินทั้งทั้งมีชื่อเสียงและไม่มีชื่อเสียงมาหลายคนแล้ว ทุกคนล้วนรู้ดีถึงความน่าเกรงขามของคนพวกนี้ของตระกูลนิธิวรสกุล รู้ว่าถ้าขึ้นเวที ก็คือรนหาที่ตายนั่นเอง ส่งผลให้ตอนนี้เมื่อเห็นคนของตระกูลนิธิวรสกุล ล้วนไม่มีใครกล้าขึ้นเวทีทั้งนั้น

ดูไปยังด้านล่างที่เงียบสงบ ไม่มีใครขึ้นมาเป็นคู่ต่อสู้ของตน กรกริชบึนปาก แล้วกล่าว “การประลองในเวทีใต้ดินของวันนี้จบลงแบบนี้งั้นหรอ ไม่มีใครขึ้นบนเวทีแล้ว?”

ผู้ดูแลสนามมวยเริ่มอึดอัดขึ้นมา พวกเขารู้ดีถึงความร้ายกาจของคนบนเวที ถ้าจัดนักมวยขึ้นไปชก ก็มีเพียงแต่จะโดนชกเท่านั้น ทำให้สนามมวยเสียหายเป็นอย่างมาก แต่ถ้าไม่จัดคนขึ้นไป คนดูจะต้องไม่พอใจเป็นแน่ พวกเขาจึงค่อนข้างสับสน

ในขณะที่ผู้ดูแลสนามมวยกำลังถอนหายใจอย่างเซ็งอยู่นั้น ก็มีคนขึ้นไปบนเวที

ทุกคนมองขึ้นไปบนเที พบว่าคนที่อยู่บนเวที เป็นคนที่สวมหน้ากากการ์ตูน

ทุกคนล้วนรู้สึกประหลาดใจ มองรพีพงษ์ ด้วยสายตาดูถูก

ถึงแม้ผู้ดูแลจะแปลกใจที่คนที่ขึ้นเวทีนั้นทำไมใส่หน้ากากการ์ตูน แต่มีคนขึ้นไปดีกว่าไม่มีใครขึ้นไปเลย เขารีบถือไมค์ แล้วพูดเป็นภาษาอังกฤษว่า “ดูๆแล้วคืนนี้พวกเรามีเพื่อนที่กล้าเสี่ยงอันตราย เชื่อว่าเขาจะทำให้การประลองนี้คุ้มค่าแก่การรับชม”

ผู้คนด้านล่างเวทีหัวเราะเสียงดัง

“การประลองที่คุ้มค่าแก่การดู? ฉันว่าเป็นตลกที่คุ้มค่าแก่การดูมากกว่า มันยังใส่หน้ากากการ์ตูนด้วย มาแสดงการ์ตูนหรือยัง?” คนหนึ่งเยาะเย้ยออกมา

ผู้ดูแลยิ้มอย่างอึดอัด แล้วกล่าวต่อว่า “สหาย ก่อนที่จะประลอง พวกเราอยากรู้ฉายาของคุณก่อน กรุณาพูดเสียงดังๆให้ทุกคนได้ยินด้วย!”

“เทพมรณะ” รพีพงษ์ให้เสียงโทนต่ำเปล่งคำว่าเทพมรณะออกไปเป็นภาษาอังกฤษ

ด้านล่างเวทีเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ ราวกับรู้สึกว่ารพีพงษ์มาเล่นตลกอย่างไรอย่างนั้น

“ไอ้นี่ ยังกล้าเรียกตัวเองว่าเทพมรณะอีก คิดว่าตัวเองใส่หน้ากากเทพมรณะแล้ว จะโอ้อวดได้หรือไง เดี๋ยวโดนต่อยแล้วรับไม่ทัน เสียชีวิต ล่ะจะฮา”

“นี่คงไม่ใช่เพราะไม่มีใครกล้าขึ้นเวที เลยจัดตลกขึ้นมาบนเวทีหรอกนะ ถ้าเป็นแบบนี้จริงๆ ก็เจ๋งดี ฉันอยากจะเห็นมันโดนต่อยอย่างรุนแรงแล้วล่ะ’

……

ชาลิสาที่อยู่ล่างเวทีมองรพีพงษ์ที่อยู่บนเวทีอย่างเซ็ง คิดในใจว่าโตๆกันแล้วยังจะทำตัวเป็นเด็กป.2อีก หรือคำพูดที่ว่าผู้ชายคือเด็กที่ไม่มีวันโตคำพูดนี้เป็นความจริงงั้นหรือ?

ขณะนี้ชายบึกบึนเดินไปข้างๆชาลิสา ยิ้มพลางกล่าว “เมื่อกี๊ผมเห็นคุณมาพร้อมกับคนบนเวที คุณก็เห็นแล้ว ว่ามันตลก คุณมากับเขา ก็มีแต่จะเสียหน้า สู้คืนนี้ คุณไปกับผม ผมจะทำให้คุณหยุดไม่ได้”

พูดๆ คนนั้นก็โชว์กล้ามให้ชาลิสาดู

ชาลิสาจ้องไปที่คนนั้นด้วยสายตาเกรี้ยวกราด แล้วกล่าว “ไสหัวไป!”

กรกริชจ้องไปที่รพีพงษ์ด้วยสายตาเลศนัย แล้วกล่าว “ฉันไม่รู้ว่าแกเป็นเทพมรณะหรือไม่ แต่จากหน้ากากที่แกใส่ในวันนี้ ฉันสามารถส่งแกไปหาเทพมรณะตัวจริงได้”

ภายใต้หน้ากากรพีพงษ์ยิ้มอย่างมีเลศนัย คนที่อยู่ด้านหน้าเขานั้นไม่รู้เลย ว่าคู่แข่งที่เขาจะประลองด้วยในวันนี้ เป็นคนอย่างไรกันแน่

“เกรงว่าแกจะไม่มีความสามารถพอน่ะสิ ฝีมือแก ก็แค่ธรรมดาเท่านั้น วันนี้ฉันมาเพื่อจะทำให้แกรู้ พลังที่แท้จริงเป็นยังไง” รพีพงษ์ยิ้มพลางกล่าว

ใบหน้าของกรกริชแอบซ่อนความเหยียดหยามเอาไว้ จากนั้นเขาก็ไม่เสียเวลา เริ่มวอร์มอัพตัวเอง แล้วลงมือต่อรพีพงษ์

“ไร้ซึ่งยางอาย ก็แค่ตัวตลก ยังกล้าจะพูดเรื่องพลังกับฉันอีก รับหมัดซะ!”

กรกริชพุ่งไปด้านหน้าของรพีพงษ์ ชกไปที่กระโหลกศีรษะของรพีพงษ์

ความเร็วนี้ของเขาถ้าเทียบกับคนธรรมดาถือว่าเร็วอย่างมาก แต่ในสายตาของรพีพงษ์ ช้าอย่างกับเต่า

รพีพงษ์ยกมือขึ้นเบาๆ แล้วจับข้อมือของกรกริชไว้ จากนั้นก็ผลักไปด้านหลัง ข้อมือของกรกริชก็หักลง

กรกริชที่เชื่อมั่นในตัวเองตอนนี้สีหน้ากลับเต็มไปด้วยความเจ็บปวด จากนั้นก็ถอยหลังไป

แต่ในขณะเดียวกันนี้เอง รพีพงษ์ได้เตะไปที่เข่าของเขา

เสียงดังก๊อก กรกริชคุกเข่าลง ตอนนี้เหงื่อไหลเต็มหัวเขา ใช้เวลาเพียงแค่ไม่นาน เขาก็แขนหักขาหัก แม้ฝีมือเขาจะดีขนาดไหน วันนี้ก็ไม่มีทางได้แสดงออกมาแล้ว

ที่ไม่ฆ่าเขา ก็ถือว่ารพีพงษ์มีความกรุณา ต่อคนของตระกูลนิธิวรสกุลมากที่สุดแล้ว

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท