พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่690 ท่าทีเปลี่ยนแปลง

บทที่690 ท่าทีเปลี่ยนแปลง

บทที่690 ท่าทีเปลี่ยนแปลง

โศศุจยิ้มกว้างอย่างพอใจ ไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดที่ตรงเป้าหมายของรพีพงษ์ เขาเป็นคนที่อาจหาญไม่คิดมาก ก่อนหน้านี้คิดเองเออเองเกินไปจริงๆ ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเทือกเขากิสนา ก็คิดว่าเทือกเขากิสนาเป็นแค่สวนสนุก และลูกชายของเจ้านายเทือกเขากิสนาคงจะไม่มีความสามารถอะไร

ตอนนี้รพีพงษ์ได้พิสูจน์ตัวเองด้วยความแข็งแกร่งแล้ว โศศุจก็เต็มใจที่จะยอมรับการมองด้านเดียวของตัวเองก่อนหน้านี้ ในฐานะประธานของสำนักงานใหญ่สหพันธ์สหภาพจีน ความใจกว้างนี้เขาก็ยังคงมีอยู่

“ก่อนหน้าฉันมองพลาดไปจริงๆ หวังว่าน้องชายไม่เอามาใส่ใจ พวกเราเป็นนักสู้ เคารพในความแข็งแกร่ง นายสามารถมีความแข็งแกร่งเช่นนี้ได้ตั้งแต่อายุเท่านี้ มันหาได้ยากในโลกนี้ มองไปที่ประเทศจีนทั้งหมด มีความสามารถอย่างนายมีจำนวนน้อย ดูเหมือนว่าฉันควรจะต้องทำความเข้าใจเทือกเขากิสนาว่ามีความเป็นอยู่อย่างไรจริงๆ”โศศุจเอ่ยปาก

รพีพงษ์ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม ท่าทีของโศศุจที่จะรับผิดชอบต่อสิ่งที่ตัวเองพูดทำให้เขามองดูดีมีระดับ

เขมทัตมองไปที่รพีพงษ์ด้วยรอยยิ้ม เอ่ยปากว่า: “ฉันดูท่วงท่าเมื่อกี้นี้ของน้องชายค่อนข้างแปลก ฉันเคยสัมผัสกับศิลปะการต่อสู้มานับไม่ถ้วนในชีวิต แต่ไม่เคยเห็นสำนักของน้องชายมาก่อน ไม่รู้ว่าอาจารย์ของน้องชายอยู่ที่ไหน?”

“อาจารย์เคยสั่งไว้ ไม่สะดวกที่จะบอก”รพีพงษ์เอ่ยปาก

เขมทัตพยักหน้า และไม่ถามอะไรอีก

พิชยะกัดฟันแล้วลุกขึ้นจากพื้น เอ่ยปากว่า: “เมื่อกี้นี้ฉันแค่ประมาทเท่านั้นเอง ไม่อย่างนั้นนายไม่มีทางมองจุดอ่อนของฉันออก ที่สำคัญในระหว่างต่อสู้ก็ออมมือให้นายไปมากมาย พวกเรามาสู้อีกครั้ง ครั้งนี้ฉันไม่มีทางออมมือให้นายแน่ นายแพ้แน่นอน!”

เมื่อเขมทัตได้ยินคำพูดของพิชยะสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นดำทันที ตะโกนเสียงใส่เขาทันที: “หยุดก่อความวุ่นวายได้ล่ะ แพ้แล้วก็คือแพ้ หรือว่าแกยังขายหน้าไม่พออีกเหรอ!”

“พ่อ เมื่อกี้นี้เป็นเพราะผมออมมือให้เขาจริงๆ ถึงปล่อยให้เขามีโอกาส ไม่อย่างนั้น….”พิชยะไม่ยอมปล่อยผ่านไปแบบนี้ ชาลิสามองดูอยู่ด้านข้าง ถ้าหากปล่อยผ่านไปแบบนี้ จากนี้ไปภาพลักษณ์ตัวเองในความคิดของชาลิสาคงจะแย่ลง

เขมทัตโกรธจนหน้าเขียว การต่อสู้ก่อนหน้านี้ ทั้งๆที่รพีพงษ์จงใจออมมือให้เขา ถึงได้ทำให้เขายืนหยัดมาได้นานขนาดนี้ ถ้าหากรพีพงษ์ต้องการที่จะชนะจริงๆ เขาแพ้ไปนานแล้ว

ตอนนี้พิชยะกลับคำบอกว่าเขาออมมือให้รพีพงษ์ถึงได้แพ้ เท่ากับว่าทำให้เขาอับอายขายหน้ามาก

“แกหุบปากเดี๋ยวนี้!”เขมทัตตะโกนใส่พิชยะ “ความสามารถไม่เท่าคนอื่นก็ต้องยอมรับ อย่าหาข้อแก้ตัวให้ตัวเอง ถ้าแกยังเป็นแบบนี้อีก ต่อให้จะมีความสามารถแค่ไหนก็ตาม ก็ยากที่จะกลายเป็นเซียนได้!”

พิชยะถึงได้ปิดปากเงียบ แต่ก็มองออกว่าเขาไม่พอใจ

โศศุจหันหน้าไปมองที่ชาลิสา เอ่ยปากว่า: “ลิสา แกยังยืมเฉยอยู่อีกทำไม รีบไปจัดเตรียมห้องให้น้องชายคนนี้ ช่วงที่เขาอยู่อเมริกา ก็พักที่บ้านของเรา”

“พอดีเลยถ้าในด้านเน่ยจิ้งแกมีอะไรที่ไม่เข้าใจ ก็สามารถขอคำแนะนำจากเขาได้”

ชาลิสามองไปที่พ่อของตัวเองด้วยสีหน้าตกตะลึง ไม่คาดคิดว่าท่าทีที่เขามีต่อรพีพงษ์จะเกิดเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ขนาดนี้ นี่กับเมื่อกี้แตกต่างกันราวกับฟ้ากับดิน

เมื่อเขมทัตได้ยินคำพูดของโศศุจ ก็ถอนหายใจอย่างหมดหนทางทันที ความหมายของโศศุจนั้นชัดเจนมาก เขาไม่รังเกียจที่ลูกสาวของตัวเองจะใกล้ชิดกับรพีพงษ์

ก่อนที่รพีพงษ์จะปรากฏตัว เขามักจะพูดแบบนี้กับพิชยะ

แต่เขาก็ไม่สามารถพูดอะไรได้ ท้ายที่สุดถ้าเปลี่ยนเป็นเขา เขาก็คงจะให้ลูกสาวของเขาใกล้ชิดกับรพีพงษ์มากๆ แน่นอนไม่มีใครต่อต้านผู้ชำนาญที่มีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ได้

โดยปกติเมื่อผู้คนพบเจอสิ่งที่ดีกว่า ก็จะลืมสิ่งก่อนหน้านี้ไป

“ใช่แล้ว ยังไม่รู้ชื่อของน้องชายเลย ฉันจะเรียกนายว่าน้องชายไปตลอดมันก็ไม่ค่อยเหมาะสม”โศศุจจ้องไปที่รพีพงษ์แล้วเอ่ยปากถาม

“รพีพงษ์”รพีพงษ์บอกชื่อของตัวเอง

โศศุจพยักหน้า หันหน้าไปมองชาลิสาอีกครั้ง เอ่ยปากว่า: “แกยังยืนเฉยอยู่อีกทำไม รีบไปช่วยจัดเตรียมห้องนอนให้น้องรพีพงษ์สิ”

ชาลิสาถึงค่อยดึงสติกลับมา จ้องไปที่รพีพงษ์ด้วยท่าทางแปลกๆ จากนั้นก็พูดว่า: “ตามฉันมา”

รพีพงษ์สองมือประสานแล้วคำนับให้โศศุจและเขมทัต จากนั้นก็เดินตามชาลิสาเข้าไปข้างใน

ในไม่ช้า ชาลิสาพารพีพงษ์มาถึงที่ห้องพัก และพูดว่า: “ช่วงนี้นายพักที่นี่ไปก่อน ถ้าหากต้องการอะไร สามารถบอกกับฉันได้ตลอดเวลา”

“ขอบคุณ”รพีพงษ์กล่าวประโยคเดียว

ชาลิสาไม่ได้พูดอะไร จ้องไปที่รพีพงษ์อย่างครุ่นคิด และถามว่า: “นายเพิ่งจะบรรลุถึงเน่ยจิ้งพื้นฐานเองไม่ใช่เหรอ ทำไมนายถึงได้แข็งแกร่งมากขนาดนี้ล่ะ? นายจงใจแสร้งทำเป็นว่าเพิ่งเข้าสู่เน่ยจิ้งพื้นฐานต่อหน้าฉันเหรอ?”

รพีพงษ์มองไปที่ชาลิสาอย่างกลืมไม่เข้าคายไม่ออก เอ่ยปากว่า: “ฉันไม่เคยยอมรับว่าฉันมีความแข็งแกร่งเพียงเน่ยจิ้งพื้นฐานนะ คุณเดาของคุณเอง”

ชาลิสาย้อนนึกดูบทสนทนาตั้งแต่ตัวเองเจอรพีพงษ์ พบว่าตัวเองจากท่าทีของรพีพงษ์ ก็สันนิษฐานว่าเขาเพิ่งก้าวเข้ายอดฝีมือสู่เน่ยจิ้งพื้นฐาน

และตัวเองเป็นเพราะแบบนี้ ท่าทีที่มีต่อรพีพงษ์จึงสามารถพูดได้ว่าค่อนข้างแย่ แต่เขาก็ไม่สนใจ แต่กลับปฏิบัติอย่างใจเย็นเสมอ เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ชาลิสารู้สึกได้ทันทีว่าตัวเองเทียบกับรพีพงษ์แล้ว ยังห่างไกลกันมาก

สีหน้าของเธอแดงขึ้นเผยถึงความกระอักกระอ่วน หลังจากที่รพีพงษ์เห็น กลับรู้สึกรู้สึกว่าใบหน้าที่เรียวสวยชาลิสา มีความน่ารักเพิ่มขึ้นอีก

“ขอ…..ขอโทษนะ ก่อนหน้านี้ฉันเข้าใจนายผิด ท่าทีของฉันจึงค่อนข้างแย่ไปบ้าง หวังว่านายจะไม่ถือสา”ชาลิสากล่าวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความรู้ผิด

รพีพงษ์ยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดว่า: “ไม่เป็นไร”

ชาลิสาคิดว่ารพีพงษ์เป็นคนใจกว้างจริงๆ และความแข็งแกร่งก็ทรงพลังขนาดนี้ อายุก็รุ่นราวคราวเดียวกับหล่อน….

เดี๋ยวก่อนนะ รพีพงษ์มีสถานะของการสลับไปมาระหว่างวิชาหายใจออกและการหายใจตามปกติอยู่จริงๆด้วย ซึ่งแสดงให้เห็นว่ารพีพงษ์ชำนาญเน่ยจิ้งได้ภายในช่วงเวลาสั้นๆ อย่างน้อยก็คงจะภายในหนึ่งปี

และเขาสามารถเอาชนะพิชยะที่ความแข็งแกร่งบรรลุถึงเน่ยจิ้งชั้นต้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่าความแข็งแกร่งของเขาก็บรรลุถึงเน่ยจิ้งชั้นต้น ที่สำคัญยังทรงพลังกว่าด้วย

สองสิ่งนี้เชื่อมโยงเข้าด้วยกัน ชาลิสาก็ได้ข้อสรุปว่า: รพีพงษ์ภายในหนึ่งปี ก็ชำนาญเน่ยจิ้ง บรรลุถึงความแข็งแกร่งเน่ยจิ้งชั้นต้นได้แล้ว!

หากสามารถบรรลุถึงเน่ยจิ้งชั้นต้นได้ในวัยนี้ เป็นผู้ชำนาญหนึ่งในหมื่นคน และภายในหนึ่งปีจากพื้นฐานไปถึงชั้นต้น นี่ถือได้ว่าเป็นปีศาจ

ชาลิสามองไปที่รพีพงษ์ด้วยความไม่เชื่อ และพูดด้วยเสียงสั่นคลอน: “นาย….นายใช้เวลาเพียงหนึ่งปี จากเน่ยจิ้งพื้นฐาน บรรลุถึงระดับเน่ยจิ้งชั้นต้น นี่….นี่มันผิดปกติเกินไปแล้ว!”

เมื่อได้ยินคำพูดของชาลิสา รพีพงษ์กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า: “คุณเดาผิดแล้ว”

“เป็นไปไม่ได้! นายอย่ามาหลอกฉัน ฉันเดาได้ไม่มีทางผิด”ชาลิสาพูดอย่างเด็ดขาด

รพีพงษ์ยักไหล่ และไม่ได้เถียง แต่ว่าชาลิสาเดาผิดจริงๆ

ความแข็งแกร่งของรพีพงษ์ตอนนี้คือเน่ยจิ้งขั้นกลางไม่ใช่เน่ยจิ้งชั้นต้น ที่สำคัญใช้เวลาเพียงแค่ครึ่งปี ไม่ใช่หนึ่งปี

ผู้หญิงคนนี้ คิดเองเออเองอีกแล้ว

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท