พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่694 ผู้ดูแล

บทที่694 ผู้ดูแล

บทที่694 ผู้ดูแล

ระหว่างทางกลับ สีหน้าของชาลิสาแดงก่ำตลอดทาง รพีพงษ์เดินตามหลังเธอ อธิบายไปหลายครั้ง แต่เธอก็ไม่ฟัง ว่ารพีพงษ์ตลอดทางว่าเป็นไอ้ลามก

รพีพงษ์เบื่อหน่าย รู้ว่าการที่ตัวเองจะรักษาภาพพจน์อันดีงามของตนเองต่อหน้าชาลิสานั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อีกแล้ว

ในเวลาเดียวกันเขาก็พอจะเดาได้ว่าสาวสวยอย่างชาลิสา ที่มีพลังแข็งแกร่ง ปกติแล้วจะไม่มีใครกล้าลวนลามเธอแน่นอน

ดังนั้นวันนี้เมื่อตอนที่รพีพงษ์เกือบจะจับตรงนั้นของเธอ เธอจึงได้ออกอาการมากขนาดนั้น

แต่สิ่งที่ควรพูดถึงก็คือ ชาลิสาที่ปกติดูนิ่งๆ เมื่อหน้าแดงก็ยิ่งน่ารักขึ้น ดูดีกว่าชาลิสาที่นิ่งสงบเสียอีก

กลับมายังสำนักงานใหญ่สหพันธ์สหภาพจีน ชาลิสาไปยังห้องของตัวเอง ไม่ได้สนใจโศศุจที่กำลังฝึกฝนอยู่ที่ห้องโถงแต่อย่างใด

โศศุจแปลกใจ เขาเพิ่งจะเคยเห็นชาลิสาไม่มีสติครั้งนี้ครั้งแรก ชาลิสาก่อนหน้านี้นั้นเป็นคนที่นิ่งสงบ ไม่เคยร้อนรนขนาดนี้มาก่อน

“ลูกสาวฉันเป็นอะไร? พวกแกมีปัญหาอะไรตอนอยู่ข้างนอกหรือเปล่า?” โศศุจเห็นรพีพงษ์เดินตามหลังมา ก็ได้ถามไป

รพีพงษ์ยิ้มอย่างเขินอาย แล้วกล่าว “เธอประลองกับผม แพ้ เลยไม่พอใจมั้ง”

โศศุจยิ้ม แล้วกล่าว “เธอเป็นแค่เน่ยจิ้ง แพ้คุณก็เป็นเรื่องปกติหนิ เด็กคิดนี้ก็เป็นงี้แหละตั้งแต่เล็กจนโต

รพีพงษ์ก็ไม่กล้าพูดกับโศศุจต่อ จากนั้นก็พูดอีกนิดหน่อย แล้วก็เดินกลับห้องตัวเองไป

ในช่วงเวลาต่อจากนี้ไป ทุกคืนรพีพงษ์จะใส่หน้ากากไปสนามมวยใต้ดิน ท้าทายยอดฝีมือที่อนันยชฝึกฝนมา ตอนจบยอดฝีมือเหล่านั้นล้วนแขนหักขาหัก เพราะเหตุผลนี้ รพีพงษ์จึงโด่งดัง

ชื่อของเทพมรณะได้ถูกป่าวประกาศจนเป็นที่รู้สึกในเขตนั้น ดึงดูดผู้คนมาสนามมวยใต้ดินอย่างเยอะ ก่อนที่การแข่งขันจะเริ่มขึ้น สนามมวยใต้ดินก็แออัดเต็มไปด้วยคน

และชาลิสานอกจากวันแรกที่ไปสนามมวยใต้ดินกับรพีพงษ์ นอกจากนั้นก็ไม่ได้สนใจรพีพงษ์อีกเลย แม้จะเจอรพีพงษ์ แต่ก็ใช้สายตาเกลียดชังมองรพีพงษ์ ราวกับมีความโกรธแค้นกันอย่างไรอย่างนั้น

รพีพงษ์ท้าทายยอดฝีมือของตระกูลนิธีวรสกุลวันที่ห้า

หลังจากที่ได้กำจัดยอดฝีมือของตระกูลนิธิวรสกุลแล้วนั้น รพีพงษ์ก็ไม่ลังเล เดินลงเวทีทันใด

หลังจากที่รพีพงษ์ลงจากเวทีแล้วนั้น ก็ไม่ได้จากไป รอต่ออีกสักพัก อยากรู้ว่าคนของตระกูลนิธิวรสกุลจะมาหรือไม่ ห้านาทีผ่านไป ไม่พบแม้แต่เงา รพีพงษ์จึงได้ออกจากสนามมวยใต้ดินไป

เดินไปไม่นาน รพีพงษ์รู้สึกมีคนเดินตาม เขาคิดว่าคนของตระกูลนิธิวรสกุลตามมา เมื่อเดินไปถึงตรอกซอยหนึ่ง เขาได้เลี้ยวไปด้านใน

คนที่เดินตามรพีพงษ์คนนั้นเห็นรพีพงษ์เลี้ยวเข้าไปในซอย ก็รีบตามไปอย่างเร็ว เมื่อเห็นรพีพงษ์ยืนอยู่ตรงหน้าเขา ก็ยิ้มออกมาแล้วกล่าว “ไม่คาดคิดว่าจะโดนจับติดจนได้”

รพีพงษ์ไม่ได้ถอดหน้ากากออก มองคนนั้นตั้งแต่หัวจรดเท้าผ่านหน้ากาก คนนี้อายุราวๆสี่สิบปีโดยประมาณ เป็นชายผอม แล้วยังใส่แว่นตาอีกด้วย

ไม่ว่าจะมองยังไง คนนี้ก็ไม่รู้จักศิลปะการต่อสู้ แต่รพีพงษ์กลับรับรู้ได้ถึงความพิเศษในตัวเขา

คนนี้เป็นยอดฝีมือของเน่ยจิ้ง

“แกเป็นคนของตระกูลนิธิวรสกุล? รพีพงษ์ถาม

คนนั้นชะงัก แล้วกล่าว “ผมขอแนะนำตัวหน่อยล่ะกัน ผมชื่อผลบุญ แน่นอน คุณสามารถเรียกชื่ออังกฤษผมได้ โทนี่ ผมคือผู้ดูแลไชน่าทาวน์ของอเมริกา ตอนนี้ผมขอให้คุณถอดหน้ากาก ใช้หน้าจริงพูดคุยกับผม

รพีพงษ์รู้สึกแปลกใจ ไม่คาดคิดว่าคนที่ตามตัวเอง จะเป็นคนดูแล แม้จะรู้ว่าผู้ดูแลมีตัวตนอยู่ แต่รพีพงษ์ก็เพิ่งจะเคยเจอเป็นครั้งแรก

คนนี้ทิ้งความทรงจำในการเจอกันครั้งแรกให้กับรพีพงษ์ไม่ค่อยดีนัก ค่อนข้างหยิ่งผยอง แม้จะเป็นคนของผู้ดูแล ก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะสั่งให้เขาถอดหน้ากากออก

“ขอโทษนะ ผมไม่อยากถอด คุณพูดมาดีกว่าว่าทำไมต้องตามผมมา” รพีพงษ์กล่าว

ผลบุญเริ่มโมโห เขามองว่า วัยรุ่นยี่สิบกว่าปีที่อยู่ตรงหน้าเขา ตรงหน้าของผู้ดูแล ควรจะเคารพถึงจะถูก ไม่คาดคิดว่าอีกฝั่งจะหยิ่งผยองขนาดนี้ กล้าปฏิเสธคำขอของเขา

“ชั่งหยิ่งผยองจริงๆ ยี่สิบปีเป็นเน่ยจิ้งได้ ถือว่ามีพรสวรรค์จริง แต่นี่ไม่ใช่ว่าแกจะหยิ่งยโสต่อหน้าฉันได้ แกต้องรู้ไว้นะ ว่าฝีมือระดับแก เป็นเงื่อนไขพื้นฐานที่ผู้ดูแลพึ่งจะมีก็เท่านั้น” ผลบุญกำลังสอนผู้ที่อายุน้อยกว่า

รพีพงษ์เบื่อหน่าย รู้สึกว่าผู้ดูแลคนนี้ค่อนข้างสำคัญตัวเองเกินไปแล้ว

“เข้าประเด็น ทำไมแกต้องตามฉันมา” รพีพงษ์ถามอีก

ผลบุญเห็นเด็กคนนี้ยังคงหยิ่งยโส ก็เริ่มรู้สึกไม่ดีขึ้นมา แต่ในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่กว่า จะไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเด็กพวกนี้ ดังนั้นจึงกล่าวว่า “ฉันติดตามดูแกมาหลายวัน แกน่าจะเพิ่งเป็นเน่ยจิ้ง ช่วงหลายวันมานี้แกใช้เน่ยจิ้งจัดการคนของตระกูลนิธิวรสกุล แม้จะเป็นบนเวที แต่จำนวนมากไป ฉันจะมาเตือนแก อย่าทำร้ายคนที่ไม่เป็นเน่ยจิ้งมากนัก มิเช่นนั้นผู้ดูแลอย่างพวกเราจะต้องลงโทษแก”

ตระกูลนิธิวรสกุลมีคความแค้นกับฉัน ฉันไม่ไปที่ตระกูลพวกเขาโดยตรงก็ถือว่าดีขนาดไหนแล้ว รออนันยชมาหาฉันเอง แล้วฉันจะหยุด” รพีพงษ์กล่าวอย่างเรียบง่าย

ผลบุญคิ้วกระตุก แล้วกล่าว “งั้นฉันขอให้แกยกเลิกความตั้งใจนี้ซะ อนันยชเป็นศิษย์มีครู ฝีมือถึงขั้นเน่ยจิ้งชั้นต้นแล้ว แกไม่ใช่คู่ต่อกรของเขา”

ผลบุญมองว่า รพีพงษ์น่าจะพึ่งฝึกเป็นเน่ยจิ้งได้ไม่นาน คนวัยนี้ฝีมือระดับเน่ยจิ้งนั้นมีน้อยนัก ทั้งไชน่าทาวน์ของอเมริกามีเพียงสองคนเท่านั้น และเขาอายุยี่สิบกว่าปีก็เป็นเน่ยจิ้ง จนกระทั่งสี่สอบปีถึงจะเป็นเน่ยจิ้งชั้นต้น

รพีพงษ์ได้ยินคำพูดของผลบุญ รู้สึกว่าคุยกับเขาไปก็ไม่มีความหมายอะไร จึงได้ตอบว่า “คุณไม่ต้องสนใจเรื่องนี้แล้ว”

พูดจบ เขาก็เดินจากไป

“เด็กน้อย แกยังไม่ให้ฉันเห็นใบหน้าที่แท้จริงของแกเลย ฉันในฐานะผู้ดูแล ต้องรู้จักตัวตนของแก!” ผลบุญตะคอกใส่รพีพงษ์

รพีพงษ์ไม่สนใจเขา แล้วรีบเดินอย่างรวดเร็ว

ผลบุญรีบตามไป ทั้งคู่เริ่มแสดงฝีมือ ในตรอกซอยนั้น

สุดท้าย ผลบุญก็หลงตามไม่ทันรพีพงษ์ แล้วด่าว่า “ไอ้เด็กบ้า หนีเร็วจริง ครั้งหน้าถ้าเจอแกอีก จะต้องถอดหน้ากากแกออกให้ได้!”

……

กลางคืนของวันถัดมา รพีพงษ์ปรากฏกายที่สนามมวยใต้ดินอีกครั้ง ผู้คนต่างต้อนรับ

แต่ในขณะนี้ รพีพงษ์ได้เห็นอนันยชยืนอยู่บนเวทีไกลๆ จึงได้หลับตาลง

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน