พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่697 เน่ยจิ้งขั้นกลางทั้งสอง

บทที่697 เน่ยจิ้งขั้นกลางทั้งสอง

บทที่697 เน่ยจิ้งขั้นกลางทั้งสอง

“เป็นไปไม่ได้!” ได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ อนันยชก็ตกใจ มองไปยังคนที่ตัวเองมองว่าเป็นมดด้วยความคาดไม่ถึง

ครึ่งปีก่อนหน้านี้ เด็กนี้ไม่มีพลังที่จะต่อกรกับตัวเองได้เลย เขาสามารถฆ่าเด็กนี่ได้อย่างง่ายดาย ความจริง มันควรจะตายแล้วสิถึงจะถูก

แต่ทว่าตอนนี้เด็กนี่ยังคงมีชีวิตอยู่ตรงหน้าเขา แล้วยังมีระดับเน่ยจิ้ง สิ่งที่ทำให้เขาจินตนาการไม่ออกที่สุดคือ ไอ้เด็กนี่จะมีฝีมือเน่ยจิ้งขั้นกลางอีก

ห้าปีก่อน ได้เริ่มฝึกฝนกับชินาธิป ชินาธิปบอกว่าเขามีพรสวรรค์ แล้วใช้เพียงแค่หนึ่งปี ก็สามารถเป็นเน่ยจิ้งขั้นต้นได้

ปกติ ถ้าต้องการขยับจากเน่ยจิ้งขั้นต้นเป็นเน่ยจิ้งขั้นกลาง มีสองข้อ ข้อแรกคือมีสวรรค์ที่ยอดเยี่ยม หาคนที่จะมีเน่ยจิ้งได้นั้น เพียงแค่ตั้งใจ ใช้เวลาพอ ก็มีโอกาสที่จะเป็นเน่ยจิ้งขั้นต้นได้นั้นได้

แต่ระหว่างเน่ยจิ้งขั้นต้นและเน่ยจิ้งขั้นกลาง ถูกขั้นไว้ด้วยความยากลำบาก ไม่ใช่แค่ตั้งใจก็จะผ่านไปได้

ดังนั้นคนที่เป็นเน่ยจิ้งขั้นกลางได้นั้น ไม่ใช่เป็นคนมีพรสวรรค์หนึ่งในล้านเท่านั้น แม้จะเป็นแบบนี้ คนที่จากเน่ยจิ้งขั้นต้นไปเน่ยจิ้งขั้นกลาง ต้องใช้เวลาสิบปีถึงจะทำได้

อนันยชใช้เวลาจากเน่ยจิ้งขั้นต้นไปเน่ยจิ้งขั้นกลาง เป็นเวลาสี่ปี แม้จะเป็นชินาธิป ก็บอกว่าหาได้ยากแล้ว มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้น

ดังนั้นอนันยชจึงภูมิใจ ในใจเขา ในโลกนี้ คนที่จะเทียบกับเขาได้ มีเพียงตระกูลพวกที่มีพรสวรรค์ด้านศิลปะการต่อสู้แบบโบราณเท่านั้น

แต่ทว่ารพีพงษ์ที่ตายและกลับมามีชีวิตใหม่ที่อยู่ตรงหน้าเขานั้น ไม่เพียงยังมีชีวิตอยู่เท่านั้น ยังใช้เวลาอันสั้น เป็นเน่ยจิ้ง แล้วยังมีฝีมือเท่ากับเขาอีก

พรสวรรค์แบบนี้ อนันยชหาคำที่จะมาอธิบายไม่ได้อีกแล้ว เกรงว่าแม้แต่อาจารย์ของเขา ก็ไม่น่าจะเคยเห็นคนที่ใช้เวลาเพียงครึ่งปีแล้วเป็นเน่ยจิ้งขั้นกลางได้

นี่ทำให้อนันยชไม่เพียงตะลึง แต่ยังอิจฉาอย่างมากอีกด้วย

ขณะนี้เขาไม่สามารถควบคุมตัวเองให้นิ่งสงบได้อีกแล้ว ในสายตาเต็มไปด้วยเลือด เต็มไปด้วยความเคียดแค้น

“ตอนนั้นที่เกาะพระจันทร์ ฉันควรจะตัดคอแกซะ แกในตอนนั้น ในสายตาฉันก็เป็นแค่หมดเท่านั้นแหละ!” อนันยชกล่าวอย่างกัดฟัน

รพีพงษ์ยิ้มพลางกล่าว “ตอนนี้พูดเรื่องนี้ ก็ไม่มีความหมายใดๆแล้ว ฉันไม่เหมือนกับแก วันนี้ ฉันจะให้แกกระอักเลือดออกมา จึงจะจากไป”

อนันยชดูแคลน แล้วกล่าว “ใครแพ้ใครชนะยังไม่รู้เลย แม้แกจะเป็นเน่ยจิ้งขั้นกลาง แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะชนะฉันได้หนิ!”

รพีพงษ์หลับตาลง ไม่พูดอะไรต่อ จากนั้นก็พุ่งไปที่อนันยช แล้วเริ่มต่อสู้

ตอนนี้อนันยชและรพีพงษ์ล้วนอยู่ในระดับเน่ยจิ้งขั้นกลาง แต่ทว่าอนันยชกลับไม่รู้ ว่าหลังจากที่รพีพงษ์ถึงจุดแรงภายนอก ของเน่ยจิ้ง เพราะถ้าแรงภายนอกเพิ่ม ฝีมือของเขาก็จะเก่งกว่าคนในระดับเดียวกันอย่างมาก

การปะทะกันระหว่างยอดฝีมือเน่ยจิ้งขั้นกลาง ได้ดึงดูดผู้คน คนที่อยู่ด้านล่างล้วนไม่เข้าใจอารมณ์ของทั้งคู่ เพียงแค่เห็นแล้วสุดยอด ก็พอใจแล้ว

บนเวทีถือว่าไม่เลวเลยล่ะ แต่พลังของเน่ยจิ้งขั้นกลางคนทั่วไปพอจะนึกออก ดูจากการปะทะกันของทั้งสอง บนเวทีเริ่มมีรอยแตกร้าว หลังจากการต่อสู้ครั้งนี้ เกรงว่าเวทีนี้จะพังแน่นอน

ตอนนี้ผลบุญรู้สึกแข็งทื่อ เขายืนอยู่กับที่ ตาสองดวงจ้องไปยังคนสองคนบนเวที ซึ่งตรงกันข้ามกับเสียงเชียร์ที่ดุเดือดรอบกาย

“เน่ย……เน่ยจิ้งจั่นกลางทั้งสอง ฉัน……ฉันกำลังฝันไปใช่ไหม?”

ตอนแรกที่รพีพงษ์แสดงฝีมือเน่ยจิ้งชั้นต้นนั้น ผลบุญก็รู้สึกตะลึง เขายังปลอบตัวเองว่าตนคือเน่ยจิ้งชั้นต้น เด็กนี่ดีกว่าเขาแค่นิดหน่อย

แต่ทว่าไม่นาน อนันยชก็ระเบิดพลังเน่ยจิ้งขั้นกลาง ทำเอาผลบุญอเาปากค้าง ในข้อมูลของผู้ดูแลนั้น อนันยชน่าจะเป็นเน่ยจิ้งชั้นต้น แต่ไม่มีใครรู้ว่าอนันยชจะใช้เวลาเพียงสั้นๆ มาเป็นเน่ยจิ้งขั้นกลางได้ เพราะนี่คือความคิดเบื้องต้น

“หลับไปแล้วจะต้องรีบรายงานให้กลุ่มทราบเกี่ยวกับเรื่องนี้ มีเน่ยจิ้งชั้นกลางคนใหม่ปรากฏตัวขึ้น น่สจะเป็นข่าวดังของไชน่าทาวน์อเมริกาในช่วงเวลานี้แล้ว จากนี้ไป ไอ้เด็กที่เข้าข้างตัวเองนั่นต้องโชคร้ายแล้วล่ะ” นี่เป็นความคิดของผลบุญเมื่อก่อน ในตอนที่ความคิดนี้ของเขาเพิ่งผุดเข้ามา รพีพงษ์ก็ระเบิดพลังเน่ยจิ้งขั้นกลางออกมา ทำเอาเขาตะลึงไปเลยทีเดียว

ในหนึ่งวัน ไชน่าทาวน์อเมริกา ปรากฏยอดฝีมือของเน่ยจิ้งขั้นกลางขึ้นสองคน แล้วอายุก็แค่ยี่สิบกว่าปี ถ้าข่าวนี้ไปถึงผู้ดูแล ผู้ดูแลทั้งหมดจะต้องแตกตื่นเป็นแน่

เพราะในกลุ่มผู้ดูแลของอเมริกา มียอดฝีมือเน่ยจิ้งขั้นกลางเพียงสองคนเท่านั้น จากกำลังของผู้ดูแล ไม่มีทางต่อกรกับยอดฝีมือเน่ยจิ้งขั้นกลางสองคนได้ในเวลาเดียวกัน

“ไม่แปลกที่ไอ้เด็กนั่นไม่สนใจฉัน ที่แท้ความสามารถของมันก็ถึงเน่ยจิ้งขั้นกลางแล้วนี่เอง แล้วฉันยังสั่งเน่ยจิ้งขั้นกลางอีก เมื่อคืนในตรอก เขาไม่ฆ่าฉัน ก็ถือว่าโชคดีขนาดไหนแล้ว” ผลบุญพึมพำคนเดียว หลังเต็มไปด้วยเหงื่อที่ไหลออกมาไม่หยุด

“เน่ยจิ้งขั้นกลาง! นี่มันสิ่งล้ำค่านี่หน่า ทำไมแป๊ปๆก็โผล่ออกมาสองคน แล้วให้ฉันได้เจอกับตัวอีก ถ้ารู้ว่าเป็นแบบนี้ ให้ตายยังไงก็จะไม่ตอบรับหัวหน้ามาสังเกตการณ์แต่แรก”

ผลบุญพึมพำในใจ เขาคิดอยากจะออกไปแล้ว เพียงแค่ยังมีภารกิจ เขาจึงจำเป็นต้องอยู่ที่นี่ หากสองยอดฝีมือเน่ยจิ้งขั้นกลางกระทบกับผู้คนที่อยู่ด้านล่าง เขาต้องเข้าไปควบคุมตั้งแต่แรก

แน่นอน ถ้าตอนนี้เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น เขาต้องติดต่อหัวหน้าของพวกเขา เขาไม่คิดว่าตัวเองจะขวางยอดฝีมือเน่ยจิ้งขั้นกลางทั้งสองได้

บนเวที รพีพงษ์และอนันยชระเบิดพลังจนเวทีดูไม่ออกว่าเป็นเวทีแล้ว ตอนนี้อนันยชเหงื่อไหลเต็มหัวไปหมด ต่อกรกับรพีพงษ์นานขนาดนี้ เขาเริ่มรู้สึกหมดพลังแล้ว

อีกครั้งกับการต่อกร อนันยชไม่หวั่นรพีพงษ์ ถูกรพีพงษ์ตบเข้าไปที่หลัง จนกระอักเลือดออกมา ทันใดนั้นพลังของอนันยชก็ลดลงอย่างรวดเร็ว

เขาจ้องรพีพงษ์อย่างไม่คาดคิด แล้วถาม “ทำไมพลังของแกแข็งแกร่งได้ขนาดนี้? ฉันก็เป็นเน่ยจิ้งขั้นกลาง ทำไมพลังต่างจากแกได้มากขนาดนี้?”

รพีพงษ์ยิ้ม แล้วกล่าว “ฉันมีพรสวรรค์ แกเชื่อไหมล่ะ?”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท