พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่679 ไปผับ

บทที่679 ไปผับ

บทที่679 ไปผับ

คฤหาสน์ตระกูลวิรุฬห์ธนกิจ

ในห้องรับแขก นายใหญ่ของตระกูลวิรุฬห์ธนกิจปิติภัทรและลูกชายของเขาโธวัตกำลังนั่งอยู่บนโซฟา ตรงข้ามทั้งคู่เป็นคนที่ใส่ชุดฉางผาวสีดำ เอวตรง อายุราวๆสี่ห้าสิบปี ดูเหมือนเป็นชายที่ต่างจากคนอื่น

คนนี้คือศิษย์ของฝ่ามือสยบพยัคฆ์ ชื่อโสจกร ครั้งนี้ออกมาหาประสบการณ์ผ่านมาที่อำเภอคีงเมนพอดี นึกขึ้นได้ว่าที่นี่มีฝ่ามือสยบพยัคฆ์อีกแห่ง จะได้มาเยี่ยมเยียน

ปีติภัทรคือศิษย์นอกของฝ่ามือสยบพยัคฆ์ ตอนนั้นได้เล่าเรียนอย่างลำบากอยู่ในหุบเขามาโดยตลอด เพราะมีคุณสมบัติที่ไม่เลว ได้รับแก่นแท้จากอาจารย์ท่านหนึ่ง ความสามารถไม่เลว ผ่านการฝึกฝนมาหลายปี ถือได้ว่าได้เป็นส่วนหนึ่งของกำลังภายในแล้ว

และโสจกรศิษย์ในถือว่าค่อนข้างเก่งเลยทีเดียว ได้อยู่ในวงการกำลังภายในมาเนิ่นนานแล้ว ครั้งนี้ที่เขามาตระกูลวิรุฬห์ธนกิจ ก็เพราะให้เกียรติปีติภัทรที่ได้เข้าถึงกำลังภายใน มิเช่นนั้น เขาก็ไม่มีทางแวะมายังสาขาที่ศิษย์นอกมีอยู่

“พี่โสจกร ไม่เจอกันหลายปี ร่างกายคุณดูแข็งแรงขึ้นนะ ฝีมือพัฒนาขึ้นอีกแล้วล่ะสิ ศิษย์ในนี่เจริญก้าวหน้ากันทุกคนเลยนะ ศิษย์นอกเทียบไม่ได้เลย” ปีติภัทรยิ้มแล้วกล่าวกับโสจกร

โสจกรไม่ได้ใส่ใจ แต่ในใจก็รู้สึกสบายใจอย่างมาก แล้วกล่าว “งั้นๆแหละ เทียบกับพี่ๆไม่ได้อยู่แล้ว คุณก็ไม่เลว ศิษย์นอก สามารถเข้าถึงกำลังภายในได้ ถือว่ายากอยู่เหมือนกัน เสียดายที่อายุมากไปหน่อย มิเช่นนั้น ก็ยังมีโอกาสเข้าภายในได้อยู่”

ปีติภัทรยิ้มทันใดแล้วกล่าว “พี่โสจกรก็ตลกไป สำหรับการเป็นศิษย์ใน ผมไม่ได้คาดหวังอะไรแล้ว แต่คุณสมบัติของลูกชายผมก็ถือว่าไม่เลว ในรุ่นเดียวกัน คนที่จะต้านทานลูกผมได้ น้อยเหลือเกิน ดังนั้นผมจึงอยากหาโอกาสให้เขาได้เข้าไปเป็นศิษย์ใน ถึงตอนนั้นอยากรบกวนพี่โสจกรช่วยสักหน่อย”

พูดจบ เขาก็สะบัดมือ มีคนเอาโสมฟุ้งด้วยกลิ่นหอมอบอวลหลายต้นมา โสมเหล่านี้มีอายุอย่างน้อยก็ร้อยกว่าปี เป็นของจริงที่หาได้ยาก

สำหรับคนที่ฝึกศิลปะการต่อสู้ จะไม่สนใจต่อเกียรติยศและเงินทอง แต่จะให้ความสำคัญต่อยาที่จะเพิ่มความสามารถ และการบาดเจ็บนั้นเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ วัตถุดิบอันล้ำค่าอย่างหนึ่ง เปรียบเสมือนชีวิต

โสจกรจ้องไปที่โสมเหล่านั้น โดยไม่ปฏิเสธ แล้วยังพูดอย่างสงบอีกว่า “แม้ผมจะช่วยได้ แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องพึ่งตัวเขาเอง ถ้าไม่มีความสามารถ ต่อให้ผมพูดมากเท่าไหร่ก็ไร้ประโยชน์

ปีติภัทรรู้ว่าโสจกรตอบรับแล้ว จึงรีบขอบคุณ “ผมเข้าใจคำพูดพี่โสจกรแล้ว ลูกชายของผมถือว่าไม่แย่ ไม่มีทางทำให้พี่โสจกรผิดหวังแน่นอน ยังไม่รีบขอบคุณลุงโสจกรอีก”

โธวัตรีบยืนขึ้น โค้งคำนับต่อโสจกร แล้วกล่าว “ขอบคุณคุณลุง”

โสจกรพยักหน้า แล้วไม่พูดอะไรต่อ

ไม่นาน คุ้มขวัญเดินเข้ามาที่ห้องรับแขกด้วยสีหน้าที่บูดบึ้ง นั่งลงบนโซฟาโดยตรง ดูออกว่ากำลังน้อยใจอยู่

ปีติภัทรเห็นคุ้มขวัญ ก็รีบกล่าว “ขวัญ แกเป็นอะไร ลุงโสจกรนั่งอยู่นะ ทำไมไม่เรียกทักทายหน่อย”

คุ้มขวัญเงยหน้าขึ้น แล้วตะโกนเรียกลุงโสจกร

“พี่โสจกร ลูกสาวคนนี้ของผมตามใจจนเสียคน ดังนั้นจึงไม่รู้จักมารยาท ขอคุณโปรดเข้าใจ” ปีติภัทรกล่าว

โสจกรยิ้ม แล้วกล่าว “ไม่เป็นไร เด็กผู้หญิงเอาแต่ใจตัวเองไปหน่อย ปกติ แต่ดูจากลักษณะของเธอแล้ว เหมือนกับโดนรังแกมาเลยนะ พูดออกมาไหม ไม่แน่ฉันลุงโสจกรอาจช่วยเธอได้นะ”

“ก็ไอ้สวะที่ตอนนั้นจีบหนูอยู่มันปรากฏตัวขึ้นมา ให้หนูขอโทษยายนั่น แล้วยังบีบข้อมือหนูอีก ทำเอาหนูเสียอารมณ์ไปเลย” คุ้มขวัญกล่าว

“ไอ้สวะ? ขวัญ เกิดอะไรขึ้นกันแน่?” ปีติภัทรมองคุ้มขวัญแล้วถาม

คุ้มขวัญรีบเล่าเรื่องวันนี้ให้ฟัง จากนั้นก็เล่าเรื่องที่ดำเกิงถูกโธวัตต่อย ปีติภัทรและโธวัตทั้งสองก็นึกออกขึ้นมาทันใดว่าคนที่คุ้มขวัญพูดอยู่นั้นคือใคร

“ไม่คาดคิดว่าไอ้สวะยังมีหน้ากลับมาอีก ขวัญ ในเมื่อฉันพี่ชายแกเคยชนะมันมาแล้วครั้งนึง ก็สามารถชนะมันเป็นครั้งที่สองได้อีก เดี๋ยวเจอมัน พี่จะเอาคืนให้” โธวัตดูแคลนขึ้นมาทันที

ปีติภัทรมองไปรอบๆ จากนั้นกล่าวว่า “ไอ้เด็กนี่มันบอกว่ามันจะมาล้างแค้นไม่ใช่หรอ นั่นก็แสดงว่ายังมาที่ตระกูลวิรุฬห์ธนกิจแน่นอน งั้นพ่อเตรียมเวทีให้พวกแกเลยแล้วกัน ถึงเวลานั้นแกออกโรงจัดการมัน และให้ลุงโสจกรของแกได้เห็นฝีมือ ว่าไง?”

โธวัตตาเป็นประกาย รู้สึกว่าความคิดนี้ของพ่อเขาไม่เลว แล้วกล่าว “ไม่มีปัญหา ถึงเวลานั้นหาคนดูมาหน่อย ให้ไอ้เด็กนี่ได้รู้ ว่าความอับอายมันเป็นยังไง!”

คุ้มขวัญดีใจขึ้นมา แล้วกล่าว “งั้นก็รบกวนพ่อกับพี่ด้วยนะ ฉันนัดเพื่อนไปเที่ยวตอนกลางคืน งั้นฉันไปก่อนล่ะ”

……

กลางคืน รพีพงษ์และดำเกิงที่หาที่พักในอำเภอคีงเมนสำเร็จ ดำเกิงอยู่ในหุบเขามานาน รู้สึกอดกลั้นมานาน วันนี้มาในเมือง อยากไปทุกที่

ไม่นาน ทั้งคู่ได้เดินผ่านที่ๆตกแต่งอย่างหลากสีสันต์ แป๊ปๆก็มีเสียงเพลงดังขึ้นมา ดำเกิงรู้สึกแปลกใจ แล้วถาม “พี่ ที่นี่คือที่ไหน?”

รพีพงษ์หันไปมอง แล้วกล่าว “นี่คือผับ”

“ผับ?” ดำเกิงมองไปรอบๆ “พี่ พาผมเข้าไปหน่อยดิ ผมอยากลองว่าเหล้าที่นี่อร่อยไหม” รพีพงษ์คิดยังไงพวกเขาก็ไม่มีธุระอะไร เข้าไปเที่ยวในผับสักหน่อยคงไม่เป็นไร จากนั้นก็พาดำเกิงเข้าไปในผับ

เห็นคนที่ไม่หยุดเต้นในผับ ฟังเสียงเพลงที่สนั่นลั่น ดำเกิงรู้สึกแปลกใจ เขาอยู่ในเขาเรียนศิลปะการต่อสู้มาโดยตลอด ไม่เคยได้เจอกับสิ่งแบบนี้ จึงรู้สึกตื่นเต้น

รพีพงษ์พาดำเกิงมาที่เคาท์เตอร์ สั่งเหล้าสองแก้ว ยื่นให้ดำเกิง หันไปมองโถงของผับ แล้วดูพวกชายหญิงกำลังเต้นรำกันอย่างสนุกสนาน

เขาสังเกตเห็นหญิงสวมชุดโป๊ จูบกับชายที่ไม่ซ้ำกันสามคนในเวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งนาที หญิงคนนี้ชั่งปล่อยตัวจริงๆ อนาคตถ้าขวัญนลินกล้ามาในที่แบบนี้ เขาจะต้องตีขาขวัญนลินให้หัก

“คนในเมืองนี่เที่ยวเก่งนะ ผมจินตนาการไม่ออก ว่ายังมีที่แบบนี้อยู่ด้วย ถ้าตอนแรกมาที่นี่ เห็นสาวสวยมากมายขนาดนี้ ผมจะชอบคุ้มขวัญได้ไงกัน” ดำเกิงยิ้มพลางกล่าว

ขณะนี้เขาได้สังเกตเห็นที่นั่งไม่ไกลกำลังครึกครื้น จึงได้ลากรพีพงษ์ไปดูว่าเขาทำอะไรกัน

ถึงด้านข้างของที่นั่ง ดำเกิงเห็นบนโต๊ะวางแก้วเหล้าหลายใบ แต่ล่ะแก้วมีเหล้ามากไม่เท่ากัน แล้วใต้แก้วเหล้าก็มีเงินอยู่ เหล้ายิ่งมาก เงินก็ยิ่งมากตามไปด้วย หญิงคนหนึ่งกำลังพยายามที่จะดื่มเหล้า จากนั้นก็หยิบเงินด้านล่างของแก้ว คนรอบๆก็เชียร์กันอย่างไม่หยุด

ในขณะเดียวกันนี้เอง ก็มีเสียงแหลมดังขึ้น “ดำเกิง! แกไอ้สวะมานี่ได้ไงกัน!”

ดำเกิงเงยหน้าขึ้น พบว่า คนที่นั่งตรงนั้น คือคุ้มขวัญ และข้างๆเธอ เป็นหนุ่มเศรษฐี

หลายคนจ้องไปที่ดำเกิง ด้วยสายตาไม่เป็นมิตร

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท