พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่705 กฎบ้าอะไร

บทที่705 กฎบ้าอะไร

บทที่705 กฎบ้าอะไร

“อย่ามาวางมาดใหญ่โตไปหน่อยเลย ต่อให้พวกเรายืนให้แกฆ่าอยู่ที่นี่ แกกล้าเหรอ เพียงแค่แกแตะต้องพวกฉันแม้แต่ปลายนิ้ว ก็จะมีปรมาจารย์เน่ยจิ้งมาหาแกถึงที่ ถึงตอนนั้นแกจบเห่แน่!”

คนของตระกูลนิธิวรสกุลคนหนึ่งกำเริบเสิบสานหัวเราะเสียงดังใส่รพีพงษ์ โดยที่ไม่ได้เอารพีพงษ์ไว้ในสายตาแม้แต่น้อย

รพีพงษ์หรี่จ้องมองชายคนนั้น รีบก้าวเท้าพุ่งออกไป หนึ่งหมัด ชกลงไปที่หน้าอกชายคนนั้น

กระดูกซี่โครงของชายคนนั้นหักไปเจ็ดแปดซี่ในพริบตาเดียว และอีกหลายซี่ถูกเสียบเข้าไปในอวัยวะภายในโดยตรง ทำให้เขาไม่สามารถตายได้ภายในช่วงเวลาสั้นๆ แต่กลับต้องทนกับความเจ็บปวดที่ไม่อาจจินตนาการได้

“อึก…..อึก…..”ชายคนนั้นเบิกตากว้าง ราวกับว่าต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขาไม่มีโอกาสได้พูดอีกต่อไปแล้ว

ทุกคนในตระกูลนิธิวรสกุลตกใจกับการลงมืออย่างกะทันหันของรพีพงษ์ พวกเขาทั้งหมดก็ถอยกลับไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว ท่าทางไม่กลัวเมื่อกี้นี้หายไปอย่างไร้ร่องรอย

เมื่อเห็นผู้ชายที่ตายในเงื้อมมือของรพีพงษ์ด้วยหมัดเดียว ก้นบึ้งหัวใจของพวกเขาก็เกิดความหวาดกลัว

“แก…..แกฆ่าคนธรรมดา แกไม่กลัวการถูกลงโทษเลยเหรอ!”มีใครบางคนตะโกนด้วยความสยดสยอง

“คนธรรมดาเหรอ? พวกแกก็เป็นคนที่สมควรตายอยู่แล้ว ต่อให้ฆ่าแล้วยังไงล่ะ!”รพีพงษ์พูดอย่างเย็นชา

ชาลิสามองดูท่าทางที่เต็มไปด้วยความโกรธของรพีพงษ์ รู้ว่าเกลี้ยกล่อมเขาในเวลานี้ ก็เกลี้ยกล่อมห้ามไม่หยุดแล้ว

กาจพลก็คาดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะลงมือฆ่าคนจริงๆ ร่างกายที่งออยู่แล้วก็สั่นเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าไม่สงบเหมือนก่อนหน้านี้

“รพีพงษ์ แกรู้หรือเปล่าว่าแกกำลังทำอะไรอยู่? แกฆ่าเขาแล้ว ตัวแกเองก็จะต้องชดใช้ไปด้วย หรือว่าสมองแกมีอยู่แค่นี้เหรอ?”กาจพลเอ่ยปาก

สายตาของรพีพงษ์ตกอยู่บนตัวเขา กระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์มุมปากเล็กน้อย เอ่ยปากว่า: “ฉันไม่เพียงแต่จะฆ่าเขา ยังจะฆ่าแกด้วย แกจะทำอะไรฉันได้?”

หลังจากพูดเสร็จ เขาก็เดินไปที่กาจพลอย่างช้าๆ

ทุกคนในตระกูลนิธิวรสกุลมองไปที่รพีพงษ์ด้วยความหวาดกลัว ไม่มีใครกล้ายืมออกมาขวางรพีพงษ์ เนื่องจากว่าอนันยชก็ตายอยู่ในเงื้อมมือของเขา พวกเขาจะกล้าท้าทายรพีพงษ์ได้อย่างไร

ในตอนแรกพวกเขาคิดว่ากฎในหมู่เน่ยจิ้งที่แข็งแกร่งเพียงพอที่จะสามารถคุมควบรพีพงษ์ได้ ใครจะคิดว่ารพีพงษ์จะไม่เอาพวกนี้ไว้ในสายตาเลย ถ้ารู้ก่อนว่าจะเป็นแบบนี้ พวกเขาก็คงจะปล่อยวางหนีไปนานแล้ว

เหงื่อเย็นๆบนหน้าผากของกาจพลก็ปรากฏขึ้นมาทันที เขาคาดไม่ถึงว่าตัวเองจะทำให้โกรธรพีพงษ์ ตอนนี้ไม่รู้ว่าจะจบลงอย่างไร

ในขณะที่กาจพลกังวลว่าตัวเองจะถูกรพีพงษ์ฆ่าตาย มีร่างหนึ่งมาขวางตรงหน้ารพีพงษ์ไว้ ก็คือศรัณย์

“รพีพงษ์ พอสมควรแล้ว นายได้ฆ่าคนไปแล้วคนหนึ่ง อย่าปล่อยให้ตัวเองทำผิดพลาดครั้งใหญ่อีกเลย”ศรัณย์เอ่ยปาก

รพีพงษ์จ้องมองไปที่ศรัณย์แวบหนึ่ง เอ่ยปากถามว่า: “นายเป็นคนของทีมปรมาจารย์เน่ยจิ้งเหรอ?”

ศรัณย์พยักหน้า แล้วพูดว่า: “ฉันเป็นหัวหน้าทีมปรมาจารย์เน่ยจิ้งในไชน่าทาวน์ของอเมริกา ศรัณย์ ช่วงนี้ฉันเฝ้าสังเกตนายอยู่ตลอด เพื่อป้องกันไม่ให้นายทำเรื่องไม่ดี”

“ทำเรื่องไม่ดีเหรอ? พวกเขาจะขุดปู่ของฉันแล้วเอาแส้เฆี่ยนตีอยู่แล้ว ฉันต้องการแก้แค้น ยังกลายเป็นทำเรื่องไม่ดีเหรอ?”รพีพงษ์ถาม

ศรัณย์หายใจอย่างช่วยไม่ได้ และพูดว่า: “ฉันรู้ว่านายโกรธ แต่ว่านายเป็นถึงยอดฝีมือเน่ยจิ้ง เขาก็เป็นแค่คนธรรมดา ตามกฎแล้ว นายไม่สามารถทำร้ายชีวิตของพวกเขาได้”

“แม่งตั้งกฎเกณฑ์บ้าอะไร วันนี้กูจะฆ่าไอ้พวกเชี้ยที่ไม่ลืมหูลืมตา ใครก็อย่าได้คิดมาห้ามฉัน!”รพีพงษ์ตะโกนเสียงดัง

“ถ้าหากฉันเห็นนายดึงดันที่จะทำตามใจตัวเองอีก งั้นฉันก็ทำได้เพียงแค่ลงไม้ลงมือห้ามนายไว้”ศรัณย์เอ่ยปาก

เมื่อคนของตระกูลนิธิวรสกุลได้ยินศรัณย์บอกว่าตัวเองคือหัวหน้าทีมปรมาจารย์เน่ยจิ้ง ในใจก็มีที่พึ่งพิงทันที รู้สึกว่าหัวหน้าทีมปรมาจารย์เน่ยจิ้งก็มาแล้ว งั้นรพีพงษ์ก็คงไม่มีทางที่จะลงมือกับพวกเขาได้อย่างแน่นอน

“รพีพงษ์ นายก็รีบยอมมอบตัวให้จับแต่โดยดี หัวหน้าทีมของปรมาจารย์เน่ยจิ้งเขาก็มาแล้ว นายไม่มีสิทธิ์มาหยิ่งผยองที่นี่อีกต่อไป รีบยอมรับผิดแต่โดยดี!”

“ไอ้เด็กเปรต อย่าคิดว่าไม่มีใครสามารถจัดการกับแกไม่ได้ เขาเป็นถึงหัวหน้าทีมของปรมาจารย์เน่ยจิ้ง แกคิดว่าแกจะสามารถฆ่าคนภายใต้การดูแลของเขาได้เหรอ!”กาจพลก็ตะโกนใส่รพีพงษ์ ความกลัวในใจก็ลดลงไปมากเช่นกัน

รพีพงษ์หรี่ตามองไปที่ศรัณย์แวบเดียว จากนั้นส่งเสียงเย็นชา ก่อนที่จะพุ่งไปหากาจพล

ศรัณย์เตรียมพร้อมที่จะต่อสู้แล้ว เมื่อเห็นรพีพงษ์ลงมือ ก็รีบเคลื่อนไหวขึ้นมาทันที

ทั้งสองคนปะทะกัน พลังแข็งแกร่งที่มีอานุภาพ ผู้คนรอบข้างก็ถูกอานุภาพพลังของทั้งคนบีบคั้นให้ถอยไปข้างหลัง

เพราะเขาถึงได้เข้าใจแนวความคิดของยอดฝีมือเน่ยจิ้งว่าเป็นแบบไหน และเกิดความกลัวขึ้นมาในใจอย่างฉับพลัน

“ความสามารถของนายเป็นสิ่งที่คาดไม่ถึง ในช่วงวัยนี้ ก็มีความแข็งแกร่งเน่ยจิ้งขั้นกลางแล้ว นายควรจะรักและถนอมความสามารถของนายไว้ดีๆ ถ้าตอนนี้นายวางมือ ฉันสามารถแนะนำนายเข้าสู่ปรมาจารย์เน่ยจิ้งได้ ด้วยความสามารถของนายแล้ว อยากจะเป็นบุคคลระดับสูงของปรมาจารย์เน่ยจิ้ง เป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก”ศรัณย์เอ่ยปากในขณะที่กำลังต่อสู้

“ขอโทษด้วย ฉันไม่สนใจเรื่องนี้!”รพีพงษ์เอ่ยปาก

ศรัณย์กัดฟันแน่น และพูดต่อว่า: “ฉันสามารถปล่อยให้นายทุบตีระบายความโกรธกับคนพวกนี้ได้สักพัก แต่นายไม่สามารถทำร้ายชีวิตของพวกเขาได้ นี่คือสิ่งสุดท้ายที่ฉันจะอ่อนข้อให้ได้”

“วันนี้ฉันต้องฆ่าพวกเขา นายก็ไม่ต้องเกลี้ยกล่อมฉันแล้ว!”

อานุภาพพลังของรพีพงษ์ได้ถึงจุดสูงสุดแล้ว เน่ยจิ้งขั้นกลางรวมกับแรงภายนอกชั้นสูงสุด แม้แต่ศรัณย์ ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของรพีพงษ์

ภายในพริบตาเดียว ศรัณย์ก็รู้สึกว่าต้องใช้แรงมาก ทันใดนั้นก็รู้สึกเสียใจที่ตัวเองติดตามรพีพงษ์เพียงลำพัง ถ้าเขารู้มาก่อนก็เรียกวิกรานต์มาด้วย

“ตกลงว่านายฝึกฝนเน่ยจิ้งยังไง ทำไมถึงได้แข็งแกร่งขนาดนี้?”ศรัณย์อดไม่ได้ที่จะถามรพีพงษ์ประโยคหนึ่ง

“รอเดี๋ยวมีเวลาฉันจะบอกนาย แต่ตอนนี้ไม่ว่าง”

รพีพงษ์พูดจบ ก็จับจุดอ่อนอย่างหนึ่งของศรัณย์ได้ ฟาดลงไปที่หน้าอกของเขาหนึ่งครั้ง

สีหน้าของศรัณย์เปลี่ยนไปอย่างมาก และร่างก็ล้มลงไปด้านหลังในทันที โดยมีเลือดไหลออกจากมุมปาก

รพีพงษ์ไม่ได้ลงมือให้ถึงตาย เพียงแต่ทำให้สูญเสียอานุภาพในการต่อสู้ไปชั่วคราว แบบนี้เขาก็จะสามารถฆ่าคนเหล่านี้ของตระกูลนิธิวรสกุลทีละคนได้อย่างสบายใจ

เมื่อทุกคนเห็นว่าหัวหน้าทีมปรมาจารย์เน่ยจิ้งก็ล้มอยู่ในเงื้อมมือของรพีพงษ์ อดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเย็นๆ สีหน้าท่าทางของพวกเขาก็เปลี่ยนเป็นดูเคร่งเครียดมาก

ตอนแรกกาจพลคิดว่าหัวหน้าทีมของปรมาจารย์เน่ยจิ้งมาก็จะสังหารรพีพงษ์ได้ แต่กลับคาดไม่ถึงแม้แต่หัวหน้าทีมคนนี้ยังพ่ายแพ้ให้กับรพีพงษ์ ในตอนนี้เขาถึงได้รู้ว่ารพีพงษ์น่ากลัวเพียงใด

เขาเหลือบมองไปรอบๆ ไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไร วิ่งตรงไปสถานที่จอดรถ โดยตั้งใจว่าจะหนีก่อน ส่วนคนในตระกูลนิธิวรสกุล เขาไม่สามารถดูแลได้อีกต่อไป

หลังจากรพีพงษ์เอาชนะศรัณย์ สังเกตเห็นว่ากาจพลต้องการจะหนี เขารีบพุ่งไปทางกาจพล คว้าไหล่ของเขาไว้

กาจพลตัวสั่น ค่อยๆหันหน้ามา สิ่งที่เห็น ก็คือใบหน้าที่เต็มไปด้วยความอาฆาตของรพีพงษ์

“อยากจะหนีตอนนี้ สายไปหรือเปล่า?”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท