พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่702 กลุ่มสิงโต

บทที่702 กลุ่มสิงโต

บทที่702 กลุ่มสิงโต

รพีพงษ์ที่กำลังมองดูความครึกครื้นอยู่เมื่อได้ยินคำพูดของโศศุจสีหน้าก็มึนงง ทำไมจู่ๆตัวเองถึงกลายเป็นลูกเขยของโศศุจได้ล่ะ?

ในเวลานี้โศศุจกำลังขยิบตาให้รพีพงษ์ รพีพงษ์มองออกว่าเขาต้องใช้ตัวเองมาเป็นข้อบอกปัด มาจัดการกับชายที่ชื่อครองสุขคนนี้

เขารู้สึกได้ว่าโศศุจและชาลิสาทั้งสองคนรังเกียจครองสุข อาจเป็นเพราะความแข็งแกร่งเน่ยจิ้งขั้นกลางของอีกฝ่าย โศศุจก็ไม่สามารถใช้วิธีที่แข็งกร้าวจัดการกับเขาได้ ดังนั้นจึงทำได้ดีที่สุดเท่านี้

เมื่อนึกถึงว่าช่วงนี้ตัวเองก็พักอาศัยอยู่ที่สำนักงานใหญ่สหพันธ์สหภาพจีน โศศุจและชาลิสาก็ช่วยเหลือตัวเองมากมาย ตัวเองก็สมควรที่จะช่วยพวกเรา ถึงยังไงก็แค่แสร้งทำเป็นว่าเป็นลูกเขยของโศศุจ ดังนั้นจึงพยักหน้าให้กับโศศุจ

ครองสุขหันหน้ามองไปที่รพีพงษ์ เพ่งสายตา แววตาเหยียดหยามเล็กน้อย

“พ่อตา คุณล้อเล่นหรือเปล่า? ไอ้หมอนี่ ก็คู่ควรมาแย่งลิสากับผมเหรอ?”ครองสุขเอ่ยปากถาม

“เขาไม่ได้ด้อยไปกว่านาย สิ่งสำคัญที่สุดคือ ลิสาชอบเขา ดังนั้นที่นี่ไม่มีเรื่องของนายแล้ว นายรีบๆไปเถอะ”โศศุจเอ่ยปาก

ครองสุขมองไปทางชาลิสา ถามด้วยความไม่เชื่อว่า: “ลิสา หรือว่าคุณคิดว่าไอ้เด็กนี่ดีกว่าผมเหรอ?”

แม้ว่าชาลิสาจะเขินอาย แต่หล่อนก็เข้าใจดีว่านี่เป็นวิธีการที่จะหลุดพ้นจากครองสุขของโศศุจ ดังนั้นจึงหน้าแดงแล้วพูดว่า: “ใช่แล้ว เขาดีกว่าคุณเป็นพันเท่าหมื่นเท่า ฉันชอบเขา คุณก็อย่ามามโนเพ้อฝันกับฉันอีกเลย!”

ทันใดนั้นสีหน้าของครองสุขก็เคร่งขรึม แววตาที่มองไปทางรพีพงษ์เต็มไปด้วยความอาฆาต

“ไอ้น้อง นายกล้าแย่งผู้หญิงกับฉันครองสุขเหรอ ฉันว่านายไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้วใช่มั้ย ในเมื่อเป็นแบบนี้ ฉันก็ไม่จะรังแกนาย เรามาใช้การต่อสู้ระหว่างผู้ชายมาตัดสินว่าลิสาจะตกเป็นของใคร ถ้าหากนายเอาชนะฉันได้ ฉันก็จะปล่อยลิสาให้กับนาย แต่ถ้าหากนายแพ้ ลิสาก็เป็นของฉัน!”ครองสุขเอ่ยปาก

เมื่อชาลิสาได้ยินคำพูดของครองสุข ก็โกรธมาก หล่อนคาดไม่ถึงว่าคนคนนี้จะไม่รู้จะพอ ยังจะต่อสู้กับรพีพงษ์มาตัดสินว่าหล่อนจะตอบเป็นของใคร

แต่ก่อนที่หล่อนจะเอ่ยปากแสดงความโกรธของตัวเอง รพีพงษ์ก็ตอบครองสุขด้วยเสียงราบเรียบ: “ได้”

เมื่อครองสุขเห็นรพีพงษ์ตอบตกลง บนใบหน้าก็แสดงรอยยิ้มเล่ห์เหลี่ยมออกมา เห็นได้ชัด เขาไม่คิดว่าเด็กผู้ชายที่มองไปแล้วอายุเพียงแค่ยี่สิบกว่าเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้

ครองสุขเดินตรงไปที่แผนภาพไทเก็กของห้องรับแขก แสดงแววตายั่วโทสะให้กับรพีพงษ์

รพีพงษ์ก็เดินไป ด้วยเหตุผลที่เขาตอบตกลงกับครองสุข เป็นเพราะคนคนนี้เป็นผู้ชายที่เซ้าซี้ อยากให้เขาปล่อยวาง วิธีเดียวก็คือต้องเอาชนะเขา

สำหรับความแข็งแกร่งของครองสุข รพีพงษ์ไม่ได้สนใจ มีแรงภายนอกชั้นสูงสุดที่ทำลายความแข็งแกร่งเน่ยจิ้งอยู่แล้ว รพีพงษ์รู้สึกว่าอยู่ระดับต่ำกว่าปรมาจารย์ ไม่มีใครที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้

เพียงแค่ครองสุขคนนี้ไม่ใช่ปรมาจารย์ งั้นเรื่องของวันนี้ โดยพื้นฐานแล้วไม่มีอะไรที่เป็นปัญหาใหญ่

“พ่อ ทำไมรพีพงษ์ถึงได้ตอบตกลงล่ะ เกิดเขาพ่ายแพ้ล่ะ งั้นหนูก็คงจะถูกวิปริตอย่างครองสุขคนนี้ยุ่งพัวพันไปตลอดชีวิตเลยเหรอ?”

โศศุจเหลือบมองชาลิสาด้วยความนิ่งสงบ และกล่าวว่า: “อย่าเพิ่งกังวลไปเลย อย่าลืม รพีพงษ์ก็เป็นความแข็งแกร่งเน่ยจิ้งขั้นกลาง อาจจะไม่แพ้ ดูพวกเขาต่อสู้กันก่อนเถอะ”

ชาลิสาทำได้เพียงพยักหน้า ตอนนี้หล่อนก็ทำได้เพียงฝากความหวังไว้ที่ตัวรพีพงษ์

ครองสุขจ้องมองรพีพงษ์แวบเดียว เอ่ยปากว่า: “ไอ้น้อง แนะนำตัวก่อน ครองสุขกลุ่มสิงโต หวังว่านายจะจำชื่อนี้ไว้ เพราะผ่านวันนี้ไป ฉันก็จะกลายเป็นฝันร้ายของนายตลอดไป!”

รพีพงษ์นิ่งไปชั่วขณะ กลุ่มสิงโตไม่กี่คำ ทำให้เขารู้สึกคุ้นเคย

เขาจำได้ว่าตอนที่เขาออกจากกิสนา นนทภูฝากฝังเขาไว้ อย่าได้มีเรื่องกับคนของกลุ่มสิงโต

หลังจากออกมาจากกิสนา รพีพงษ์ไม่เคยสัมผัสใกล้ชิดกับกลุ่มสิงโตมาก่อน ไม่เคยได้ยินข่าวคราวของกลุ่มที่เรียกว่ากลุ่มสิงโตมาก่อน

ตอนนี้ยังเป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินกลุ่มสิงโตสามคำนี้ออกมาจากปากคนอื่น

แม้ว่าจะแปลกใจเล็กน้อย แต่ว่ารพีพงษ์ก็ไม่ได้แสดงออกมา แต่ตอบกลับครองสุขหนึ่งประโยค: “รพีพงษ์”

“รพีพงษ์? ชื่อนี้ฟังดูคุ้นๆ แต่ไม่เป็นไร ในที่สุดแล้วนายก็จะพ่ายแพ้ให้กับฉันอยู่ดี!”

เมื่อครองสุขพูดประโยคนี้ โดยที่ไม่ลังเลแม้แต่น้อย รีบพุ่งไปหารพีพงษ์อย่างรวดเร็ว วิชาทะลวงหอคอยท่าเดียว ตรงไปบีบคอของรพีพงษ์

รพีพงษ์ยกมือต้านทาน จากนั้นก็ตอบโต้ด้วยฝ่ามือ ผลักตรงไปที่หน้าอกของครองสุข

ครองสุขหรี่ตา และมืออีกข้างก็ฟาดมือของรพีพงษ์ออกอย่างรวดเร็ว จากนั้นบนใบหน้าก็ปรากฏสีหน้าประหลาดใจ

“นายคือเน่ยจิ้งขั้นกลางเหรอ?”ครองสุขอุทาน

“มีปัญหาอะไรมั้ย?”รพีพงษ์เอ่ยปาก

“นายยังเด็กขนาดนี้ จะเป็นเน่ยจิ้งขั้นกลางได้อย่างไร…..นายชื่อรพีพงษ์ หรือว่านายคือเด็กคนนั้นที่ฆ่าอนันยชเหรอ?”ครองสุขดูจะคิดอะไรบางอย่างออก ดวงตาก็เบิกกว้างทันที

“ยินดีกับคุณด้วย ท้ายถูกแล้ว!”รพีพงษ์กล่าวด้วยรอยยิ้ม รีบก้าวพุ่งออกไป ตรงไปที่กลางหัวกะโหลกของครองสุข

ในเวลานี้ครองสุขไม่กล้าที่จะละเลยแม้แต่น้อยต่อไป ต่อสู้กับรพีพงษ์อย่างจริงจัง การต่อสู้ระหว่างทั้งสองค่อนข้างดุเดือด มองดูจนชาลิสาตาลายไปหมด

ในใจของชาลิสาได้เกิดความรู้สึกชื่นชมต่อรพีพงษ์ ก่อนหน้าหล่อนเคยได้ยินโศศุจบอกว่าความแข็งแกร่งของรพีพงษ์บรรลุถึงเน่ยจิ้งขั้นกลาง ตอนนี้เห็นกับตาตัวเอง ถึงได้สัมผัสถึงแรงกระแทกที่เกิดจากบนตัวของยอดฝีมือเน่ยจิ้งขั้นกลาง

ในขณะนี้โศศุจจ้องมองรพีพงษ์อย่างหนักแน่นจริงจัง พึมพำกับตัวเองว่า: “ความแข็งแกร่งของเด็กคนนี้ อยู่เหนือกว่าฉัน ตกลงว่าเขามีความผิดปกติอย่างไร ทำไมช่วงอายุนี้ถึงได้มีความแข็งแกร่งเช่นนี้ได้ นี่มันทำให้คนอิจฉาจริงๆเลย”

ในขณะที่การต่อสู้ดำเนินไป ครองสุขค่อยๆพบว่าตัวเองตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ทำให้หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความสยดสยอง เขาถูกเด็กเพียงแค่อายุยี่สิบกว่าทุบตีได้ถึงเช่นนี้ นี่ถ้าคนในกลุ่มสิงโตรู้ คงจะหัวเราะเยาะเขาแน่

“คุณไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉัน”รพีพงษ์พูดกับครองสุขหนึ่งประโยค

ครองสุขส่งเสียงเย็นชา และชกหมัดไปที่หน้าอกของรพีพงษ์ รพีพงษ์ยื่นมือไปสกัดกั้นไว้ ยืมแรงสู้แรง ผลักไปทางครองสุขอย่างรุนแรง

ครองสุขฉวยโอกาสถอยหลังไป ในพริบตาเดียว ก็ถึงหน้าประตูแล้ว

เขาแสดงรอยยิ้มเล่ห์เหลี่ยมให้รพีพงษ์ เอ่ยปากว่า: “ไอ้น้อง นายทำให้คนประหลาดใจจริงๆ คาดไม่ถึงจริงๆ ฉันจะมาเจอกับปีศาจอย่างนาย ลิสายกให้นาย แต่นายดึงดูดความสนใจของฉันกลุ่มสิงโตได้สำเร็จ พวกเรายังจะได้พบกันอีก”

หลังจากพูดจบ เขาก็กระโดด และหายไปจากทางเข้าประตู

รพีพงษ์คาดไม่ถึงว่าครองสุขจะฉวยโอกาสหนีไป แต่เขาก็ไม่ได้ไล่ตาม ดูท่าทางแล้ว ปัญหาของชาลิสาจัดการคลี่คลายเรียบร้อยแล้ว

แต่ดูเหมือนกับว่าตัวเองจะมีปัญหาใหม่แล้ว

เขาเดินไปตรงหน้าโศศุจ เอ่ยปากถาม: “ประธานโศศุจ คุณรู้จักกลุ่มสิงโตมั้ย?”

สีหน้าท่าทางของโศศุจเคร่งขรึมขึ้นมา แล้วพูดว่า: “กลุ่มสิงโตลึกลับมาแต่ไหนแต่ไร ฉันก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพวกเขามากนัก แต่ฉันเคยได้ยินมาว่า กลุ่มสิงโตได้ชื่อว่าเป็นองค์กรที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก ครองสุขคนนั้น เป็นเพียงสมาชิกธรรมดาของกลุ่มสิงโต”

“ร่ำลือกันว่า กลุ่มสิงโตถือกำเนิด สามารถบัญชาทั่วหล้าได้ แม้แต่ผีก็ยังหวาดกลัว!”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท