พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่708 ทางเลือกของรพีพงษ์

บทที่708 ทางเลือกของรพีพงษ์

บทที่708 ทางเลือกของรพีพงษ์

หลังจากที่โศศุจและชาลิสาทั้งสองคนได้ยินคำพูดรพีพงษ์ ต่างก็นิ่งอึ้ง จากนั้นชาลิสาก็รีบพูดว่า: “รพีพงษ์ ไม่ควรไปคุกที่ห้านั้น หลังจากเข้าไปแล้ว นายก็จะออกมาไม่ได้อีก”

รพีพงษ์เล็กน้อย แล้วพูดว่า: “ถ้าไม่ไป ก็จะถูกปรมาจารย์ไล่ฆ่า ตอนนี้ฉันคงจะอยู่ในบัญชีดำของชินาธิป แล้วถ้ามีปรมาจารย์เพิ่มมาอีกคน ฉันก็จะตายเร็วขึ้นเท่านั้น สู้ไปซ่อนตัวอยู่ในคุกที่ห้าดีกว่า”

เมื่อได้ยินสิ่งที่รพีพงษ์ ชาลิสาก็ไม่รู้จะพูดอะไรไปชั่วขณะ ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันของรพีพงษ์ ถูกส่งเข้าไปที่คุกที่ห้า ไม่แน่อาจปลอดภัยกว่าอยู่ข้างนอก

รพีพงษ์พูดแบบนี้ ก็ไม่ได้ล้อเล่น ท้ายที่สุดแล้วตัดสินจากความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขา การเผชิญหน้ากับปรมาจารย์ คือต้องตายอย่างแน่นอน แต่คุกที่ห้าแม้ฟังดูแล้วว่าเข้าไปแล้วจะออกมาไม่ได้ แต่ก็ยังมีความหวังอยู่เล็กน้อย

ศรัณย์และคนอื่นๆคิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะให้ความร่วมมือขนาดนี้ พวกเขากำลังเตรียมการต่อสู้อยู่แล้ว ตอนนี้รพีพงษ์พูดแบบนี้ พวกเขาก็ทำอะไรไม่ถูก

“ก่อนที่พวกคุณจะพาตัวฉันไป ฉันมีสองคำถาม”รพีพงษ์เอ่ยปาก

“ถามมา”ศรัณย์ตอบกลับ

“ข้างในคุกที่ห้านี้ มียอดฝีมือปรมาจารย์มั้ย?”รพีพงษ์เอ่ยปากถาม

“นอกจากผู้คุมของคุกที่ห้าที่เป็นปรมาจารย์แล้ว คนที่แข็งแกร่งที่สุดที่ขังอยู่ในนั้นก็เป็นเพียงแค่เน่ยจิ้งขั้นกลาง แต่ว่าเน่ยจิ้งขั้นกลางก็มีความแตกต่าง มียอดฝีมือเน่ยจิ้งขั้นกลาง บางคนความแข็งแกร่งที่ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าปรมาจารย์”ศรัณย์ตอบ

รพีพงษ์พยักหน้า แล้วถามต่อ: “งั้นปรมาจารย์เข้าไปที่คุกที่ห้าตามใจชอบได้หรือเปล่า?”

“ไม่ได้ ฉันรู้ว่านายกังวล ในคุกที่ห้า คนที่ยั่วโทสะปรมาจารย์อยู่จำนวนไม่น้อย แต่ว่าปรมาจารย์ไม่เคยมาที่นั่นเพื่อหาทางแก้แค้นพวกเขา มีผู้คุมอยู่ ต่อให้มีปรมาจารย์บุกรุกเข้าไป ก็ต้องไตร่ตรองดูว่าคุ้มหรือไม่คุ้ม”ศรัณย์เอ่ยปาก

เมื่อฟังคำตอบของศรัณย์แล้ว รพีพงษ์ส่งเสียงอืมคำหนึ่ง แล้วพูดว่า: “ฉันไม่มีอะไรจะถามแล้ว พวกคุณสามารถพาฉันไปที่คุกที่ห้าได้แล้ว”

ทั้งชาลิสาและโศศุจก็จ้องไปที่รพีพงษ์อย่างเคร่งเครียด นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเลย เนื่องจากสิ่งนี้เกี่ยวข้องกับอนาคตตลอดชีวิตของรพีพงษ์ แต่รพีพงษ์กลับดูเหมือนไม่สนใจ ทำให้พวกเขาต่างก็มีความกังวล

“รพีพงษ์ นาย…..นายต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป กิสนายังต้องการ ถ้าเจ้านายรู้ว่านายถูกจับตัวไปที่คุกที่ห้า คงจะเป็นห่วงนายอย่างมาก”ชาลิสาเอ่ยปาก

รพีพงษ์มองไปที่หล่อนแวบเดียว กล่าวด้วยรอยยิ้ม: “อย่ากังวลมากเกินไปเลย ช่วงนี้ฉันเอาแต่อ่านหนังสือกลยุทธ์ มีข้อมูลเชิงลึกอยู่บ้าง ถ้าหากฉันสามารถเข้าใจหนังสือกลยุทธ์เล่มนี้ได้ ความแข็งแกร่งก็น่าจะมีอานุภาพเพิ่มขึ้น ถึงเวลานั้นจะทำให้ทุกคนในคุกที่ห้าโหวตคะแนนให้ฉัน น่าจะไม่ใช่เรื่องยากอะไร”

ชาลิสานิ่งอึ้งไปชั่วขณะ หล่อนไม่คาดคิดว่าเหตุผลที่รพีพงษ์ใจเย็น เป็นเพราะหนังสือกลยุทธ์เล่มนั้น

ที่สำคัญคำพูดของรพีพงษ์ทำให้หล่อนดึงสติกลับมาไม่ได้ ตอนนี้รพีพงษ์เป็นเน่ยจิ้งขั้นกลางแล้ว ถ้าหากอานุภาพของความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น งั้นก็คงจะ กลายเป็นปรมาจารย์ไม่ใช่เหรอ?

ปรมาจารย์ที่ยี่สิบกว่า หล่อนยังไม่ได้ยินมาก่อน

“นายพูดจริงเหรอ?”ชาลิสาจ้องไปที่รพีพงษ์แล้วถาม

รพีพงษ์ยิ้มโดยไม่พูดอะไร และไม่ได้ตอบชาลิสา เดินตรงไปทางศรัณย์พวกเขา

ศรัณย์พวกเขาทั้งเจ็ดคนไม่ได้เพิกเฉยที่รพีพงษ์มีท่าทีแบบนี้ พวกเขากังวลว่ารพีพงษ์กำลังหลอกพวกเขา ความร่วมมือตอนนี้อาจจะเสแสร้งออกมา ดังนั้นจึงยังคงเฝ้าระวังอยู่เสมอ

มองดูรพีพงษ์ที่ถูกศรัณย์พาตัวไป โศศุจถอนหายใจอย่างจนใจ พึมพำว่า: “ช่างเป็นต้นกล้าที่ดี น่าเสียดาย ที่หุนหันพลันแล่นเกินไปบ้าง ถ้าหากไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ในอนาคตในแวดวงศิลปะการต่อสู้ของประเทศจีนทั้งหมด ก็จะมีพื้นที่ของเขาอย่างแน่นอน”

“พ่อ พ่อคิดว่าคุกที่ห้านั้น สามารถกักขังจับรพีพงษ์ไว้ได้จริงเหรอ?”ชาลิสาเอ่ยปากถาม

โศศุจถูกคำพูดของชาลิสาถามตรงจุดทันที ใช่แล้ว ถ้าหากเปลี่ยนเป็นคนที่มีความสามารถทั่วไป เขาทอดถอนหายใจแบบนี้บางทีอาจจะไม่มีปัญญาอะไร แต่ตอนนี้คนที่ถูกจับตัวไปคือรพีพงษ์ เด็กคนนี้ที่ทำให้เขาทึ่งมากมาย ไม่สามารถตัดสินยึดตามเหตุผลทั่วไป

“ไม่แน่เขาอาจจะสามารถฝ่าเส้นทางสายเลือดสู่เส้นทางชีวิตใหม่ในคุกที่ห้านั้นได้ แค่ให้เรารอคอยไปสักพัก”โศศุจพึมพำ

ชาลิสาพยักหน้าอย่างจริงจัง

“แต่จะว่าไปแล้ว ลิสา แกชอบเด็กนี้ใช่มั้ย?”โศศุจเปลี่ยนหัวข้อสนทนา หันไปถามชาลิสา

ใบหน้าของชาลิสาแดงขึ้นทันที เขม็งตาใส่โศศุจ แล้วพูดว่า: “ผีนะสิถึงจะชอบเขา พ่อ พ่อก็อย่ามาล้อเล่นกับหนูเลย”

โศศุจหัวเราะ และพูดว่า: “ในใจแกมีผีหรือเปล่า ฉันก็ไม่รู้นะ”

……

เทือกเขาร็อกกีในอเมริกา

ยอดเขาหลายยอดติดๆกัน ร่างเล็กๆหลายคนกำลังเดินไปที่เชิงเขา เมื่อเทียบกับยอดเขาสูงตระหง่านเหล่านี้ ร่างเหล่านี้เหมือนราวกับมด มองลงมาจากยอดเขา สามารถมองเห็นจุดดำเล็กๆเพียงไม่กี่จุดเท่านั้น

คนกลุ่มนี้ เป็นเจ็ดคนของทีมปรมาจารย์เน่ยจิ้งไชน่าทาวน์ในอเมริกาที่พารพีพงษ์ไปส่ง หลังจากผ่านไปหนึ่งวัน ในที่สุดศรัณย์พวกเขาก็ส่งรพีพงษ์มาถึงที่นี่

มันเป็นดินแดนที่ไม่มีผู้คนอยู่ แต่คุกที่ห้าชื่อเสียงโด่งดัง ก็ตั้งอยู่ในสถานที่แห่งนี้

ห่างออกไป ก็สามารถมองเห็นยอดเขาเหล่านี้ติดๆกันล้อมรอบด้วยไปกำแพงสูงประมาณ สามสิบเมตร ภายในกำแพงทั้งหมด เป็นของคุกที่ห้า

และกำแพงนี้ เป็นกำแพงกั้นไม่ให้คนที่อยู่ข้างในหนีออกไปได้ เหนือกำแพง มีไฟฟ้าแรงสูงสามแสนโวลต์ แม้แต่ปรมาจารย์ชั้นเซียน ต้องการปีนกำแพง ก็พิจารณาด้วยว่าตัวเองจะถูกไฟฟ้าดูดเป็นหมูหันทันทีหรือไม่

กลุ่มคนมาถึงสถานที่เดียวที่สามารถเข้าสู่คุกที่ห้าได้ นี่คืออาคารใหญ่ที่ซ่อนอยู่ ปกติแล้วเจ้าหน้าที่รักษาการที่วงเวียนอยู่ในคุกที่ห้า จะพักอาศัยอยู่ที่อาคารใหญ่นี้

และที่อยู่ของผู้คุมปรมาจารย์ท่านนี้ ก็พักอยู่ในอาคารใหญ่นี้เช่นกัน แน่นอนว่า รพีพงษ์ยังไม่ถึงขั้นที่ต้องให้ผู้คุมออกมารับหน้าที่ด้วยตนเอง ดังนั้นในครั้งนี้จึงไม่มีโอกาสได้เจอผู้คุม

ในไม่ช้า ศรัณย์พวกเขาพารพีพงษ์ไปที่ประตูเหล็กขนาดใหญ่ข้างอาคารใหญ่ ตรงหน้าประตูมีบ้านหลังเล็กอยู่ และชายชราผมขาวไปเกือบครึ่งหัวกำลังนอนหลับอยู่ในบ้านหลังเล็ก

ศรัณย์เดินไปตรงหน้าประตูบ้านหลังนั้น ยื่นมือออกไปเคาะประตู แล้วพูดว่า: “สวัสดีครับ พวกเรามาส่งมอบคน มีบุคคลอันตรายที่ระดับsซึ่งตอนนี้ต้องถูกคุมขังในคุกที่ห้า รบกวนเปิดประตูให้เขาเข้าไปด้วย”

ชายชราลืมตาขึ้นด้วยความสะลึมสะลือ หลังจากเห็นศรัณย์ ก็เอ่ยปากว่า: “ที่แท้ศรัณย์นี่เอง พวกนายจับบุคคลอันตรายระดับSได้เหรอ? ไม่ธรรมดาเลย พาคนคนนั้นมาให้ฉันดู”

วิกรานต์พารพีพงษ์เดินไปด้านหน้า ในเวลานี้มีโซ่ผูกติดกับมือของรพีพงษ์ นี่เป็นการร้องขอครั้งแล้วครั้งเล่าของศรัณย์

ชายชรามองรพีพงษ์ตั้งแต่หัวจรดเท้า จากนั้นหัวเราะเยาะ และเอ่ยปาก: “ศรัณย์ นายคงจะไม่ใช่ว่าสมองมีปัญหานะ ผู้ชายคนนี้ดูไปแล้วก็อายุแค่ยี่สิบว่า เขาจะเป็นคนที่อันตรายระดับsได้เหรอ? ฉันว่าเขายังไม่อันตรายเท่ากับหมาป่าภูเขาตรงข้ามเลย พวกนายก็อย่ามาล้อเล่นกับคนแก่อย่างฉันเลย”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท