พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่712 ครองตำแหน่งราชา

บทที่712 ครองตำแหน่งราชา

บทที่712 ครองตำแหน่งราชา

คุกที่ห้า

บนเนินเขาที่ไม่สูงไม่ต่ำ รพีพงษ์กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ก้อนหิน จ้องมองไปที่สร้อยข้อมือที่ตัวเองสวมใส่อยู่บนข้อมือ และพยายามจะลองถอดออก เสียดายที่ได้ลองหลายครั้งแล้ว ก็ไม่ประสบความสำเร็จสักครั้งเดียว

และไม่ไกลจากรพีพงษ์ ไออ้วนกำลังหายใจหอบโค่นต้นไม้ใหญ่อยู่ มีต้นไม้หลายต้นล้มลงข้างๆเขา สิ่งที่เขาถืออยู่ในมือ คือขวานธรรมดาที่ทำจากหิน แม้ว่ามันจะใช้มากในการตัด แต่สำหรับยอดฝีมือเน่ยจิ้งแล้ว ก็ไม่เท่าไหร่หรอก

ชายอ้วนคนนี้เป็นคนที่ซ่อนตัวอยู่ด้านข้างก่อนหน้านี้ ต้องการจะรอเก็บผลประโยชน์ ตอนที่เขาเตรียมจะหนี รพีพงษ์จับตัวเขากลับมาได้ และไม่ได้ทำเหมือนที่ทำกับสามคนนั้น คือฆ่าเขาทิ้ง

เหตุผลที่ไว้ชีวิตของชายอ้วนคนนี้ หนึ่งเลยเพราะรพีพงษ์ยังคงไม่เข้าใจสถานการณ์ในคุกที่ห้า จึงต้องมีคนอธิบายให้เขาฟัง อีกอย่างหนึ่งเป็นเพราะไม่ได้รู้สึกถึงความกระหายเลือดบนตัวของไออ้วนคนนี้เหมือนอย่างกับทั้งสามที่ตายในเงื้อมมือของเขา

ถูกคุมตัวเข้ามากักขังที่คุกแห่งนี้ อาจมีมากกว่าครึ่งหนึ่ง เป็นคนชั่วร้ายอย่างยิ่ง แต่ทว่าคงจะมีไม่น้อยที่เหมือนกันกับรพีพงษ์ เพื่อล้างแค้นแล้วลงมือฆ่าคน สุดท้ายคนก็ถูกคุมขังไว้ที่นี่

แววตาของไออ้วนคนนี้ดูใสบริสุทธิ์กว่าสามคนก่อนหน้านั้นมาก ไต่ตรองดูแล้ว รพีพงษ์ไว้ชีวิตเขา แน่นอนว่า มีเหตุผลมากกว่านั้น คือรพีพงษ์อยากหาแรงงานฟรี อย่างเช่นชายอ้วนตอนนี้ก็ถูกบังคับว่าก่อนกลางคืน ต้องสร้างกระท่อมไม้หนึ่งหลังออกให้ได้ ไม่อย่างนั้นชีวิตก็จะตกอยู่ในอันตราย

“นายหมายความว่าทางฝ่ายจัดการผู้คุมควบคุมพวกเราผ่านสร้อยข้อมือเส้นนี้ นอกจากพวกเขาแล้ว ไม่มีทางถอดสร้อยข้อมือนี้ได้เหรอ?”รพีพงษ์เอ่ยถาม

ไออ้วนหันหน้าไปมองรพีพงษ์ แล้วพูดว่า: “ใช่แล้ว พี่อย่าได้ดูถูกสร้อยข้อมือเส้นนี้ สร้อยข้อมือนี้ไม่เพียงแต่ติดตามตำแหน่งของนายได้เท่านั้น เวลาฉุกเฉินยังสามารถปล่อยกระแสไฟฟ้าแรงสูงออกมา ซึ่งจะทำให้พี่เป็นอัมพาตทันที ต่อให้เป็นยอดฝีมือเน่ยจิ้งขั้นกลาง ก็ไม่สามารถทนต่อกระแสไฟฟ้าแรงสูงแบบนี้ได้เกินวินาทีเดียว”

รพีพงษ์เลิกคิ้ว คาดไม่ถึงว่าสร้อยข้อมือเล็กๆเส้นนี้จะมีพลังเช่นนี้

ของสิ่งนี้ในระหว่างทาง ศรัณย์สวมให้กับเขา บอกว่าเป็นข้อกำหนดของคุกที่ห้า ถูกใช้สำหรับการติดตามตำแหน่ง ถ้ารู้ก่อนว่าสิ่งนี้ยังสามารถปล่อยกระแสไฟฟ้าได้ เขาจะไม่สวมมันอย่างแน่นอน ตอนนี้เพิ่งจะรู้ถูกศรัณย์หลอกแล้ว

ไม่น่าแปลกใจเลยที่ศรัณย์และพรรคพวกยังคงมีอารมณ์ในการชื่นชมทิวทัศน์ระหว่างทาง ที่แท้มีที่พึ่งพิงจึงไม่กลัว

ไม่ยุ่งเกี่ยวกับสร้อยข้อมืออีกต่อไป อย่างไรก็ตามทุกคนที่นี่ก็มีมันทั้งนั้น ตอนนี้เขาเป็นนักโทษ และต้องมีบางสิ่งบางอย่างมาผูกมัด

“ลูกพี่ ไม่ใช่ว่าผมว่าให้นะ เราไม่จำเป็นต้องสร้างบ้านในสถานที่แบบนี้จริงๆเหรอ อยู่ที่นี่ วิธีที่ง่ายที่สุดในการเอาชีวิตรอด คือซ่อนตัวอยู่ทุกหนทุกแห่ง คงที่อยู่กับที่เช่นเดียวกันกับพี่แบบนี้ ก็เท่าเป็นเป้าหมายให้กับคนอื่น”ไออ้วนพูดกับรพีพงษ์

รพีพงษ์เขม็งตาใส่เขาแวบหนึ่ง แล้วพูดว่า: “ให้นายทำนายก็ทำไปเถอะ อย่าพูดมาก ก่อนพระอาทิตย์ตกดินยังสร้างไม่เสร็จ ฉันจะส่งแกไปเจอพญายม”

ไออ้วนไม่กล้าพูดอะไร รีบสับไม้อย่างรวดเร็ว

ในตอนเย็น ไออ้วนที่เหนื่อยล้ากระหืดกระหอบมองไปที่การก่อสร้างที่สำเร็จ แม้ว่ามันจะค่อนข้างง่ายๆหยาบๆ แต่ทว่ากระท่อมไม้ก็พอทนพักไปได้ ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

รพีพงษ์เห็นว่าไออ้วนทำงานเสร็จแล้ว ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก หลังจากวางของตัวเองไว้ในกระท่อมไม้แล้ว ก็ถามไออ้วนว่าที่นี่จะกินข้าวได้อย่างไร

ไออ้วนบอกว่าอยู่ในคุก ทุกวันมีโอกาสกินวันละมื้อเท่านั้น ตอนกลางคืนสองทุ่ม ทุกคนสามารถไปที่รับอาหารกล่องได้หนึ่งกล่องที่ตำแหน่งประตูใหญ่

อาหารกล่องนี้ ก็เป็นแหล่งอาหารของพวกเขาทั้งวัน

ในช่วงเวลาที่รับอาหารกล่อง ไม่มีใครสามารถแย่งอาหารกล่องของคนอื่นได้ตามใจชอบ ไม่อย่างนั้นจะถูกกระแสไฟฟ้าลงโทษ

ดังนั้นในช่วงครึ่งชั่วโมงของการรับอาหารกล่องทุกวัน จึงเป็นเวลาที่สงบที่สุดของทั้งคุก

แต่กฎนี้ใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงในการรับอาหารกล่อง ผ่านเวลานี้ไป หรือว่าออกจากตำแหน่งประตูใหญ่ไป จะไม่ได้รับการคุ้มครองจากผู้ดูแลคุก อาหารกล่องถูกแย่งไปก็สมควรแล้ว

ดังนั้นช่วงเวลาหลังรับอาหารกล่อง มักจะเป็นช่วงเวลาที่นองเลือดที่สุดในคุก

อยู่ในสถานที่ที่อาหารหาขาดแคลน มีคนเพื่อที่จะได้กินอาหารมากกว่าหนึ่งกล่อง ไม่ได้สนใจชีวิตของคนอื่นเลย

ตอนกลางคืนสองทุ่ม รพีพงษ์ตามไออ้วนไปที่ตำแหน่งประตูใหญ่ เห็นกองอาหารบรรจุกล่องวางไว้อย่างเป็นระเบียบอยู่ที่นั่น มีคนไม่น้อยเข้าคิวรอเพื่อรับ ทุกคนก็เอาได้เพียงกล่องเดียว ไม่มีใครกล้าเอามากกว่า

รพีพงษ์สังเกตดูพวกคนที่กำลังต่อแถวอยู่อย่างละเลียด พบว่าบนตัวพวกเขามีอานุภาพพลังไม่อ่อนแอ แต่ทว่าก็มีเพียงหมู่เน่ยจิ้งชั้นต้นเท่านั้น และไม่เห็นยอดฝีมือเน่ยจิ้งขั้นกลาง

ตามที่ไออ้วนบอก ยอดฝีมือเน่ยจิ้งขั้นกลาง ไม่ว่าจะมากจะน้อยต่างก็จะมีลูกน้องอยู่บ้าง พวกเขาจะให้ลูกศิษย์มาเอาข้าว ตัวเองจะไม่มา

หลังจากตามมาเอาอาหารกล่องแล้ว รพีพงษ์รู้สึกได้ว่าสายตาของผู้คนรอบข้างที่มองมาไม่ดี ไออ้วนก็ยิ่งกังวลมากขึ้น เพราะรพีพงษ์เป็นผู้มาใหม่สามารถมองออกได้ และอาหารกล่องของผู้มาใหม่ มักจะเป็นสิ่งที่ง่ายที่สุดต่อการแย่ง

ตามที่คาดการณ์ไว้ ระหว่างทางที่ทั้งสองกำลังกลับ พบกับการปิดล้อมทั้งหมดสี่ครั้ง ในสองครั้งมีเพียงคนเดียว อีกสองครั้งเป็นการรวมตัวกันของคนสองคน

คนเหล่านี้ไม่รู้จักความแข็งแกร่งของรพีพงษ์ โดยคิดว่ารพีพงษ์เป็นผู้มาใหม่ และยังเด็กมาก คงจะแย่งได้ง่ายมากๆ แต่ปรากฏว่าจุดจบของพวกเขาก็เหมือนกันหมด

ข้าวกล่องในมือของคนเหล่านี้ สุดท้ายก็ตกไปอยู่ในมือของรพีพงษ์ ไออ้วนเห็นว่ารพีพงษ์แย่งอาหารกล่องจากคนอื่นมาได้อย่างง่ายดาย ประหลาดใจจนพูดไม่ออก

“ไม่แปลกใจเลยที่ยอดฝีมือเน่ยจิ้งแทบจะไม่มารับข้าวกล่องด้วยตัวเอง ด้วยความแข็งแกร่งของพวกเขาแล้ว ต่อให้ถือโอกาสแย่ง ก็ไม่มีทางอดอยาก”

กลับมาถึงในกระท่อมไม้ รพีพงษ์วางกล่องอาหารไว้ในมือตัวเองลงทั้งหมดเจ็ดกล่อง ไออ้วนจับอาหารกล่องในมือตัวเองแล้วมองแวบหนึ่ง มองไปที่รพีพงษ์ ด้วยสายตาที่ตรงไปตรงมา

รพีพงษ์สังเกตเห็นแววตาของไออ้วน ตัวเองเก็บไว้สองกล่อง มอบส่วนที่เหลือให้กับไออ้วน

“ฉันกินพวกนี้ก็เพียงพอแล้ว วันนี้นายช่วยฉันสร้างกระท่อมไม้ พวกนี้ถือเป็นรางวัลสำหรับนาย ฉันดูนายไม่ใช่ว่าจะทำเรื่องชั่วช้าอย่างสุดขีดได้ง่ายๆ ถูกคุมขังที่นี่น่าจะมีเหตุที่สามารถให้อภัยได้ ฉันจะไม่ทำให้นายลำบากใจ กินข้าวมื้อนี้เสร็จ นายก็สามารถไปได้แล้ว”รพีพงษ์เอ่ยปาก

ไออ้วนมองดูอาหารหกกล่องตรงหน้าตัวเอง ร้องไห้ออกมาทันที เขาจำไม่ได้ว่าตัวเองกินไม่ได้อิ่มมานานแค่ไหน ด้วยรูปร่างของเขาแล้ว ทุกวันกินเพียงแค่กล่องข้าวเล็กๆหนึ่งกล่อง จะกินอิ่มได้อย่างไร

“ลูกพี่ พี่เป็นพ่อแม่คนที่สองของฉัน ฉันจะไม่เกรงใจพี่แล้วนะ”

ไออ้วนพูดกับรพีพงษ์ประโยคหนึ่ง จากนั้นก็กินอย่างตะกละตะกลามขึ้นมา

รพีพงษ์ไม่ได้พูดอะไร และเริ่มรับประทานอาหาร ข้าวสองกล่อง ก็เพียงพอสำหรับเขาแล้ว ส่วนวันหลัง เขาก็ไม่ได้คิดมาก อย่างไรก็ตามต่อให้ไม่พอกิน ก็ไปแย่งของคนอื่น อยู่ในนี้ เขาจะไม่มีความรู้สึกผิดใดๆ

ไม่นาน ไออ้วนก็กินอาหารหกกล่องหมดเกลี้ยง จากนั้นก็เรอ

เขาหันหน้าไปมองรพีพงษ์ ลุกขึ้นยืน ก้มโค้งคำนับให้กับรพีพงษ์ แล้วพูดว่า: “ลูกพี่ ฉันซันโวไม่ใช่คนคนเนรคุณ ในเมื่อวันนี้พี่ให้ข้าวฉันกิน งั้นฉันซันโวก็ไม่มีทางให้ลูกพี่ขาดทุน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฉันก็คือลูกน้องของพี่ ไม่ว่ามีเรื่องอะไร พี่ก็สามารถสั่งฉันได้เลย ฉันซันโวจะต้องบุกน้ำลุยไฟ ก็ไม่มีวันทรยศอย่างแน่นอน!”

รพีพงษ์มองไออ้วนยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดว่า: “ตามใจนาย”

เช้าวันรุ่งขึ้น ไออ้วนกำลังนอนอยู่บนกิ่งไม้ใหญ่ของต้นไม้ใหญ่ที่ไม่ไกลจากกระท่อมไม้ ในขณะนี้ มีเสียงบินของใครบางคนพุ่งเข้ามาปลุกให้เขาตื่นขึ้นมาทันที

เขาลืมตาขึ้น และเห็นรพีพงษ์บินพุ่งไปที่ต้นไม้ที่สูงที่สุดตรงหน้า นิ้วเท้าแตะลงเบาๆ แล้วไม่กี่จังหวะก็กระโดดขึ้นไปบนยอดไม้

จากนั้นเสียงที่เต็มไปด้วยพลัง ก็ดังไปทั่วรัศมีกว่าหนึ่งกิโลเมตรในชั่วพริบตา

“วันนี้ ฉันรพีพงษ์ครองตำแหน่งราชา ใครก็ตามที่ก้าวเข้ามาในดินแดนของฉัน จะถูกฆ่าอย่างไร้ความปรานี!”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท