บทที่712 ครองตำแหน่งราชา
คุกที่ห้า
บนเนินเขาที่ไม่สูงไม่ต่ำ รพีพงษ์กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ก้อนหิน จ้องมองไปที่สร้อยข้อมือที่ตัวเองสวมใส่อยู่บนข้อมือ และพยายามจะลองถอดออก เสียดายที่ได้ลองหลายครั้งแล้ว ก็ไม่ประสบความสำเร็จสักครั้งเดียว
และไม่ไกลจากรพีพงษ์ ไออ้วนกำลังหายใจหอบโค่นต้นไม้ใหญ่อยู่ มีต้นไม้หลายต้นล้มลงข้างๆเขา สิ่งที่เขาถืออยู่ในมือ คือขวานธรรมดาที่ทำจากหิน แม้ว่ามันจะใช้มากในการตัด แต่สำหรับยอดฝีมือเน่ยจิ้งแล้ว ก็ไม่เท่าไหร่หรอก
ชายอ้วนคนนี้เป็นคนที่ซ่อนตัวอยู่ด้านข้างก่อนหน้านี้ ต้องการจะรอเก็บผลประโยชน์ ตอนที่เขาเตรียมจะหนี รพีพงษ์จับตัวเขากลับมาได้ และไม่ได้ทำเหมือนที่ทำกับสามคนนั้น คือฆ่าเขาทิ้ง
เหตุผลที่ไว้ชีวิตของชายอ้วนคนนี้ หนึ่งเลยเพราะรพีพงษ์ยังคงไม่เข้าใจสถานการณ์ในคุกที่ห้า จึงต้องมีคนอธิบายให้เขาฟัง อีกอย่างหนึ่งเป็นเพราะไม่ได้รู้สึกถึงความกระหายเลือดบนตัวของไออ้วนคนนี้เหมือนอย่างกับทั้งสามที่ตายในเงื้อมมือของเขา
ถูกคุมตัวเข้ามากักขังที่คุกแห่งนี้ อาจมีมากกว่าครึ่งหนึ่ง เป็นคนชั่วร้ายอย่างยิ่ง แต่ทว่าคงจะมีไม่น้อยที่เหมือนกันกับรพีพงษ์ เพื่อล้างแค้นแล้วลงมือฆ่าคน สุดท้ายคนก็ถูกคุมขังไว้ที่นี่
แววตาของไออ้วนคนนี้ดูใสบริสุทธิ์กว่าสามคนก่อนหน้านั้นมาก ไต่ตรองดูแล้ว รพีพงษ์ไว้ชีวิตเขา แน่นอนว่า มีเหตุผลมากกว่านั้น คือรพีพงษ์อยากหาแรงงานฟรี อย่างเช่นชายอ้วนตอนนี้ก็ถูกบังคับว่าก่อนกลางคืน ต้องสร้างกระท่อมไม้หนึ่งหลังออกให้ได้ ไม่อย่างนั้นชีวิตก็จะตกอยู่ในอันตราย
“นายหมายความว่าทางฝ่ายจัดการผู้คุมควบคุมพวกเราผ่านสร้อยข้อมือเส้นนี้ นอกจากพวกเขาแล้ว ไม่มีทางถอดสร้อยข้อมือนี้ได้เหรอ?”รพีพงษ์เอ่ยถาม
ไออ้วนหันหน้าไปมองรพีพงษ์ แล้วพูดว่า: “ใช่แล้ว พี่อย่าได้ดูถูกสร้อยข้อมือเส้นนี้ สร้อยข้อมือนี้ไม่เพียงแต่ติดตามตำแหน่งของนายได้เท่านั้น เวลาฉุกเฉินยังสามารถปล่อยกระแสไฟฟ้าแรงสูงออกมา ซึ่งจะทำให้พี่เป็นอัมพาตทันที ต่อให้เป็นยอดฝีมือเน่ยจิ้งขั้นกลาง ก็ไม่สามารถทนต่อกระแสไฟฟ้าแรงสูงแบบนี้ได้เกินวินาทีเดียว”
รพีพงษ์เลิกคิ้ว คาดไม่ถึงว่าสร้อยข้อมือเล็กๆเส้นนี้จะมีพลังเช่นนี้
ของสิ่งนี้ในระหว่างทาง ศรัณย์สวมให้กับเขา บอกว่าเป็นข้อกำหนดของคุกที่ห้า ถูกใช้สำหรับการติดตามตำแหน่ง ถ้ารู้ก่อนว่าสิ่งนี้ยังสามารถปล่อยกระแสไฟฟ้าได้ เขาจะไม่สวมมันอย่างแน่นอน ตอนนี้เพิ่งจะรู้ถูกศรัณย์หลอกแล้ว
ไม่น่าแปลกใจเลยที่ศรัณย์และพรรคพวกยังคงมีอารมณ์ในการชื่นชมทิวทัศน์ระหว่างทาง ที่แท้มีที่พึ่งพิงจึงไม่กลัว
ไม่ยุ่งเกี่ยวกับสร้อยข้อมืออีกต่อไป อย่างไรก็ตามทุกคนที่นี่ก็มีมันทั้งนั้น ตอนนี้เขาเป็นนักโทษ และต้องมีบางสิ่งบางอย่างมาผูกมัด
“ลูกพี่ ไม่ใช่ว่าผมว่าให้นะ เราไม่จำเป็นต้องสร้างบ้านในสถานที่แบบนี้จริงๆเหรอ อยู่ที่นี่ วิธีที่ง่ายที่สุดในการเอาชีวิตรอด คือซ่อนตัวอยู่ทุกหนทุกแห่ง คงที่อยู่กับที่เช่นเดียวกันกับพี่แบบนี้ ก็เท่าเป็นเป้าหมายให้กับคนอื่น”ไออ้วนพูดกับรพีพงษ์
รพีพงษ์เขม็งตาใส่เขาแวบหนึ่ง แล้วพูดว่า: “ให้นายทำนายก็ทำไปเถอะ อย่าพูดมาก ก่อนพระอาทิตย์ตกดินยังสร้างไม่เสร็จ ฉันจะส่งแกไปเจอพญายม”
ไออ้วนไม่กล้าพูดอะไร รีบสับไม้อย่างรวดเร็ว
ในตอนเย็น ไออ้วนที่เหนื่อยล้ากระหืดกระหอบมองไปที่การก่อสร้างที่สำเร็จ แม้ว่ามันจะค่อนข้างง่ายๆหยาบๆ แต่ทว่ากระท่อมไม้ก็พอทนพักไปได้ ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
รพีพงษ์เห็นว่าไออ้วนทำงานเสร็จแล้ว ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก หลังจากวางของตัวเองไว้ในกระท่อมไม้แล้ว ก็ถามไออ้วนว่าที่นี่จะกินข้าวได้อย่างไร
ไออ้วนบอกว่าอยู่ในคุก ทุกวันมีโอกาสกินวันละมื้อเท่านั้น ตอนกลางคืนสองทุ่ม ทุกคนสามารถไปที่รับอาหารกล่องได้หนึ่งกล่องที่ตำแหน่งประตูใหญ่
อาหารกล่องนี้ ก็เป็นแหล่งอาหารของพวกเขาทั้งวัน
ในช่วงเวลาที่รับอาหารกล่อง ไม่มีใครสามารถแย่งอาหารกล่องของคนอื่นได้ตามใจชอบ ไม่อย่างนั้นจะถูกกระแสไฟฟ้าลงโทษ
ดังนั้นในช่วงครึ่งชั่วโมงของการรับอาหารกล่องทุกวัน จึงเป็นเวลาที่สงบที่สุดของทั้งคุก
แต่กฎนี้ใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงในการรับอาหารกล่อง ผ่านเวลานี้ไป หรือว่าออกจากตำแหน่งประตูใหญ่ไป จะไม่ได้รับการคุ้มครองจากผู้ดูแลคุก อาหารกล่องถูกแย่งไปก็สมควรแล้ว
ดังนั้นช่วงเวลาหลังรับอาหารกล่อง มักจะเป็นช่วงเวลาที่นองเลือดที่สุดในคุก
อยู่ในสถานที่ที่อาหารหาขาดแคลน มีคนเพื่อที่จะได้กินอาหารมากกว่าหนึ่งกล่อง ไม่ได้สนใจชีวิตของคนอื่นเลย
ตอนกลางคืนสองทุ่ม รพีพงษ์ตามไออ้วนไปที่ตำแหน่งประตูใหญ่ เห็นกองอาหารบรรจุกล่องวางไว้อย่างเป็นระเบียบอยู่ที่นั่น มีคนไม่น้อยเข้าคิวรอเพื่อรับ ทุกคนก็เอาได้เพียงกล่องเดียว ไม่มีใครกล้าเอามากกว่า
รพีพงษ์สังเกตดูพวกคนที่กำลังต่อแถวอยู่อย่างละเลียด พบว่าบนตัวพวกเขามีอานุภาพพลังไม่อ่อนแอ แต่ทว่าก็มีเพียงหมู่เน่ยจิ้งชั้นต้นเท่านั้น และไม่เห็นยอดฝีมือเน่ยจิ้งขั้นกลาง
ตามที่ไออ้วนบอก ยอดฝีมือเน่ยจิ้งขั้นกลาง ไม่ว่าจะมากจะน้อยต่างก็จะมีลูกน้องอยู่บ้าง พวกเขาจะให้ลูกศิษย์มาเอาข้าว ตัวเองจะไม่มา
หลังจากตามมาเอาอาหารกล่องแล้ว รพีพงษ์รู้สึกได้ว่าสายตาของผู้คนรอบข้างที่มองมาไม่ดี ไออ้วนก็ยิ่งกังวลมากขึ้น เพราะรพีพงษ์เป็นผู้มาใหม่สามารถมองออกได้ และอาหารกล่องของผู้มาใหม่ มักจะเป็นสิ่งที่ง่ายที่สุดต่อการแย่ง
ตามที่คาดการณ์ไว้ ระหว่างทางที่ทั้งสองกำลังกลับ พบกับการปิดล้อมทั้งหมดสี่ครั้ง ในสองครั้งมีเพียงคนเดียว อีกสองครั้งเป็นการรวมตัวกันของคนสองคน
คนเหล่านี้ไม่รู้จักความแข็งแกร่งของรพีพงษ์ โดยคิดว่ารพีพงษ์เป็นผู้มาใหม่ และยังเด็กมาก คงจะแย่งได้ง่ายมากๆ แต่ปรากฏว่าจุดจบของพวกเขาก็เหมือนกันหมด
ข้าวกล่องในมือของคนเหล่านี้ สุดท้ายก็ตกไปอยู่ในมือของรพีพงษ์ ไออ้วนเห็นว่ารพีพงษ์แย่งอาหารกล่องจากคนอื่นมาได้อย่างง่ายดาย ประหลาดใจจนพูดไม่ออก
“ไม่แปลกใจเลยที่ยอดฝีมือเน่ยจิ้งแทบจะไม่มารับข้าวกล่องด้วยตัวเอง ด้วยความแข็งแกร่งของพวกเขาแล้ว ต่อให้ถือโอกาสแย่ง ก็ไม่มีทางอดอยาก”
กลับมาถึงในกระท่อมไม้ รพีพงษ์วางกล่องอาหารไว้ในมือตัวเองลงทั้งหมดเจ็ดกล่อง ไออ้วนจับอาหารกล่องในมือตัวเองแล้วมองแวบหนึ่ง มองไปที่รพีพงษ์ ด้วยสายตาที่ตรงไปตรงมา
รพีพงษ์สังเกตเห็นแววตาของไออ้วน ตัวเองเก็บไว้สองกล่อง มอบส่วนที่เหลือให้กับไออ้วน
“ฉันกินพวกนี้ก็เพียงพอแล้ว วันนี้นายช่วยฉันสร้างกระท่อมไม้ พวกนี้ถือเป็นรางวัลสำหรับนาย ฉันดูนายไม่ใช่ว่าจะทำเรื่องชั่วช้าอย่างสุดขีดได้ง่ายๆ ถูกคุมขังที่นี่น่าจะมีเหตุที่สามารถให้อภัยได้ ฉันจะไม่ทำให้นายลำบากใจ กินข้าวมื้อนี้เสร็จ นายก็สามารถไปได้แล้ว”รพีพงษ์เอ่ยปาก
ไออ้วนมองดูอาหารหกกล่องตรงหน้าตัวเอง ร้องไห้ออกมาทันที เขาจำไม่ได้ว่าตัวเองกินไม่ได้อิ่มมานานแค่ไหน ด้วยรูปร่างของเขาแล้ว ทุกวันกินเพียงแค่กล่องข้าวเล็กๆหนึ่งกล่อง จะกินอิ่มได้อย่างไร
“ลูกพี่ พี่เป็นพ่อแม่คนที่สองของฉัน ฉันจะไม่เกรงใจพี่แล้วนะ”
ไออ้วนพูดกับรพีพงษ์ประโยคหนึ่ง จากนั้นก็กินอย่างตะกละตะกลามขึ้นมา
รพีพงษ์ไม่ได้พูดอะไร และเริ่มรับประทานอาหาร ข้าวสองกล่อง ก็เพียงพอสำหรับเขาแล้ว ส่วนวันหลัง เขาก็ไม่ได้คิดมาก อย่างไรก็ตามต่อให้ไม่พอกิน ก็ไปแย่งของคนอื่น อยู่ในนี้ เขาจะไม่มีความรู้สึกผิดใดๆ
ไม่นาน ไออ้วนก็กินอาหารหกกล่องหมดเกลี้ยง จากนั้นก็เรอ
เขาหันหน้าไปมองรพีพงษ์ ลุกขึ้นยืน ก้มโค้งคำนับให้กับรพีพงษ์ แล้วพูดว่า: “ลูกพี่ ฉันซันโวไม่ใช่คนคนเนรคุณ ในเมื่อวันนี้พี่ให้ข้าวฉันกิน งั้นฉันซันโวก็ไม่มีทางให้ลูกพี่ขาดทุน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฉันก็คือลูกน้องของพี่ ไม่ว่ามีเรื่องอะไร พี่ก็สามารถสั่งฉันได้เลย ฉันซันโวจะต้องบุกน้ำลุยไฟ ก็ไม่มีวันทรยศอย่างแน่นอน!”
รพีพงษ์มองไออ้วนยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดว่า: “ตามใจนาย”
เช้าวันรุ่งขึ้น ไออ้วนกำลังนอนอยู่บนกิ่งไม้ใหญ่ของต้นไม้ใหญ่ที่ไม่ไกลจากกระท่อมไม้ ในขณะนี้ มีเสียงบินของใครบางคนพุ่งเข้ามาปลุกให้เขาตื่นขึ้นมาทันที
เขาลืมตาขึ้น และเห็นรพีพงษ์บินพุ่งไปที่ต้นไม้ที่สูงที่สุดตรงหน้า นิ้วเท้าแตะลงเบาๆ แล้วไม่กี่จังหวะก็กระโดดขึ้นไปบนยอดไม้
จากนั้นเสียงที่เต็มไปด้วยพลัง ก็ดังไปทั่วรัศมีกว่าหนึ่งกิโลเมตรในชั่วพริบตา
“วันนี้ ฉันรพีพงษ์ครองตำแหน่งราชา ใครก็ตามที่ก้าวเข้ามาในดินแดนของฉัน จะถูกฆ่าอย่างไร้ความปรานี!”