พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่729 ชาลิสาที่กระอักกระอ่วน

บทที่729 ชาลิสาที่กระอักกระอ่วน

บทที่729 ชาลิสาที่กระอักกระอ่วน

ไชน่าทาวน์ในอเมริกา สำนักงานใหญ่สหพันธ์สหภาพจีน

ในห้องรับแขก ชาลิสากำลังนั่งเหม่อลอยอยู่บนเก้าอี้ สามารถมองเห็นความโศกเศร้าบนใบหน้าของหล่อนออกมาได้ ในดวงตาที่สวยงามไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

ในเวลานี้โศศุจเดินเข้ามา เห็นท่าทางของลูกสาวตัวเอง กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า: “ลิสา คิดถึงรพีพงษ์อีกแล้วเหรอ?”

คำพูดของโศศุจทำให้ชาลิสาดึงสติกลับมา หลังจากที่รู้ว่าโศศุจพูดอะไร ใบหน้าที่เรียวสวยของหล่อนก็แดงขึ้น

“พ่อ พ่อพูดจาเหลวไหลอะไร หนูกำลังคิดถึงเรื่องสี่ตระกูลใหญ่ หนูกับผู้คนชายคนนั้นเพิ่งรู้จักกันไม่นาน ทำไมหนูต้องคิดถึงเขาด้วยล่ะ”ชาลิสารีบเอ่ยปากอธิบายอย่างรวดเร็ว

สีหน้าท่าทางของโศศุจราวกับมองทุกสิ่งออก กล่าวด้วยรอยยิ้ม: “ลิสา อยู่ต่อหน้าฉัน แกอย่าพูดจาโกหก ถ้าแกไม่คิดถึงเด็กนั้น ถุงหอมสิบกว่าใบในห้องนอนแกปักให้ใครกันล่ะ?”

ชาลิสาเบิกตากว้างทันที ลุกขึ้นจากเก้าอี้ และเอ่ยปากว่า: “พ่อ พ่อแอบดูข้าวของในห้องของหนูเหรอ?”

“ฉันไม่ได้แอบดูนะ ครั้งก่อนตอนที่ฉันหากวาดอยู่บังเอิญเห็นเข้า ลิสา แกเป็นเด็กผู้หญิง ไม่ใช่เรื่องน่าอายอะไรที่จะชอบผู้ชายที่ดีเลิศคนหนึ่ง แกก็ยอมรับมาเถอะ”โศศุจเอ่ยปาก

ชาลิสาพูดไม่ออกทันที ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงได้มีพ่อที่พูดโผงผางไม่รู้จักยั้งคิดแบบนี้

“หึ ผีนะสิถึงจะยอมรับกับพ่อ หนูคิดถึงเขาแล้วจะทำไม แต่ว่าหนูก็จะไม่ยอมรับมัน ยกเว้น…..ยกเว้นว่าพ่อสามารถทำให้เขาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าหนูได้ตอนนี้”ชาลิสาพูดอย่างไม่พอใจ โดยที่ไม่รู้ตัวว่าคำพูดของหล่อนนั้นได้เท่ากับกลายเป็นว่ายอมรับแล้ว

โศศุจจ้องมองชาลิสาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม กำลังอยากจะบอกว่าตัวเองคงจะไม่มีความสามารถนี้ ในขณะนี้ มีเสียงฝีเท้าอยู่ด้านนอก ต่อจากนั้น ประตูห้องนั่งรับแขกก็ผลักออก

“พวกคุณกำลังคุยอะไรกัน ดูท่าทางมีความสุขกันจัง?”

เมื่อทั้งสองได้ยินเสียงนี้ ทั้งคู่ก็หันหน้าไปอย่างรวดเร็ว หลังจากที่เห็นรพีพงษ์และไออ้วนยืนอยู่ที่ประตู อาการตกใจหวาดกลัวก็ปรากฏที่ใบหน้า

“ระ…..รพีพงษ์ นายมาได้ยังไง!”ชาลิสามองดูรพีพงษ์ด้วยความเหลือเชื่อ จากนั้นมองไปที่โศศุจแวบหนึ่ง โดยสงสัยว่าโศศุจและรพีพงษ์วางแผนสมรู้ร่วมคิดกันอยู่

เมื่อกี้หล่อนเพิ่งเป็นคนบอกเองว่าถ้าหากรพีพงษ์ปรากฏตัวขึ้น หล่อนก็จะยอมรับว่าหล่อนกำลังคิดถึงรพีพงษ์ ปรากฏว่าในวินาทีต่อมารพีพงษ์ก็ปรากฏตัวขึ้น ถ้าหากว่าเป็นเรื่องบังเอิญ งั้นก็บังเอิญเกินไปแล้ว

โศศุจยังมีใบหน้าที่มึนงง แสดงสีหน้าท่าทางให้เห็นว่าฉันไม่รู้อะไรเลยจริงๆ เมื่อกี้นี้เขาแค่กำลังล้อชาลิสาเล่น ใครจะไปรู้ในขณะที่พูดอยู่รพีพงษ์ก็กระโดดออกมา

“รพีพงษ์ นายควรจะอยู่ที่คุกที่ห้าไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงกลับมาได้ล่ะ? หรือว่านายแหกคุกเหรอ?”โศศุจเอ่ยปากถาม

รพีพงษ์ยิ้มแล้วเดินเข้าไป พูดว่า: “พวกเขาเป็นคนปล่อยฉันออกเอง”

ชาลิสามองไปที่รพีพงษ์ด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ ใจเต้นเร็วขึ้น ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรไปชั่วขณะ คนที่ตัวเองคิดถึงทั้งวันทั้งคืนจู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้นมา ทำให้หล่อนทำอะไรไม่ถูกเป็นอย่างมาก

“เฮ้ ทำไมหน้าคุณแดงจัง? ไม่สบายเหรอ?”รพีพงษ์เอ่ยปากถาม

“ฮ่าๆ เมื่อกี้นี้พวกเรากำลังพูดถึงนายอยู่พอดี ยัยเด็กนี้บอกว่าถ้านายปรากฏตัวขึ้นมา เธอก็จะยอมรับว่าเธอคิดถึงนาย ผลปรากฏว่านายก็ปรากฏตัวขึ้นจริงๆ ดูเหมือนว่านี่จะเป็นการเตรียมการของพระเจ้าด้วยเช่นกันนะ”โศศุจพูดออกอย่างไม่ปิดบังแม้แต่น้อย

ใจของชาลิสาแทบอยากจะหยิกโศศุจให้ตาย หล่อนไม่เข้าใจจริงๆว่าพ่อของตัวเองโง่จริงๆหรือว่าแค่แกล้งโง่ บอกรพีพงษ์ไปตรงๆโดยที่ไม่คิดอะไร ต่อไปจะให้หล่อนไปพบปะผู้คนได้อย่างไร

รพีพงษ์ก็รู้สึกกระอักกระอ่วน คาดไม่ถึงว่าทั้งสองคนกำลังพูดถึงเรื่องแบบนี้

ในตอนนี้ไออ้วนที่ยืนอยู่ข้างๆรพีพงษ์คิดในใจว่ายังไงตัวเองก็เป็นลูกน้องของรพีพงษ์ ถึงยังไงก็ต้องทำตัวดีๆ ดังนั้นจึงพูดกับชาลิสาว่า: “สวัสดีครับพี่สะใภ้ พี่สวยมาก เหมาะสมกับลูกพี่ของพวกเราจริงๆ”

เมื่อพูดคำเหล่านี้ของเขาออกจากปาก ทำให้ใบหน้าเรียวสวยของชาลิสาที่เดิมทีไม่มีหน้าจะไปพบปะกับผู้คนอยู่แล้วก็ยิ่งแดงขึ้นมา สายตาที่จ้องมองไปที่รพีพงษ์ก็กลายเป็นวูบวาบขึ้นมา แม้ว่าคำพูดของไออ้วนจะทำให้หล่อนอับอาย แต่กลับมีคนรู้สึกว่าหล่อนและรพีพงษ์เหมาะสมกัน สิ่งนี้ทำให้หล่อนประทับใจ

รพีพงษ์เตะตรงไปที่ก้นของไออ้วนทันที ทำให้เขาล้มลงกับพื้น แล้วตะโกนว่า: “แกพูดเพ้อเจ้ออะไรของแก พี่สะใภ้ของแกอยู่ที่ประเทศจีน คนนี้คือลูกสาวของประธานสำนักงานใหญ่สหพันธ์สหภาพจีน สบายใจได้เลยเดี๋ยวประธานโศศุจจัดการแกแน่!”

ทันใดนั้นสีหน้าของไออ้วนก็ดูเสียใจ คาดไม่ถึงว่าสาวสวยจะไม่ใช่ภรรยาของรพีพงษ์ ก็รู้สึกละอายใจเล็กน้อย จึงรีบขอโทษชาลิสาอย่างรวดเร็ว

หลังจากจบเรื่องตลกแล้ว บรรยากาศในห้องรับแขกก็กลับมาเป็นปกติ แต่ชาลิสาก็ยังไม่กล้าที่จะมองรพีพงษ์ตรงๆ คุณหนูที่ปกติเย่อหยิ่งเย็นชา ในขณะนี้ลักษณ์ท่าทางของหญิงสาวที่แสดงออกมาอย่างดี

หลายคนนั่งลงบนเก้าอี้ โศศุจมองไปที่รพีพงษ์ด้วยความอยากรู้อยากเห็น เอ่ยปากถามว่า: “รพีพงษ์ คุกที่ห้าที่เรียกถูกขนานนามว่านรก นายออกมาจากคุกนั้นได้อย่างไร?”

ก่อนที่รพีพงษ์จะพูด ไออ้วนที่อยู่ด้านข้างก็ได้เริ่มเล่าเรื่องราวการกระทำของรพีพงษ์ที่อยู่ในคุกที่ห้า

เมื่อรู้ว่ารพีพงษ์ปลูกมันฝรั่งในคุกที่ห้า โศศุจและชาลิสาต่างก็มีสีหน้าประหลาดใจ เป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงจริงๆที่ว่ารพีพงษ์จะคิดวิธีการเช่นนี้ออกมาได้ เพื่อให้ตัวเองอยู่ในคุกที่ห้าได้อย่างสบาย

ทั้งสองคนตั้งใจฟังไออ้วนเล่าการกระทำของรพีพงษ์ จนกระทั่งไออ้วนได้เล่าเรื่องที่รพีพงษ์ใช้มันฝรั่งแลกเปลี่ยนเป็นคะแนนโหวต ใบหน้าก็แสดงออกมาถึงความทอดถอนใจ

ความคิดของรพีพงษ์ แน่นอนว่าไม่สามารถใช้ความคิดปกติทั่วไปมาคาดเดาได้

“คิดไม่ถึงจริงๆ ทั้งคุกที่ห้า เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เช่นนี้เป็นเพราะนาย ถ้าหากว่าคนข้างในเริ่มเลิกฆ่ากันเองเพราะนายจริงๆ ทั้งหมดก็เริ่มปลูกมันฝรั่งแล้ว ฝ่ายบริหารของเรือนจำ ก็คงจะปวดหัวตาย”โศศุจกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ความจริงแล้วนายไม่เห็นจะต้องรีบร้อนออกมาขนาดนี้เลย นายก็น่าจะรู้ดี ชินาธิปไม่มีทางปล่อยนายไปแน่ ตอนนี้นายออกมา ถ้าเกิดชินาธิปรู้เข้า เขาคงจะรีบมาไล่ฆ่านายอย่างแน่นอน”ชาลิสาพูดกับรพีพงษ์ด้วยความเป็นห่วง

ทันใดนั้นไออ้วนก็หัวเราะขึ้นมา แล้วพูดว่า: “เรื่องนี้คุณไม่ต้องเป็นห่วง ผมออกจากคุกกับลูกพี่ ก็เผชิญหน้ากับชินาธิปแล้ว”

สีหน้าของโศศุจและชาลิสาเปลี่ยนไป และมีความตึงเครียดที่อธิบายไม่ได้ในใจ

“พวกนายเผชิญหน้ากับชินาธิปเหรอ? เขาไม่ได้ลงมือกับพวกนายเหรอ?”โศศุจเอ่ยปาก

“แน่นอนว่าลงมือ เพียงแต่ว่า จุดจบอาจเหนือจินตนาการของพวกคุณ”ไออ้วนยิ้มอย่างมีเลศนัย ต่อจากนั้นก็เล่าเรื่องการต่อสู้ระหว่างรพีพงษ์และชินาธิปที่ด้านนอกคุกด้วยน้ำเสียงที่เกินจริง

“อะไรนะ! รพีพงษ์ฆ่าชินาธิปแล้ว!!!”

หลังจากที่ฟังไออ้วนเล่าจนจบ โศศุจและชาลิสาต่างก็ลุกขึ้นกะทันหัน และตะโกนพร้อมกัน

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท