พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่731 ลิ้มลองความร้ายกาจของฉัน

บทที่731 ลิ้มลองความร้ายกาจของฉัน

บทที่731 ลิ้มลองความร้ายกาจของฉัน

อเมริกา เขตฮองเฮา ณ ผับที่กิจการดีมากแห่งหนึ่ง

รพีพงษ์และชาลิสาทั้งสองเดินเข้ามา วันนี้ชาลิสาสวมกระโปรงสั้น เซ็กซี่เย้ายวน ช่วงสี่เดือนที่รพีพงษ์ยังไม่ปรากฏตัวนั้น เธอสวมกางเกงหนังและแจ็คเก็ตตลอด

ตอนแรกที่รพีพงษ์บอกชาลิสาว่าตนคือผู้ควบคุมของลอบสังหาร ชาลิสาไม่เชื่อ คิดว่ารพีพงษ์กำลังล้อเล่นอยู่

รพีพงษ์เล่าเรื่องของจรัสในคุกที่ห้าให้ชาลิสาฟัง และเขาก็ไม่คาดคิดว่าจะบังเอิญขนาดนี้

หากตระกูลใหญ่ทั้งสี่หาคนอื่นที่จะมาต่อกรกับคนของเทือกเขากิสนา งั้นรพีพงษ์ก็ต้อง ลำบากสักหน่อย แต่พวกเขาดันหาลองสังหาร เรื่องนั้นก็ง่ายขึ้นอย่างมาก

รพีพงษ์เพียงแค่หาหัวหน้าคนปัจจุบันของลอบสังหาร เอาป้ายที่จรัสได้ให้เขาไว้ให้คนนั้นดู จากนั้นก็สั่งเขาเรื่องตระกูลใหญ่ทั้งสี่ ก็เป็นอันว่าจบเรื่อง

วันนี้ที่พวกเขามาผับนี้ เพื่อหาหัวหน้าคนปัจจุบันของลอบสังหาร

ในตอนที่อยู่คุกที่ห้า จรัสเอาเบอร์ติดต่อคนของลอบสังหารให้รพีพงษ์ รพีพงษ์ใช้วิธีนั้นติดต่อหัวหน้าของลอบสังหาร พวกเขานัดเจอกันที่ผับในคืนนี้

เพราะร่างกายและลักษณะของชาลิสาดึงดูดคน เมื่อทั้งสองเดินเข้าไปในผับ ก็ดึงดูดสายตาของคนจำนวนมาก

หนุ่มอเมริกาจำนวนไม่น้อยผิวปากให้ชาลิสา โดยไม่สนใจรพีพงษ์ที่อยู่ข้างๆชาลิสาเลย

“รำคาญชิบหาย ไอ้งั่ง ถ้าไม่ได้มีปรมาจารย์เน่ยจิ้งนัดไว้ ฉันจะต้องเดินไปตบพวกมันแล้วแน่ๆ ให้พวกมันได้รู้ถึงความร้ายกาจของฉัน” ชาลิสาหน้าบูดบึ้ง

รพีพงษ์ยิ้ม แล้วกล่าว “ถ้าผมจำไม่ผิดล่ะก็ สิ่งที่ปรมาจารย์เน่ยจิ้ง ดูแลนั้นก็คือการกระทำทุกอย่างของยอดฝีมือเน่ยจิ้งที่อยู่ในถิ่นของคนจีนป่ะ?”

“ใช่ไง ทำไมจู่ๆถามแบบนี้?” ชาลิสาถามอย่างสงสัย

“นี่คือเขตฮองเฮา น่าจะไม่ได้เป็นจุดที่ปรมาจารย์เน่ยจิ้งรับผิดชอบนะ?” รพีพงษ์พูดต่อ

ชาลิสาชะงัก เข้าใจว่ารพีพงษ์ต้องการสื่ออะไร จึงรู้สึกว่าตัวเองทั้งสวยและเก่งมากขึ้นกว่าเดิมอีก

“ใช่ นี่คือเขตฮองเฮา ปรมาจารย์เน่ยจิ้งยุ่งเกี่ยวไม่ได้ แม้ฉันจะฆ่าคนที่นี่ ปรมาจารย์เน่ยจิ้งก็จะไม่ไตร่ถามอะไรสักคำ สิ่งที่พวกเขาดูแล มีเพียงไชน่าทาวน์เท่านั้น” ชาลิสากล่าว

รพีพงษ์ยิ้มแล้วพยักหน้า เห็นด้วยกับชาลิสา

ความจริงเรื่องนี้ เขาได้เข้าใจมันตอนที่อยู่ในคุกที่ห้านั้น หน้าที่ของปรมาจารย์เน่ยจิ้ง คือขัดขวางยอดฝีมือเน่ยจิ้งที่ทำลายความเจริญก้าวหน้าทางโลก และในทางโลกนี้ ก็คือไชน่าทาวน์ของคนจีนและแต่ละพื้นที่บนโลกนี้

ประเทศอื่นจะเป็นอย่างไร ปรมาจารย์เน่ยจิ้งไม่มีทางเข้าไปเป็นเดือดเป็นร้อน และพวกเขายังยินยอมให้ยอดฝีมือเน่ยจิ้งในพื้นที่อื่นทำอะไรก็ได้ เพราะการทำแบบนี้มีแต่ประโยชน์ไม่มีโทษ เพียงแค่ไม่ทำร้ายคนชาติเดียวกันก็พอแล้ว

และเมื่ออยู่ในคุกที่ห้านานแล้ว รพีพงษ์ค่อยๆเข้าใจ สิ่งที่ปรมาจารย์เน่ยจิ้ง สามารถดูแลได้ ความจริงไม่ได้มากมายอย่างที่คิดไว้ เช่นถ้ารพีพงษ์ฆ่าคนทั่วไป เพียงแค่ปิดบังสักหน่อย และไม่เหมือนตอนที่ฆ่าตระกูลนิธิวรสกุลฆ่าหลายคนในครั้งเดียว ยังไงปรมาจารย์เน่ยจิ้งก็หาไม่เจอ

บนโลกนี้ยอดฝีมือเน่ยจิ้งที่หลงไหลในความมั่งคั่งก็ยังมีอยู่ ไม่แน่ในตระกูลช้นนำของโลก ก็มียอดฝีมือเน่ยจิ้งซ่อนอยู่ก็เป็นได้ เพียงแค่พวกเขาไม่รู้เท่านั้น

ในประเทศเหมือนตระกูลวิรุฬห์ธนกิจของอำเภอคีงเมนก็มีจำนวนไม่น้อย หลายครั้งที่ผู้คนไม่ได้เห็นจุดๆนั้น จึงมองข้ามมันไป

ประเด็นคือ ตอนนี้รพีพงษ์เริ่มเข้าใจ สิ่งที่ปรมาจารย์เน่ยจิ้งดูแลอยู่นั้น ก็คือคนที่อยู่ต่ำกว่าเน่ยจิ้งขั้นกลาง เมื่อไปถึงจุดปรมาจารย์ หรือปรมาจารย์เน่ยจิ้ง ก็จะไม่มีข้อผูกมัดใดๆแล้ว

ข้อหนึ่งเป็นเพราะฝีมือของปรมาจารย์เก่งกาจ อีกข้อคือในกลุ่มปรมาจารย์เน่ยจิ้งมีปรมาจารย์ไม่กี่คน อยากดูแลก็ดูแลไม่ได้

ดังนั้นด้วยความสามารถในตอนนี้ของรพีพงษ์ ฆ่าคนของตระกูลนิธิวรสกุลอีกครั้ง ปรมาจารย์เน่ยจิ้งอาจเตือนรพีพงษ์ แต่ถ้าจะขังรพีพงษ์ไว้ในคุกที่ห้า เป็นไปไม่ได้แน่นอน

แม้ปรมาจารย์เน่ยจิ้งจะจัดปรมาจารย์ยอดฝีมือมา จะชนะรพีพงษ์ได้ไหมเป็นอีกเรื่อง และจะจำเขาได้ไหมนั้นก็ไม่ต้องพูดถึง

ด้วยเหตุนี้เอง รพีพงษ์จึงรับรู้ถึง ว่าในโลกนี้ มีเพียงพลังที่แน่นอนเท่านั้น ที่จะติดตามเป้าหมายตลอดไป เมื่อมีพลังแน่นอน ทุกสิ่ง ก็จะได้มาอย่างง่ายดาย

“เหอะ เดี๋ยวถ้ามีคนผิวปากเรียกฉันอีกนะ ฉันจะถีบพวกเขา ดูสิว่าพวกมันยังจะมีความอยากอีกไหม” ชาลิสากล่าว

ทั้งคู่เดินมาถึงหน้าเคาท์เตอร์ รพีพงษ์สั่งเหล้าสองแก้ว ยื่นให้ชาลิสา จากนั้นก็ยื่นมือเคาะเคาน์เตอร์ตามจังหวะเพลง

หลังจากที่บาร์เทนเดอร์เห็นแล้วนั้น ก็เหลือบไปมองรพีพงษ์ ไม่พูดอะไร แล้วเดินเข้าไปด้านใน

ในขณะที่ทั้งสองกำลังรออยู่นั้น มีชายที่เจาะหูเจาะจมูกเจาะปากหลายคนเดินมายังพวกเขา

คนเหล่านี้ล้วนมองชาลิสาอย่างลามก ล้อมรอบเธอเอาไว้

“สาวน้อย สวมชุดเซ็กซี่นะ กระโปรงสั้นขนาดนี้ เพื่อให้ฉันสะดวกในการทำเธอจากข้างหลังใช่ไหม? ไง มาร่วมกันหน่อยไหม รับรองสบายหลุดโลก” ชายหัวหน้ายิ้มอย่างลามกแล้วกล่าว

ชาลิสาคลื่นไส้ ที่อเมริกา พวกต่ำๆแบบนี้มีอยู่ทั่วไป ถ้าผู้หญิงเดินคนเดียวตอนกลางคืนล่ะก็ อาจจะเจอกับอันตรายได้

“ฉวยโอกาสตอนที่ฉันยังไม่โมโห แล้วไสหัวไปจะดีกว่านะ!” ชาลิสาตะคอกไปที่พวกเขา

“ไม่คาดคิดว่าอารมณ์ของสาวน้อยจะรุนแรงขนาดนี้ ฉันชอบ คืนนี้ ฉันจะทำให้เธอขึ้นสวรรค์” หัวหน้าคนนั้นเหมือนไม่ได้ใส่ใจคำพูดของชาลิสาแต่อย่างใด คนที่อยู่หลังเขาก็พากันหัวเราะเสียงดัง

รพีพงษ์เห็นดังนี้ อยากจัดการปัญหาให้กับชาลิสา จึงได้พูดกับคนพวกนั้นว่า “เธอให้พวกแกใส่หัวไป พวกแกไม่ได้ยินหรอไง?”

หลายคนมองรพีพงษ์หัวจรดเท้า ด้วยสายตาไม่พอใจ หัวหน้าคนนั้นด่าออกมาโดยตรงว่า “ไอ้ลิงเหลืองโสโครก คนที่ควรจะไสหัวไปอะคือแก อย่ารบกวนการจีบสาวของฉัน รีบไสหัวไปซะ!”

รพีพงษ์ไม่พูดมาก เตรียมจะลงมือ ในขณะเดียวกันนี้ ชาลิสาขวางรพีพงษ์ไว้ ยิ้มพลางกล่าวว่า “สวะแบบนี้ ฉันจัดการเอง ฉันอยากจัดการมันมานานแล้ว ให้พวกมันเป็นกระสอบทรายให้ฉันละกัน”

รพีพงษ์เห็นชาลิสาพูดแบบนี้ ก็พยักหน้า

ชาลิสาจ้องไปที่คนเหล่านั้น แล้วเหยียดไม้เหยียดมือ

หัวหน้านั้นเห็นเหตุการณ์ ก็แลบลิ้น กล่าว “ไม่คาดคิดว่าจะเปรี้ยวได้ขนาดนี้ ยังจะลงมือกับฉันอีก อิอิ ฉันขอลิ้มลองเธอหน่อยล่ะกัน……”

เขายังพูดไม่ทันจบ ชาลิสาได้ตบมาแล้ว

แม้จะมีฝีมือแค่เน่ยจิ้ง แต่พลังระเบิดออกมาของชาลิสา ไม่ใช่เป็นสิ่งที่คนธรรมดาจะรับได้

ร่างของหัวหน้านั้นหมุนเป็นสามร้อยหกสิบองศา จากนั้นก็ล้มลงกับพื้น

“วันนี้จะให้พวกแกได้ลิ้มลองความร้ายกาจของฉัน!

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท