พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่735 เธอมันอัปลักษณ์

บทที่735 เธอมันอัปลักษณ์

บทที่735 เธอมันอัปลักษณ์

หลังจากที่คทาวุธทั้งสี่ได้ยินคำพูดของรพีพงษ์แล้วนั้น ก็สีหน้าบูดบึ้ง ในสายตาพวกเขา รพีพงษ์ก็เป็นแค่คนไม่มีชื่อเสียง ไม่มีสิทธิ์ที่จะมาต่อกรกับพวกเขาทั้งสี่

ตอนนี้รพีพงษ์พูดแบบนี้ ก็มีแต่รนหาที่ตาย

“เหอะเหอะ คนที่กล้าว่าสี่ตระกูลใหญ่ของเรา ก็มีแกนี่แหละคนแรก ไม่รู้ว่าแกมีแบล็คที่น่าเกรงขามขนาดไหน ถึงได้มองข้ามสี่ตระกูลใหญ่ของเราได้?” คทาวุธจ้องไปที่รพีพงษ์แล้วถาม

รพีพงษ์หัวเราะ กล่าว “แกยังไม่คู่ควรที่จะรู้”

คทาวุธเห็นรพีพงษ์ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี จึงเกิดโมโหขึ้นมา แวบเดียวก็กำมือเอาไว้แน่น

“วุธ ไอ้นี่มันแต่งตัวธรรมดา ดูก็รู้ว่าเป็นคนไม่มีแบล็คอะไร ฉันว่ามันก็แค่ไม่อยากเสียหน้าต่อหน้าอีแรดนี่ก็แค่นั้น ตั้งใจแสดงออกมา พวกเราอย่าเสียเวลากับมันเลย” กันติศากล่าวอย่างเกรี้ยวกราด

“ใช่ กันพูดถูก ถ้ามันมีแบล็คจริง พวกเราจะไม่รู้จักหรอ รีบจัดการมัน กระทบการดื่มกาแฟของเรา”จักรชัยและชลธรทั้งสองพูดตาม

คทาวุธพยักหน้า หันไปหารปภ. กล่าว “สั่งสอนมันให้เป็นบทเรียน คนแบบนี้ ไม่โดนตีไม่ดีขึ้นหรอก”

ชาลิสาอยากที่จะจัดการคนที่อยู่ตรงหน้าเหล่านี้ แต่เมื่อนึกถึงที่รพีพงษ์บอกเธอครั้งที่แล้ว เธอจึงได้อดกลั้นไว้ จากนั้นก็มองไปที่รพีพงษ์ กล่าว “คุณเป็นผู้ชาย คุณจัดการ เดี๋ยวจะหาว่าฉันบ้าพลังอีก”

รพีพงษ์ยิ้ม ยืนขึ้นจากเก้าอี้ มองไปที่การ์ดพวกนั้น

การ์ดพวกนั้นล้อมรพีพงษ์ไว้ ยื่นมือจะไปจับเขา รพีพงษ์ลอยด้วยความเร็วไปยังการ์ดแต่ล่ะคน ทำให้พวกเขาไม่สามารถขยับได้ชั่วขณะ

เห็นพวกการ์ดล้มลงกับพื้น คทาวุธทั้งสี่คนก็ตาโต ไม่คาดคิดว่ารพีพงษ์จะเก่งกาจขนาดนี้

“แกไอ้เลว อย่าคิดว่าฝีมือดีแล้วจะผยองต่อหน้าฉันได้นะ พลังของสี่ตระกูลของเรา ไม่ใช่ขยะอย่างแกจะต้านทานได้!” กันติศาตะคอกรพีพงษ์ ในขณะเดียวกันนี้ เธอทำได้เพียงเอ่ยชื่อสี่ตระกูลใหญ่กดดันรพีพงษ์เท่านั้น

คทาวุธกลืนน้ำลาย จ้องไปที่รพีพงษ์ “ไม่ว่าแกจะเก่งขนาดไหน ต่อหน้าสี่ตระกูลใหญ่ของเรา ก็เป็นแค่มดตัวหนึ่งเท่านั้นแหละ แต่พวกเราไม่อยากคิดเล็กคิดน้อยกับแก ตอนนี้แกขอโทษพวกเรา เรื่องนี้ก็จะผ่านไป”

รพีพงษ์เหลือบไปมองคทาวุธ จากนั้นก็ตบไปที่หน้าของเขาหนึ่งฉาด กล่าว “คนที่ควรจะขอโทษหนะ คือพวกแก คนของสี่ตระกูลใหญ่ จะยโสโอหังได้ขนาดนี้เลยหรอ?”

เห็นคทาวุธโดนตบ จักรชัยและชลธรทั้งสองอยากออกหน้าแทนเขา

รพีพงษ์ไม่ลังเล หลังจากที่ถีบคทาวุธไปแล้วนั้น ก้ตบไปที่จักรชัยและชลธรคนล่ะฉาด จากนั้นก็ตบจนพวกเขาล้มลงกับพื้น

กันติศาเห็นรพีพงษ์ไม่ให้ความสำคัญกับตัวตนสี่ตระกูลใหญ่ของพวกเขาเลยแม้แต่น้อย ก็เริ่มผวาขึ้นมา ขณะเดียวกันนี้รพีพงษ์เดินไปด้านหน้าของเธอ เธอรับกล่าวว่า “แก แกคิดจะทำอะไร ฉันเป็นผู้หญิง แกจะลงมือกับผู้หญิงงั้นหรอ?”

“เหอะเหอะ เมื่อกี๊ตอนด่าคนทำไมไม่คิดว่าตัวเองเป็นผู้หญิงล่ะ ตอนนี้กลับพูดแบบนี้กับฉัน แกเป็นผู้หยิงแล้วยังไง มองข้ามคนอื่น ยโสโอหัง เป็นผู้หญิงก็ต้องโดน!”

พูดจบ รพีพงษ์ก็ตบกันติศาหนึ่งฉาด จนตูดเธอลงไปนั่งลงกับพื้น

ตูดของกันติศาเป็นรอยแดงขึ้นมา เธอจับหน้าของตัวเองไว้ แล้วร้องออกมาทันใด

“ฝากไว้ก่อน ฉันจะฟ้องพ่อฉัน ให้พ่อของฉันมาจัดการแก แล้วยังมีอีแรดนี่อีก พวกแกทั้งสองไม่มีใครดีสักคน!”

รพีพงษ์ยิ้ม กำลังมองไปยังบนพื้นที่ทั้งสี่คนนอนกองอยู่ แล้วกล่าว “พวกแกทั้งสามคน ถ้าอยากออกไปแบบครบสามสิบสองล่ะก็ รีบขอโทษซะ แล้วด่าผู้หญิงคนนี้ว่าไอ้อัปลักษณ์ มิเช่นนั้น อย่าหาว่าฉันไม่เตือน”

พูดจบ รพีพงษ์ก็ใช้ขาหนึ่งข้างเหยียบขาของคทาวุธไว้ ออกแรงนิดหน่อย คทาวุธก็ร้องโอดครวญออกมา

เขาเข้าใจดี ถ้าเขาไม่ทำตามที่รพีพงษ์พูดล่ะก็ เกรงว่าขาข้างนั้นของเขาก็พิการแน่ในวันนี้

“ขอ……ขอโทษครับ กันติศา แก……แกมันไอ้อัปลักษณ์!” คทาวุธกัดฟันพูด

กันติศาชะงัก เธอไม่คาดคิด ว่าคทาวุธจะด่าเธอได้

รพีพงษ์พยักหน้าพอใจ จากนั้นก็เดินไปด้านหน้าของจักรชัยและชลธร ใช้วิธีเดียวกัน ให้พวกเขาขอโทษ และด่ากันติศาว่าไอ้อัปลักษณ์

กันติศาใจกำลังจะแตกสลาย สามคนที่ความสัมพันธ์ดีกับเธอที่สุด กล้าที่จะด่าเธอ ว่าไอ้อีปลักษณ์ต่อหน้าเธอ แม้จะรู้ว่าพวกเขาถูกบังคับ เธอก็ยังคงรับไม่ได้อยู่ดี

รพีพงษ์เห็นท่าทีของกันติศา รู้ว่าการลงโทษที่เธอได้รับ มันแรงกว่าคทาวุธทั้งสามคนอีก

ความเจ็บปวดทางใจ มักจะเจ็บปวดยิ่งกว่าทางกายหลายเท่าตัว

“ถึงตาแกแล้ว แกขอโทษก็พอแล้ว ถ้าแกอยากด่าตัวเองล่ะก็ ฉันก็ไม่ว่าอะไร” รพีพงษ์กล่าว

“ฝันไปเถอะ!” กันติศากล่าว

รพีพงษ์จ้องไปที่การ์ด ตรงนั้นมีกริชวางอยู่ เขาหยิบกริชนั้นมา ขู่กันติศา ว่า “ถ้าไม่ขอโทษล่ะก็ ฉันจะเอากริชนี่แหละกรีดหน้าแก พูดจริงบทำจริง”

กันติศากลัว จ้องไปที่รพีพงษ์อย่างน้อยใจ สุดท้ายก็พูดว่า “ขอ……ขอโทษ”

พูดจบก็ร้องไห้ออกมา

นี่เป็นช่วงที่เธออดกลั้นมากที่สุดในชีวิตอย่างแน่นอน

เห็นทั้งสี่ขอโทษแล้ว รพีพงษ์ก็มองไปที่ชาลิสา กล่าว “พวกเราไปกันเถอะ”

ชาลิสายืนขึ้น ยิ้มพลางเดินออกไปข้างนอกกับรพีพงษ์

หลังจากที่รพีพงษ์และชาลิสาออกไปแล้วนั้น คทาวุธทั้งสามคนก็ลุกขึ้นมาจากพื้น

พวกเขามองกันติศาด้วยความรู้สึกผิด ไม่รู้ว่าควรจะปลอบใจเธออย่างไรดี

“กัน พวกเราก็ถูกบังคับ ความจริงเธอไม่น่าเกลียดเลยนะ ไอ้บ้านั่นตั้งใจหาเรื่อง” สักพัก คทาวุธก็กล่าวขึ้นมา

จักรชัยและชลธรทั้งสองรีบปลอบใจตาม

กันติศาได้ยินคำพูดเหล่านี้ ก็ร้องไห้หนักมาก

“ฉันไม่สน ฉันจะต้องฆ่าหั่นศพมันให้ได้ แล้วก็ทำลายความสวยของหญิงนั่นซะ! ฉันจะกลับไปฟ้องพ่อ ให้ท่านออกหน้าแทนฉัน” กันติศากล่าว

“กัน แกอดทนไว้จะดีกว่า คืนนี้เป็นงานเลี้ยงของสี่ตระกูลของเรา ถึงเวลานั้นความวัวไม่ทันหายความควายเข้ามาแทรกได้นะ พวกเราหานักฆ่าอันดับหนึ่งมาต่อกรกับคนของเทือกเขากิสนาแล้วไม่ใช่หรอ รอให้พวกมันทำสำเร็จ แล้วเราค่อยเชิญหนึ่งในนั้นมาจัดการมัน หญิงนั่น พวกเราจะไปจับมันมาเอง แกคิดว่าไง?” คทาวุธกล่าว

กันติศาดูแคลน กล่าว “แกให้นักฆ่าฆ่ามัน มันฝีมือดีแล้วไง ฉันไม่เชื่อหรอกว่ามันจะฝีมือดีกว่านักฆ่าอันดับหนึ่งของโลกที่ถูกฝึกฝนมา!

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท