พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่723 ความแข็งแกร่งของรพีพงษ์

บทที่723 ความแข็งแกร่งของรพีพงษ์

ทที่723 ความแข็งแกร่งของรพีพงษ์

ห้องทำงานของผู้คุม

ในเวลานี้สงควนขมวดคิ้วจ้องไปที่ภาพหน้าจอกล้องวงจรปิดบนคอมพิวเตอร์

รพีพงษ์และ“จรัส”ต่อสู้กันอย่างดุเดือด รพีพงษ์มีฝีมือที่สูสีพอกันกับจรัสที่ย่างเข้าสู่แดนเครึ่งปรมาจารย์ ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจ พอตอนหลังฝ่ามือดาวฟ้าของรพีพงษ์ทำให้จรัสได้รับบาดเจ็บ ยิ่งทำให้สงควนชื่นชมศักยภาพของรพีพงษ์มากขึ้น

อย่างไรก็ตามความแข็งแกร่งของแดนเครึ่งปรมาจารย์ ท้ายที่สุดก็ไม่ใช่ว่าเน่ยจิ้งขั้นกลางจะสู้ได้ ในความคิดของสงควน รพีพงษ์สามารถฉวยโอกาสทำให้จรัสบาดเจ็บด้วยฝ่ามือดาวฟ้า อย่างที่หนึ่งเป็นเพราะฝ่ามือดาวฟ้าทรงพลังจริงๆ สามารถเพียงพอที่จะทำให้คนระเบิดพลังการต่อสู้ที่ทรงพลังออกมาได้ อีกหนึ่งอย่างเป็นเพราะความประมาทของจรัส

ตอนนี้จรัสโกรธมาก จึงใช้การโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดออกทันที ค้อนกระแทกฟ้า ท่วงท่านี้เป็นกระบวนท่วงท่าที่มีชื่อเสียงของจรัสในตอนนั้น ใช้ออกมาด้วยระดับแดนเครึ่งปรมาจารย์ อานุภาพของมัน สามารถเทียบได้กับการโจมตีของแดนปรมาจารย์

ในความคิดของสงควน ไม่ว่ายังไงรพีพงษ์ไม่สามารถรับมือกับท่วงท่านี้ได้อยู่ดี

ตั้งแต่ครั้งก่อนหลังจากที่รพีพงษ์ใช้ฝ่ามือดาวฟ้า สงควนก็ให้ความสนใจกับรพีพงษ์เป็นพิเศษ คิดว่ารพีพงษ์เป็นคนที่มีความสามารถพิเศษคุ้มค่ากับการฝึกฝน เข้าคุกที่ห้าเป็นเพียงเพราะหัวร้อนฆ่าคนธรรมดาเพื่อแก้แค้น ไม่ได้มีปัญญาใหญ่ในตัวเอง

ดังนั้นเขายังคงต้องการดูแลสอดส่องรพีพงษ์ ใครจะไปรู้ว่ารพีพงษ์จะเป็นคนไปยั่วโทสะคนที่แข็งแกร่งที่สุดในคุกที่ห้า ตอนนี้กำลังบีบบังคับให้จรัสใช้ท่วงท่าที่แข็งแกร่งที่สุด สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกจนปัญญาอย่างฉับพลัน

ในขณะนี้สงควนถือรีโมตคอนโทรลอยู่ในมือ มีปุ่มกดอยู่ด้านบน เพียงแค่เขากดปุ่มนี้ สร้อยข้อมือบนมือของจรัสก็จะปล่อยกระแสไฟฟ้าออกมา ขัดขวางการโจมตีของจรัส

เมื่อเห็นว่าหมัดของจรัสกำลังจะกระแทกลงมาที่บนตัวรพีพงษ์ สงควนตั้งใจที่จะกดปุ่มนั้น เพื่อช่วยชีวิตรพีพงษ์ ในขณะนี้ บนตัวรพีพงษ์ก็ระเบิดพลังอานุภาพที่ไม่น้อยไปกว่าจรัส ทำให้สงควนตะลึงชั่วขณะ

“ท่วงท่านี้ของเขา ดูเหมือนจะแข็งแกร่งกว่าค้อนกระแทกฟ้าของจรัสมาก เด็กคนนี้ มีเบื้องหลังอะไรกันแน่ ไปเรียนรู้ท่วงท่าที่ทรงพลังเช่นนี้มาจากไหน?”

……

บนเขาอารี การต่อสู้ระหว่างรพีพงษ์และ“จรัส”เกิดขึ้นภายในพริบตา ค้อนกระแทกฟ้าของ“จรัส”กระแทกลงไป รพีพงษ์รับมือด้วยเชิญพระจันทร์ ในช่วงเวลาที่ทั้งสองปะทะกัน คลื่นแห่งความผันผวนที่มองไม่เห็นกระจายไปรอบๆ ไออ้วนและคนอื่นๆที่อยู่ห่างออกไปหลายสิบเมตรรู้สึกถึงความผันผวน รีบกัดฟันเพื่อต้านทาน

หลายคนที่ถูกกำจัดเน่ยจิ้งถึงกับนั่งลงบนพื้นทันที

“นี่…..นี่มันก็น่ากลัวเกินไปแล้ว นี่เป็นการต่อสู้ที่ระดับต่ำกว่าปรมาจารย์จริงๆเหรอ? ถ้าไม่รู้ความแข็งแกร่งของพวกเขาแน่ชัด ฉันก็คิดว่าพวกเขาสองคนบรรลุถึงแดนปรมาจารย์แล้ว”ไออ้วนพึมพำกับตัวเอง

หลังจากดึงสติกลับมาได้ เขารีบมองไปที่รพีพงษ์และจรัสอย่างรวดเร็ว อยากรู้ว่าผลสุดท้ายของการปะทะนี้จะเป็นอย่างไร

บนพื้นห่างออกไป มีหลุมขนาดใหญ่ที่มีรัศมีประมาณหนึ่งเมตรปรากฏขึ้น รพีพงษ์ยืนอยู่ในหลุม หายใจแรง ซึ่งดูเหมือนจะใช้แรงไปมาก

และอีกด้านหนึ่ง จรัสล้มลงกับพื้น โดยนิ่งไม่ขยับ ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย

ทุกคนตกตะลึง พวกเขาต่างก็คาดไม่ถึง การต่อสู้ครั้งนี้ จรัสที่บรรลุถึงแดนเครึ่งปรมาจารย์ กลับพ่ายแพ้!

นี่ก็แสดงให้เห็นว่า ความแข็งแกร่งของรพีพงษ์ อย่างน้อยถึงขั้นแดนครึ่งปรมาจารย์แล้ว

“โอ้พระเจ้าช่วยกล้วยทอด เขาเพิ่งจะยี่สิบกว่าเอง เทียบกับเขาแล้ว รู้สึกว่าฉันหลายปีมานี้แม้แต่คนทำสวนก็ยังเทียบไม่ได้ เฮ้อ เฮ้อ ไม่ถูกสิ ตอนนี้ฉันก็เป็นคนทำสวน”ไออ้วนพึมพำกับตัวเอง

รพีพงษ์จ้องมอง“จรัส”ที่ล้มลงบนพื้นแวบหนึ่ง หายใจเข้าลึกๆ และรู้สึกถึงความเหนื่อยล้า แต่เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า นี่ยังไม่ใช่ระดับสูงสุดของเขา

เขายกเท้า เดินไปด้านหน้า มาถึงตรงหน้าจรัส และก้มลงมองไปที่เขาแวบหนึ่ง

ท่วงท่าเมื่อกี้นี้ความจริงแล้วสามารถคร่าชีวิตเขาได้เลย แต่สุดท้ายรพีพงษ์ก็ออมมือ เพียงแค่ทำให้เขาบาดเจ็บสาหัส

ความเหลือเชื่อปรากฏขึ้นบนใบหน้าของ“จรัส” หลังจากที่เห็นรพีพงษ์เดินเข้ามา แววตาเต็มไปด้วยความสงสัย และถามว่า: “ทำ….ทำไม ฉันสามารถสัมผัสได้ ความแข็งแกร่งของนายมีเพียงเน่ยจิ้งขั้นกลาง แต่ทำไมนายถึงสามารถใช้ท่วงท่าที่ทรงพลังเช่นนี้ออกมาได้ล่ะ?”

รพีพงษ์จ้องมองเขาแวบหนึ่ง พูดว่า: “บนโลกใบนี้ ไม่ได้มีแค่ความแข็งแกร่งเน่ยจิ้งเท่านั้น”

“จรัส”ครุ่นคิด รอยยิ้มที่ชั่วร้ายปรากฏขึ้นบนใบหน้า จากนั้นเขาก็หลับตาลง

รพีพงษ์นึกว่าจรัสได้ตายไปแล้ว คิดในใจทั้งๆที่เมื่อกี้นี้ตัวเองไม่ได้ใช้พลังทั้งหมด ไม่น่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ในขณะนี้ จรัสที่ตอนแรกหลับตาลงแล้วจู่ๆก็ไอขึ้นมาอย่างรุนแรง จากนั้นเขาก็ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง แววตาเปลี่ยนเป็นสดใสขึ้นมา

“เขาตายแล้ว ในที่สุดเขาก็ตาย ฮ่าฮ่าฮ่า ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลย เขาจะหายไปจากร่างของฉันด้วยวิธีนี้ รพีพงษ์ ขอบคุณที่นายออมมือ ไม่อย่างนั้นฉันก็จะต้องไปพบพญายมพร้อมกับเขา”จรัสหัวเราะ ไม่ใส่ใจกับอาการบาดเจ็บทางร่างกายของตัวเองแม้แต่น้อย

รพีพงษ์ก็คิดไม่ถึงว่าตัวเองจะฆ่าบุคลิกที่แยกตัวออกมาจากจรัสคนนั้นตายไปแล้ว มองไปจรัสที่นอนอยู่กับพื้นด้วยความประหลาดใจ

“นายแน่ใจ…..เขาฆ่าฉันตายแล้ว?”รพีพงษ์เอ่ยปากถาม

จรัสพยักหน้าอย่างจริงจัง จากนั้นก็หยิบตราสัญญาลักษณ์ออกมาจากเสื้อผ้า ข้างบนเขียนอยู่หนึ่งคำว่า“ลอบ”อยู่หนึ่งคำ

“ตราสัญลักษณ์นี้ถือเป็นคำขอบคุณที่ฉันมอบให้กับนาย ตอนนั้นที่ฉันยังไม่ถูกจับเข้ามา ได้สร้างองค์กรนักฆ่าไว้ที่ด้านนอก ชื่อว่าลอบสังหาร อยู่ในนานาชาติก็ยังถือได้ว่ามีอิทธิพล นายถือตราสัญลักษณ์นี้ไว้ สามารถที่จะสั่งพวกเขาได้ แน่นอนว่า ประเด็นหลักคือนายต้องออกไปจากที่นี่ให้ได้ก่อน”

“แต่ว่าฉันมั่นใจ ถ้าหากว่าเป็นนาย คงจะไม่มีทางถูกขังไว้ที่ไปตลอด”

จรัสกล่าวด้วยรอยยิ้ม

รพีพงษ์รับตราสัญญาลักษณ์มาดูแวบหนึ่ง โดยไม่ได้เกรงใจ

จรัสพูดถูก เขาไม่เคยตั้งใจว่าจะอยู่ที่นี่ไปตลอดชีวิต ไม่ช้าก็เร็วก็จะออกไป

สำหรับตราสัญลักษณ์แผ่นนี้ ต่อให้เขาไม่ได้ใช้ แต่ตระกูลลัดดาวัลย์ก็สามารถใช้มันได้อย่างแน่นอน กองกำลังที่สร้างโดยแดนเครึ่งปรมาจารย์คนนี้ ต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

รพีพงษ์พยุงจรัสขึ้นมา พาไปที่กระท่อมไม้ของตัวเอง เขาไม่มีความจำเป็นที่ต้องฆ่าจรัส เนื่องจากจรัสคนที่ทารุณโหดร้ายได้ตายไปแล้ว จรัสที่เหลืออยู่ ก็ยังถือได้ว่าเป็นคนไม่เลว

เขาไม่ใช่ปีศาจสังหารคน ไม่ว่าจับใครได้ก็ต้องฆ่า

การต่อสู้กับจรัส ทำให้รพีพงษ์สะเทือนอารมณ์มากเกินไป เขาอาศัยความแข็งแกร่งของแดนเครึ่งปรมาจารย์ สืบเสาะถึงปรมาจารย์ที่แท้จริง ว่ามีพลังแบบไหน

ในเวลาเดียวกันเขาแน่ใจการคาดเดาในใจของตัวเอง ด้วยพลังวิเศษเสน เขาสามารถอาศัยเน่ยจิ้งขั้นกลาง มีพลังที่จะต่อสู้กับปรมาจารย์ได้ ที่สำคัญถ้าพยายามอย่างสุดความสามารถ เขาอาจไม่ใช่คนที่จะพ่ายแพ้

ท้ายที่สุดรพีพงษ์ยังมีท่วงท่าที่สามของกลยุทธ์ เขามั่นใจว่า เมื่อใช้ท่วงท่านี้ออกมา แม้แต่ปรมาจารย์ที่แท้จริง ยังต้องหาวิธีพลิกผันหลบหนี

ข่าวที่รพีพงษ์เอาชนะจรัสแพร่กระจายไปทั่วทั้งคุกที่ห้าอย่างรวดเร็ว ทุกคนประหลาดใจในความแข็งแกร่งของรพีพงษ์ ในเวลาเดียวกันในใจก็รู้ดีว่า ในคุกที่ห้า ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดคนนั้น จากจรัส กลายเป็นรพีพงษ์ที่เพิ่งเข้ามาที่คุกที่ห้าได้สี่เดือน

ผู้ควบคุมดูแลคุกต่างก็ให้ติดตามสอดส่องรพีพงษ์เป็นพิเศษ เพราะผู้ชายคนนี้ ทำให้พวกเขาทึ่งมากเกินไป

หลังจากนั้นไม่กี่วัน รพีพงษ์เดินออกมาจากกระท่อมไม้ มองดูไออ้วนที่กำลังสั่งให้ผู้คนยัดมันฝรั่งที่โตเต็มที่ลงถุง มัดผักป่า บิดเอวขี้เกียจเป็นเวลานาน

อยู่ในคุกที่ห้ามานานขนาดนี้ ตอนนี้ ก็ถึงเวลาที่ต้องหาวิธีออกไปได้แล้ว

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท