พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่742 พวกแกสี่คนลุยขึ้นมาพร้อมกัน

บทที่742 พวกแกสี่คนลุยขึ้นมาพร้อมกัน

บทที่742 พวกแกสี่คนลุยขึ้นมาพร้อมกัน

จิรภาสพวกเขาทั้งสี่ที่กำลังนั่งดื่มชาอยู่อย่างสบายๆ เต็มไปด้วยความมั่นใจในตัวของติณณภพ จิรภาสจับหนวดของตัวเองอย่างภาคภูมิใจ อวดดีที่ตระกูลภูธนมีคนรุ่นน้องที่ดีพร้อมเช่นนี้

“พลังอานุภาพทั้งตัวของติณณภพนี้ ก็แข็งแกร่งกว่าเด็กที่ชื่อรพีพงษ์คนนั้นมาก แม้ว่าชื่อกิตติศัพท์ของวฤนท์ธมจะเลื่องลือ แต่ลูกศิษย์ที่สอนออกมาก็ไม่ค่อยเท่าไหร่เลยนะ”โกมุทแสดงความคิดเห็น

“ท่วงท่าชุดนี้ของติณณภพก็คงจะทุบตีรพีพงษ์จนหาทิศไม่เจอ คนรุ่นน้องคนหนึ่งที่คิดเองเออเอง ท้ายที่สุดก็ยังมีคนที่ทำให้เขาเข้าใจถึงสถานะของตัวเอง”ญาณวุฒิเอ่ยปาก

“ในความคิดของฉัน รพีพงษ์นี้ก็คงจะหวาดกลัวติณณภพอย่างหมดจด ยืนนิ่งอยู่ที่เดิมไม่ขยับ เห็นได้ชัดว่าไม่รู้ว่าจะรับมืออย่างไร”ศัจกรเอ่ยปากอย่างเห็นด้วยเช่นกัน

เมื่อทั้งสี่คนต่างเชื่อว่าผลของการต่อสู้ครั้งนี้สงบลงแล้ว รพีพงษ์ก็ค่อยๆยกมือขึ้น และตบใส่ทีเดียวติณณภพจนบินออกจากเวทีประลอง

แม้ว่าความแข็งแกร่งของจิรภาสพวกเขาทั้งสี่จะถึงระดับที่คนธรรมดาไม่สามารถเทียบได้ แต่พวกเขาก็ยังคงแสดงสีหน้าตกใจในเวลานี้ จ้องมองไปที่รพีพงษ์ที่อยู่บนเวทีประลองด้วยความเหลือเชื่อ

“พะ….พลังของเด็กคนนี้ทำไมถึงได้แข็งแกร่งขนาดนี้ล่ะ? หรือว่าเขาจะก้าวเข้าสู่แดนปรมาจารย์แล้วเหรอ?”จิรภาสยืนขึ้นจากเก้าอี้ทันที

โกมุททั้งสามคนต่างก็ตกตะลึงอ้าปากค้างทำอะไรไม่ถูก ท่วงท่าเมื่อกี้นี้ของรพีพงษ์ แม้แต่พวกเขา ก็ไม่สามารถทำได้ง่ายๆ สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า ความแข็งแกร่งของรพีพงษ์นั้นเหนือกว่าพวกเขาแล้ว

“เป็นไปได้อย่างไร เด็กคนนี้อายุยังน้อยกว่าติณณภพ ปรมาจารย์ในวัยยี่สิบกว่า นี่ก็เป็นสิ่งที่น่าเขย่าขวัญ!”เสียงของโกมุทสั่นขึ้นมาเล็กน้อย

ติณณภพที่ล้มลงกับพื้นดึงสติอยู่เป็นเวลานาน ก่อนที่จะฟื้นคืนจากสภาพที่ตะลึงมา เขายื่นมือออกไปสัมผัสใบหน้าของตัวเอง ใบหน้าครึ่งนั้นของเขาชาจนไม่มีความรู้สึก ในหูยังมีเสียงแหลมคมของนกดังไม่หยุด

เขาเงยหน้าขึ้นมองไปที่รพีพงษ์ จนกระทั่งถึงตอนนี้ เขาถึงเพิ่งเข้าใจ รพีพงษ์ไม่ได้อวดเก่ง แต่เขาไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของรพีพงษ์เลย

เมื่อมองดูคนที่อายุน้อยกว่าเขาหลายปีที่อยู่บนเวทีประลอง ในใจของติณณภพก็เกิดความรู้สึกท้อแท้

“ฝ่ามือนี้ตบได้ดีมาก!”ไออ้วนที่อยู่ด้านล่างเวทีตะโกนขึ้นมาทันที

ผู้คนจำนวนมากที่ตกอยู่ในความตะลึงต่างก็ดึงสติกลับมาได้เพราะเสียงของไออ้วน จากนั้นทุกคนก็เริ่มอุทานอย่างตะลึงกับพลังของรพีพงษ์ และผู้คนไม่น้อยก็โห่ร้องขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น

ในเวลาเดียวกัน ในห้องรับแขกของคฤหาสน์ใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์

อารียากำลังอุ้มขวัญนลินเดินไปเดินมา ใบหน้าเต็มไปด้วยความวิตกกังวล รพีพงษ์บอกว่าจะกลับมาวันนี้ แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ข่าวคราวใดๆเลย ซึ่งทำให้เธอรออย่างกังวล

ในขณะนี้ มีคนวิ่งพุ่งเข้ามาในห้องรับแขก และตะโกนเสียงดังว่า: “นาย….นายใหญ่กลับมาแล้ว ตอนนี้กำลังอยู่ที่เวทีประลองข้างนอก!”

เมื่อทุกคนได้ยินคำพูด ก็รีบวิ่งออกไปด้านนอกทันที

หลังจากนั้นไม่นาน อารียาก็พาทุกคนไปที่ด้านนอกคฤหาสน์ใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์ หลังจากเห็นรพีพงษ์ที่ยืนอยู่บนเวทีประลอง อารียาก็โล่งใจทันที

ในเวลานี้ทุกคนกำลังเชียร์การตบเมื่อกี้นี้ของรพีพงษ์อยู่ หลังจากที่ทุกคนในตระกูลลัดดาวัลย์เห็น ต่างก็สงสัยเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

แต่เมื่อเห็นจิรภาสทั้งสี่คนเต็มไปด้วยความโกรธในเวลานี้ ในใจเวกัสดำเกิงและคนอื่นๆก็กังวลเล็กน้อย

รพีพงษ์เห็นอารียาอุ้มขวัญนลินออกมาด้วย รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้า กระโดดลงจากเวทีประลอง วิ่งตรงหน้าพวกเขาสองแม่ลูก กอดพวกเธอไว้ในอ้อมกอด

“ไม่ได้เจอกันตั้งนาน ฉันคิดถึงมากจริงๆ”รพีพงษ์เอ่ยปาก

“เอาล่ะ ศัตรูใหญ่อยู่ตรงหน้า ไม่ต้องมาทำเป็นโรแมนติกเลย คิดหาทางจัดการกับปัญหาพวกนี้ก่อนเถอะ”อารียามองไปที่รพีพงษ์อย่างตำหนิ

“ก็ไม่ถือว่าเป็นศัตรูใหญ่ ต้องการจะจัดการพวกเขา ง่ายดายมาก”รพีพงษ์ยื่นมือออกมาแล้วจับจมูกเล็กๆของขวัญนลิน

มันอาจจะเป็นความสัมพันธ์ระหว่างสายเลือด แม้ว่าหลังจากที่ขวัญนลินเกิดได้ไม่นานรพีพงษ์ก็จากไป แต่รพีพงษ์ก็ไม่ใช่คนแปลกหน้าของหนูน้อยเลย ยังคงมีความใกล้ชิดกันอยู่บ้าง

หลังจากที่เวทัสและดำเกิงทั้งสองคนได้ยินสิ่งที่รพีพงษ์พูด ต่างก็กระอักกระอ่วน ดำเกิงก้าวไปข้างหน้า และพูดว่า: “ศิษย์พี่รพีพงษ์ พี่คงจะยังไม่รู้ ชายชราสี่คนอยู่ที่นั่น คนหนึ่งคือยอดฝีมือแดนปรมาจารย์ อีกสามคนคือยอดฝีมือแดนครึ่งปรมาจารย์ อย่าว่าแต่จัดการพวกเขาเลย จะหนีรอดพ้นจากเงื้อมมือของพวกเขา ก็เป็นเรื่องที่ยากเรื่องหนึ่ง”

“ฉันรู้ถึงความแข็งแกร่งของพวกเขา”รพีพงษ์ตอบกลับ

ดำเกิงนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ คิดในใจว่าในเมื่อพี่รู้ความแข็งแกร่งของพวกเขา ทำไมยังพูดคำพูดโอ้อวดแบบนี้อีกล่ะ?

เมื่อเวทัสเห็นรพีพงษ์พูดเช่นนี้ ก็เดินเข้าไป แล้วพูดว่า: “รพีพงษ์ ความแข็งแกร่งของยอดฝีมือแดนปรมาจารย์ไม่ใช่สิ่งที่เราจะต้านทานได้ง่ายๆ พวกเราได้พูดคุยกันแล้ว หากไม่ไหวจริงๆ เราจะบอกตำแหน่งของอาจารย์ให้พวกเขา ลูกศิษย์มากมายที่อาจารย์สอนมาตลอดหลายปี มีไม่น้อยที่แข็งแกร่ง ต่อให้พวกเขาไปหาเรื่องอาจารย์ อาจารย์ก็น่าจะจัดการได้ ตอนนี้มีทางเลือกเพียงทางเดียวเท่านั้น”

รพีพงษ์ยิ้มแล้วตบไหล่ของเขาและดำเกิง เอ่ยปากว่า: “พวกนายสบายใจได้ วันนี้มีฉันอยู่ พวกเขาทำอะไรใหญ่โตไม่ได้ ปรมาจารย์แล้วยังไงล่ะ ไม่ใช่ว่าไม่เคยฆ่ามาก่อน”

ร่างของเวทัสและดำเกิงแข็งทื่อไปชั่วขณะ คำพูดของรพีพงษ์ทำให้เขาไม่สามารถตอบสนองได้

“ศิษย์พี่รพีพงษ์ ถึงขนาดนี้แล้ว พี่ก็อย่ามาล้อเล่นเลย พี่ฆ่าปรมาจารย์เหรอ? ฆ่าปรมาจารย์คนไหน?”ดำเกิงเอ่ยปาก

“ชินาธิป”รพีพงษ์ตอบ

ดวงตาของเวทัสเบิกกว้างทันที ปกติเขาที่ไม่ค่อยชอบพูดก็อุทานออกมาว่า: “เป็นไปได้ยังไงเนี่ย! ชินาธิปเป็นปรมาจารย์ที่มีชื่อเสียงไปทั่ว ถ้าเขาถูกพี่ฆ่าจริงๆ พวกเราจะไม่รู้ได้อย่างไร”

“ฉันฆ่าเขาที่ต่างประเทศ ข่าวคราวน่าจะยังไม่ได้ส่งกลับมา แต่ว่าน่าจะมาเร็วๆนี้แล้ว”รพีพงษ์เอ่ยปาก “เอาล่ะ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะพูดถึงเรื่องนี้ พวกนายดูอยู่ข้างๆ ฉันจะจัดการไอ้พวกสี่คนนั้นก่อน”

หลังจากพูดแล้ว เขาก็หันกลับมา และมองไปที่จิรภาสพวกเขาสี่คน

“พวกแกสี่คน เป็นศัตรูของอาจารย์ฉันเหรอ?”รพีพงษ์เอ่ยปาก

“อาจารย์ผู้ฉาวโฉ่ของแก ศัตรูของเขาไม่ได้มีเพียงพวกเราทั้งสี่คน ทางที่ดีแกควรจะรีบบอกตำแหน่งที่อยู่ของเขามาเร็วๆ ไม่เช่นนั้นแกจะมีปัญหากับแวดวงศิลปะการต่อสู้โบราณทั้งหมด!”จิรภาสส่งเสียงเย็นชา

รพีพงษ์เบะปาก แล้วพูดว่า: “อาจารย์มีบุญคุณอันยิ่งใหญ่กับฉัน พวกแกจะไปหาเขา ผ่านด่านฉันลูกศิษย์คนนี้ให้ได้ก่อนเถอะค่อยว่ากัน ฉันก็ไม่อยากพูดจาไร้สาระกับพวกแก ขึ้นเวทีประลองได้เลย ฉันจะทำให้พวกแกเข้าใจ อย่างพวกแก ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปหาอาจารย์ของฉัน”

หลังจากพูดเสร็จ เขาก็ขึ้นไปบนเวทีประลอง

จิรภาสส่งเสียงเย็นชา กำลังจะเดิมตามขึ้นไปบนเวทีประลองทันที

“เด็กจองหอง อย่าคิดว่าแกเอาชนะติณณภพได้ ก็มีสิทธิ์พอที่จะท้าทายพวกเราได้ วันนี้ให้ฉันมาจัดการกับแก!”

เมื่อรพีพงษ์เห็นว่าจิรภาสจะขึ้นมาเวทีประลองเพียงคนเดียวเท่านั้น รีบโบกมือทันที แล้วพูดว่า: “แกคนเดียวยังไม่เพียงพอ ฉันไม่อยากเสียเวลา ดังนั้น พวกแกสี่คนลุยขึ้นมาพร้อมกัน”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท