พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่733 ลอบสังหารทั้งหมดเชื่อฟังคุณ

บทที่733 ลอบสังหารทั้งหมดเชื่อฟังคุณ

บทที่733 ลอบสังหารทั้งหมดเชื่อฟังคุณ

“เห็นป้ายบัญชาการลอบสังหาร ดูๆแล้วสิ่งที่คุณพูดนั้นเป็นความจริง”

ชายวัยกลางคนพูดต่อรพีพงษ์ จากนั้นก็คุกเข่าลง คำนับให้รพีพงษ์

รพีพงษ์โไม่คาดคิดว่าป้ายบัญชาการลอบสังหารจะมีข้อดีมากขนาดนี้ แล้วถาม “พวกคุณไม่ตรวจสอบหน่อยหรอว่าป้ายนี้เป็นของจริงหรือของปลอมจึงคุกเข่าลงไปแล้ว?”

“ป้ายบัญชาการลอบสังหารใช้วัสดุพิเศษในการทำ จะมีแค่ผมลอบสังหารเท่านั้นที่รู้ถึงความแตกต่าง ในโลกนี้มีเพียงหนึ่งเดียว ไม่มีทางปลอมได้” ชายวัยกลางคนกล่าว

รพีพงษ์จ้องไปที่ป้ายที่อยู่ในมือ แต่ไม่พบว่ามันพิเศษตรงไหน มีเพียงคนในลอบสังหารเท่านั้น ที่จะรู้ถึงความแปลกของมันมั้ง

“พวกคุณลุกขึ้นเถอะ ไม่จำเป็นต้องเคารพขนาดนี้” รพีพงษ์กล่าว

ชายวัยกลางคนและนักฆ่าล้วนยืนขึ้นมา ท่าทีของชายวัยกาลคนที่มีต่อรพีพงษ์เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด แป๊ปเดียวก็ไม่มีท่าทีเย็นชาอย่างก่อนหน้านี้แล้ว

“ไม่รู้ว่าตอนนี้ลูกพี่ของเราเป็นไงบ้าง ทำไมเขาถึงมอบป้ายบัญชาการลอบสังหารนี้ให้คุณ?” ชายวัยกลางคนถาม

รพีพงษ์ไม่ปิดบัง เล่าเรื่องของตนและจรัสในระหว่างอยู่ในคุกที่ห้าให้ฟัง

ในขณะพูดคุยอยู่นั้น รพีพงษ์ก็ได้รู้ชื่อของชายวัยกลางคนนี้มีชื่อว่าครองภพ ตามที่เขาพูด เขาคือเด็กกำพร้า ตอนเด็กจรัสเก็บเขามา จรัสปฏิบัติต่อเขาเหมือนเป็นน้องชาย ดูแลมาตลอดจนกระทั่งเติบโต แล้วยังสอนความรู้ต่างๆมากมายให้กับเขา

หลังจากที่รพีพงษ์ฟังจบแล้ว รู้สึกว่าจรัสเป็นคนที่มีคุณธรรม ยังไงก็ตามหมกมุ่นกับอำนาจเกินไป จึงได้โดนความมืดครอบงำ แต่ได้แยกบุคลิกไว้ มิเช่นนั้นเขาก็ต้องเข้าคุกที่ห้าไปนานแล้ว

ครองภพได้ยินรพีพงษ์เล่าเรื่องของจรัสให้ฟัง ก็รู้สึกหมดอาลัยตายอยาก จากนั้นก็ยิ้มให้รพีพงษ์ “ลูกพี่มอบป้ายบัญชาการลอบสังหารให้คุณ แสดงว่าเขาให้เกียรติคุณมาก ในเมื่อวันนี้คุณมาแล้ว งั้นผมจะมอบทุกอย่างที่เกี่ยวกับลอบสังหารให้คุณ ให้คุณเป็นนักฆ่ามือฉมังที่เก่งที่สุดของโลก”

เมื่อรพีพงษ์ได้ยินก็ยิ้มออกมาแล้ว เมื่อกี๊เขาไม่ได้เล่าให้ครองภพฟังว่าเพราะจรัสแพ้เขาดังนั้นจึงต้องมอบป้ายบัญชาการลอบสังหารให้เขา ดังนั้นครองภพไม่รู้ถึงความสามารถของรพีพงษ์เลย

“ไม่เป็นไร ตอนนี้ผมยังไม่อยากเป็นนักฆ่า” รพีพงษ์กล่าว

ครองภพมองรพีพงษ์อย่างไม่เข้าใจ กล่าว “รพีพงษ์ คุณต้องรู้ไว้นะว่าลอบสังหารของเราเป็นกลุ่มนักฆ่าอันดับหนึ่งของโลก คอนเน็คชั่นทั้งหมดที่พวกเรามี คุณนึกไม่ถึงมันแน่นอน หากพวกเราทุ่มเทฝึกฝนคนๆหนึ่ง คนเก่งของแต่ล่ะพื้นที่จะต้องแย่งกันเข้ามาแน่นอน”

“เมื่อกี๊คุณสามารถรับรู้ว่ามีนักฆ่าสองคนเข้าใกล้คุณได้อย่างง่ายได้ นั่นหมายถึงคุณมีพรสวรรค์อย่างมาก หากได้ฝึกฝน อย่างอื่นไม่กล้ารับประกัน แต่ที่กล้ารับประกันคือคุณจะได้เป็นเน่ยจิ้งขั้นกลาง แน่นอน”

“คาดไม่ถึงว่าคุณจะปฏิเสธ คุณรู้หรือไม่ว่าถ้าคุณทำแบบนี้จะพลาดโอกาสเป็นอย่างมากเลยนะ?”

ได้ยินคำพูดของครองภพ รพีพงษ์ก็ยังคงยิ้มเหมือนเดิมแล้วกล่าว “ไม่จำเป็น เอาคอนเน็คชั่นพวกนี้ไว้ให้คนอื่นดีกว่านะ”

“คุณนี่ ทำไมไม่ฟังคำพูดผมนะ นี่เป็นโอกาสดีที่จะให้คุณเป็นเน่ยจิ้งขั้นกลางนะ คุณน่าจะรู้ว่าเน่ยจิ้งขั้นกลางน่าเกรงขามมากขนาดไหน?” ครองภพไม่สบอารมณ์

ชาลิสาดูต่อไปไม่ไหว จึงหัวเราะออกมาทันใด

ครองภพมองชาลิสา แล้วถาม “คุณหัวเราะอะไร?”

“เขามีฝีมือระดับปรมาจารย์แล้ว ตอนนี้คุณจะให้เขาไปเป็นเน่ยจิ้งขั้นกลาง เขาต้องไม่ชอบใจอยู่แล้ว” ชาลิสายิ้มพลางกล่าว

“อะ……อะไรนะ!” ครองภพตะลึง มองรพีพงษ์อย่างคาดไม่ถึง “คุณมีฝีมือระดับปรมาจารย์? เป็นไปได้ไงกัน!”

เห็นครองภพไม่เชื่อ รพีพงษ์หยิบเม็ดทรายบนพื้นมาเม็ดหนึ่ง จากนั้นก็วางเม็ดทรายลงไป ในแก้วบนโต๊ะเบาๆ รพีพงษ์ใช้กำลังภายในให้ทรายกระทบเข้ากับแก้วชา แก้วชานั้นแตกทันใด

“ตอนนี้ยังต้องให้ผมอธิบายอะไรอีกไหม?” รพีพงษ์ยิ้มพลางกล่าว

ครองภพและนักฆ่าเหล่านั้นมองเหตุดการณ์นี้อย่างตะลึง ใช้เม็ดทรายหนึ่งเม็ดชนแก้วแตก ฝีมือแบบนี้ มีเพียงปรมาจารย์เท่านั้นที่ทำได้

“คุณ……คุณมีความสามารถระดับปรมาจารย์จริงๆด้วย แต่คุณเพิ่งจะยี่สิบกว่าปีเองนะ นี่……นี่มันเหนือความคาดหมายของผมเป็นอย่างมาก” ครองภพพูดอย่างรับได้ยาก

รพีพงษ์ยิ้ม แล้วกล่าว “แค่โชคดีหนะ ความจริงครั้งนี้ที่พวกเรามาหาพวกคุณ มีเรื่องอยากจะให้คุณช่วย”

“เรื่องอะไร?” ครองภพรีบถาม หลังจากที่รู้ว่าคนที่ยืนอยู่ด้านหน้าเขาเป็นระดับปรมาจารย์แล้วนั้น เขาก็ไม่กล้าเชื่องช้าอีกต่อไป

“ช่วงนี้พวกคุณรับงานของสี่ตระกูลใหญ่ไชน่าทาวน์ใช่ไหม?” รพีพงษ์กล่าว

ครองภพพยักหน้า

“คนที่พวกมันให้คุณฆ่านั้น ล้วนเป็นลูกน้องของผม ดังนั้นผมหวังว่าคุณจะปฏิเสธรับงานนี้ของพวกมัน” รพีพงษ์กล่าว

ครองภพยิ้ม แล้วกล่าว “ในมือคุณมีป้ายบัญชาการลอบสังหารอยู่ นั่นหมายถึง ลอบสังหารทุกคนจะต้องฟังคำสั่งของคุณ รับงานแบบไหน คุณเป็นคนสั่ง อย่าว่าแต่ยกเลิกงานของสี่ตระกูลใหญ่เลย แม้แต่คุณอยากจะให้ฆ่าพวกมันทิ้ง ก็ไม่ได้ยากอะไร”

ได้ยินคำพูดของครองภพ รพีพงษ์ก็ยิ้มออกมา

ถ้าแม้ตอนนี้เขามีฝีมือเทียบเท่าปรมาจารย์ พูดกันตามเหตุผล แม้เขาจะฆ่าคนของตระกูลใหญ่ทั้งสี่จริง ปรมาจารย์เน่ยจิ้งอเมริกาก็ทำอะไรเขาไม่ได้ แต่เขาก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นศัตรูกับปรมาจารย์เน่ยจิ้ง

ดังนั้นถ้ารพีพงษ์ต้องการจัดการสี่ตระกูลใหญ่ ก็ไม่จำเป็นต้องลงมือเอง

ลอบสังหาร เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดของเขา

ลอบสังหารนอกจากจะมีครองภพเป็นเน่ยจิ้งขั้นกลางแล้วนั้น คนอื่นๆก็เป็นแค่คนธรรมดา พวกเขาฆ่าคนของสี่ตระกูลใหญ่ ก็เป็นแค่ความบาดหมางระหว่างคนทั่วไปเท่านั้น ปรมาจารย์เน่ยจิ้งข้องเกี่ยวไม่ได้

“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นผมก็จะไม่เกรงใจ ผมอยากให้กำจัดสี่ตระกูลใหญ่ซะ ถึงเวลานั้นอาจต้องให้พี่ครองภพออกโรง” รพีพงษ์จับมือ

“พูดเกินไป พูดเกินไป นี่เป็นสิ่งที่ผมพึงจะต้องทำ” ครองภพรีบตอบ สามารถอยู่กับยอดฝีมือระดับปรมาจารย์ สำหรับพวกเขาแล้วมีแต่ข้อดีไม่มีข้อเสียใดๆ ยิ่งไปกว่านั้นในมือของรพีพงษ์ยังถือป้ายบัญชาการลอบสังหารไว้ด้วย

“สี่ตระกูลใหญ่วางแผนว่าจะฆ่าในวันที่สิบห้า ถึงเวลานั้นพวกเขาจะจัดงานเลี้ยง เพื่อฉลองเรื่องนี้ ไม่งั้นพวกเราลงมือในวันนั้นเลยดีไหม?” ครองภพกล่าว

รพีพงษ์ได้ยินคำพูดของครองภพ ก็หลับตาลง แล้วกล่าว “ได้ งั้นก็ลงมือในวันงานเลี้ยง ให้คนของสี่ตระกูลใหญ่ รู้ว่าถ้าคิดไม่ดีกับคนของเทือกเขากิสนา จะต้องเจอกับจุดจบอย่างไร”

คนของตระกูลใหญ่ทั้งสี่ไม่คาดคิด ว่างานเลี้ยงที่พวกเขาจัดไว้เลี้ยงฉลองการฆ่านั้น จะเป็นอาหารค่ำมื้อค่ำมื้อสุดท้ายของพวกเขา

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท