พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่743 ต่อสู้กับจิรภาส

บทที่743 ต่อสู้กับจิรภาส

บทที่743 ต่อสู้กับจิรภาส

คำพูดของรพีพงษ์ ทำให้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ตกตะลึง ผู้คนทั่วไปอาจไม่รู้แน่ชัดว่าการที่รพีพงษ์เลือกที่จะท้าทายสี่คนนั้นหมายความว่าอย่างไร รู้สึกเพียงว่ารพีพงษ์สู้กับทั้งสี่คนเป็นเรื่องที่กำเริบเสิบสานไปบ้าง แต่คนที่รู้ถึงความแข็งแกร่งของจิรภาสพวกเขาทั้งสี่คนดีหลังจากได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ ต่างก็รู้สึกว่ารพีพงษ์บ้าไปแล้ว

นั่นคือแดนปรมาจารย์หนึ่งคนรวมกับแดนครึ่งปรมาจารย์อีกสามคน แม้ว่าจะเป็นคนที่มีความแข็งแกร่งของแดนปรมาจารย์ ก็ไม่กล้าที่บอกว่าจะต่อสู้กับทั้งสี่คนเพียงลำพัง

เมื่อจิรภาสเห็นว่ารพีพงษ์รู้สึกว่าเขาเพียงคนเดียวไม่เพียงพอที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของเขา ก็ส่งเสียงเย็นทันที และพูดว่า: “เด็กโง่เขลา แกช่างจองหองไร้ขอบเขตจริงๆ ข้าสามารถกดแกลงกับพื้นด้วยมือเพียงข้างเดียว ถ้าพวกเราสี่คนขึ้นเวทีประลองพร้อมกัน แกจะตายภายในพริบตาเดียว!”

ในขณะนี้ปธานินลุกขึ้นจากเก้าอี้ และพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยว่า: “ศิษย์พี่จิรภา ในเมื่อเด็กนี้ขอมาเอง งั้นพวกเราก็ไม่มีความจำเป็นต้องเกรงใจเขา เด็กคนนี้ฆ่าลูกศิษย์ของฉัน ครั้งนี้ ฉันมาหาเขาเพื่อแก้แค้น”

ญาณวุฒิและศัจกรต่างก็พยักหน้า นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เจอรุ่นน้องที่จองหองเช่นนี้

ต่อให้ขึ้นไปไม่ทำอะไร ข่มขวัญสักหน่อย ทำให้เขารู้ถึงในความโง่เขลาของตัวเอง

จิรภาสไม่ได้พูดอะไรต่อไป รีบวิ่งพุ่งไปที่บนเวทีประลอง ปธานินทั้งสามคนก็บินไปที่บนเวทีประลองอย่างรวดเร็ว และยืนอยู่ข้างหลังเขา

เมื่ออารียาและคนอื่นๆเห็น ต่างก็กังวลเล็กน้อย คาดไม่ถึงรพีพงษ์จะให้พวกเขาสี่คนขึ้นเวทีประลองพร้อมกัน แม้ว่าจะไม่รู้แน่ชัดว่าแดนปรมาจารย์มีความคิดอะไร แต่ทว่าเวทัสเน่ยจิ้งชั้นต้นคนนี้ก็แข็งแกร่งขนาดนี้แล้ว การคาดเดาคร่าวๆที่พวกเขามาต่อปรมาจารย์ รพีพงษ์จะต่อสู้กับทั้งสี่คนเพียงลำพังเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง

ไออ้วนและครองภพต่างรู้ถึงความน่ากลัวของแดนปรมาจารย์ แม้จะรู้ว่ารพีพงษ์ฆ่าชินาธิป แต่ว่าจิรภาสก็เป็นแดนครึ่งปรมาจารย์เหมือนกัน รพีพงษ์จะสามารถรับมือได้หรือไม่ ยังพูดได้ยาก พวกเขาอดไม่ได้ที่จะปาดเหงื่อด้วยความเสียวแทนรพีพงษ์

สีหน้าเวกัสและดำเกิงทั้งสองคนยิ่งแน่วแน่มากขึ้น และในใจก็เต็มไปด้วยความกังวล

“ไม่ได้ รพีพงษ์ทำแบบนี้ มันอันตรายเกินไป ฉันจำเป็นต้องห้ามเขาไว้ ถ้าหากมีอะไรเกิดขึ้นจริงๆ ฉันกับหนูลินจะทำยังไงล่ะ?”อารียาลังเลสักพัก เอ่ยปากพูด

“ใช่แล้ว ปล่อยให้พวกเขาคนแก่ทั้งสี่คนรังแกรพีพงษ์เพียงคนเดียวไม่ได้ ไร้ยางอายจริงๆ”ชลาธิปพูดตามไปด้วยหนึ่งประโยค

คนที่เหลือไม่ต้องการให้รพีพงษ์ต้องเสี่ยง ต่างก็แสดงท่าทางที่เห็นด้วย

ในเวลาเดียวกันเวกัสห้ามอารียาไว้ และพูดอย่างจริงจังว่า: “เรารอดูสถานการณ์ไปก่อนเถอะ ฉันเข้าใจรพีพงษ์ดี เขาไม่ใช่คนบ้าบิ่น ทำแบบนี้ คงจะมีอะไรที่พึ่งพิงได้อย่างแน่นอน ที่สำคัญเขาบอกว่าตัวเองฆ่าชินาธิปแล้ว ชินาธิปเป็นปรมาจารย์ที่มีชื่อเสียงที่ยิ่งใหญ่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ถ้ารพีพงษ์สามารถฆ่าเขาได้จริงๆ ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องอยู่เหนือจินตนาการของเรา ต่อให้จิรภาสทั้งสี่คนร่วมมือกัน ไม่แน่รพีพงษ์ก็อาจจะไม่แพ้”

หลังจากที่อารียาได้ยินสิ่งนี้ ก็กัดริมฝีปาก รู้สึกว่าสิ่งที่เวทัสพูดมามีเหตุผล แม้ว่าในใจของเธอจะเป็นกังวล แต่ว่าจิรภาสพวกเขาสี่คนก็ขึ้นไปบนเวทีประลองแล้ว ต่อให้เธออยากจะขัดขวาง ก็ไม่สามารถทำอะไรได้

รพีพงษ์จ้องมองจิรภาสพวกเขาทั้งสี่คนแวบหนึ่ง ความตื่นเต้นปรากฏขึ้นบนใบหน้า ตั้งแต่ที่ก้าวสู่พลังวิเศษเสนชั้นสูง เขาไม่เคยพบโอกาสที่จะได้แสดงฝีมือ วันนี้ก็ถือได้ว่าได้สัมผัสดู พลังวิเศษเสนชั้นสูง มีความแข็งแกร่งแค่ไหน

“ลงมือเถอะ อย่าเสียเวลาเลย”รพีพงษ์พูดกับจิรภาสพวกเขาทั้งสี่คน พลังวิเศษเสนกับเน่ยจิ้งในร่างกายก็เริ่มวนเวียนขึ้นมา

พลังอานุภาพปรมาจารย์ของจิรภาสปะทุขึ้นในทันที ผู้คนรอบข้างที่ดูความครึกครื้นก็ตกตะลึง พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่า พลังอานุภาพของคนหนึ่งคน สามารถที่จะบรรลุถึงระดับที่น่ากลัว พวกคนธรรมดาเหล่านั้น ขาทั้งสองข้างก็สั่นขึ้นมาโดยสัญชาตญาณ

พลังอานุภาพบนตัวของปธานินพวกเขาทั้งสามคนก็ปะทุออกมา ทำให้เวทีประลองทั้งหมดตกอยู่ในสนามแม่เหล็กที่มองไม่เห็น

“พระเจ้า นี่ยังเป็นคนอยู่อีกเหรอ ทำไมเพียงแค่พลังอานุภาพ ฉันก็รู้สึกว่าตัวเองไม่มั่นคง สิ่งนี้มีพลังมากยิ่งกว่าการแสดงในภาพยนตร์สักอีก!”

“อาวุโสทั้งสี่นี้น่ากลัวมาก รพีพงษ์กลับยังอยากตัวต่อตัวกับพวกเขาสี่คน นี่มันรนหาที่ตายชัดๆ”

“เมื่อเทียบกับชายชราทั้งสี่คนนี้ เห็นได้ชัดว่าพลังอานุภาพของรพีพงษ์ดูอ่อนแอเกินไป ไม่รู้จริงๆว่าเขาคิดอะไร ไม่แน่ผ่านวันนี้ไป ตระกูลลัดดาวัลย์อาจจะอยู่ในช่วงวิกฤตแห่งความตายอีกครั้ง”

……

เมื่อจิรภาสก้าวเท้า ร่างของเขาก็ปรากฏตรงหน้ารพีพงษ์ แล้วฟาดฝ่ามือออกไป ตรงไปที่หน้าอกของรพีพงษ์ ในฐานะปรมาจารย์ จิรภาสต้องการใช้ท่วงท่าเดียวจัดการรพีพงษ์ เพื่อพิสูจน์ความแข็งแกร่งของตัวเอง

ปธานินพวกเขาทั้งสามคนยืนอยู่ที่เดิม ไม่ได้ลงมือ พวกเขาขึ้นมา ก็เพียงเพื่อรักษาภาพพจน์ในสังคมเท่านั้นเอง ในความคิดของพวกเขา รพีพงษ์ไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ของจิรภาสได้

รพีพงษ์หรี่ตามองจิรภาส เมื่อฝ่ามือของเขากำลังจะฟาดไปที่หน้าอกของตัวเอง ก็คว้าข้อมือของเขาในทันที

จิรภาสคิดว่าความเร็วของตัวเองไม่มีใครเทียบได้ ในขณะที่รพีพงษ์คว้าข้อของเขาได้ ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างขึ้นในทันที

บนใบหน้าของรพีพงษ์ก็แสดงรอยเจ้าเล่ห์ออกมา เอ่ยปากว่า: “ทำไม คาดไม่ถึงเหรอ?”

หลังจากพูดออกไป พลังวิเศษเสนในร่างกายของรพีพงษ์ก็พรั่งพรูออกมา จากนั้นก็ใช้กำลัง ผลักร่างของจิรภาสออกไป

จิรภาสมาถึงที่ขอบเวทีประลอง พยายามควบคุมร่างของตัวเองไว้ หากไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน เขาอาจตกลงไปข้างล่างเวทีประลอง

“ทำไมพลังของแกถึงได้น่ากลัวเช่นนี้?”จิรภาสมองไปที่รพีพงษ์ด้วยท่าทางที่ตกใจ เขารู้สึกได้ว่าบนตัวของรพีพงษ์ไม่มีพลังอานุภาพของแดนปรมาจารย์ แสดงว่าเขาไม่ได้บรรลุถึงแดนปรมาจารย์ แต่พลังของรพีพงษ์มันน่ากลัวจริงๆ แม้แต่เขาก็ยังไม่ทันได้ตั้งตัว

“ตอนที่ต่อสู้ ทางที่ดีอย่าถามคำถามมากมายขนาดนี้”พริบตาเดียวร่างของรพีพงษ์ ก็พุ่งถึงตรงหน้าจิรภาส ยกหมัดขึ้นและชกไปที่ใบหน้าของเขา

จิรภาสไม่ชักช้า รีบเอื้อมมือไปเพื่อต้านทานกำปั้นของรพีพงษ์ เมื่อท่วงท่าของทั้งสองคนปะทะกัน จิรภาสค่อยๆรู้สึกว่าแขนของตัวเองเสียวชา

นับตั้งแต่เขาเข้าสู่แดนปรมาจารย์ ไม่เคยมีประสบกับสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน สามารถทำให้แขนของปรมาจารย์ชาได้ ต้องมีพลังที่แข็งแกร่งเพียงใด?

ผู้ชมทุกคนที่หน้าเวทีต่างก็ตกใจกับฉากนี้เช่นกัน คาดไม่ถึงจิรภาสดูไปแล้วมีพลังอานุภาพที่แข็งแกร่งมาก เริ่มแรกกลับถูกรพีพงษ์ทำให้ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

จิรภาสกัดฟัน แสดงท่วงท่าที่ซับซ้อนอยู่ที่เดิม จากนั้นพลังอานุภาพอันทรงพลังก็หลอมรวมอยู่บนหมัด ชกไปที่รพีพงษ์อย่างรวดเร็ว

“หมัดเสือคำราม!”

เมื่อรพีพงษ์เห็นว่าจิรภาสใช้ท่วงท่าที่ทรงพลัง ก็ไม่ชักช้า ฟาดฝ่ามือออกไป ปะทะกับหมัดของจิรภาส

“ฝ่ามือดาวฟ้า!”

คลื่นที่มองไม่เห็นปรากฏขึ้น รอยแตกขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นที่ใต้เท้าบนเวทีประลองของทั้งสองคน

ต่อจากนั้น จิรภาสก็ก้าวถอยหลังไปสองก้าว เสียงร้องโอดโอยก็ดังขึ้น มีเลือดไหลออกมาจากมุมปากของเขา

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท