พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่734 สี่ตระกูลใหญ่ขี้ประติ๋ว

บทที่734 สี่ตระกูลใหญ่ขี้ประติ๋ว

บทที่734 สี่ตระกูลใหญ่ขี้ประติ๋ว

ไชน่าทาวน์ ณ ร้านกาแฟที่ถือว่าหรูหราร้านหนึ่ง

รพีพงษ์และชาลิสานั่งอยู่ข้างๆหน้าต่าง สายตาของแต่ล่ะคนมองไปที่แก้วกาแฟ แล้วฟังเพลงในร้านกาแฟไปด้วย ให้ความรู้สึกสบาย ผ่อนคลาย

คืนนี้ เป็นวันงานเลี้ยงของสี่ตระกูลใหญ่ ก่อนหน้าที่จะถึง ชาลิสาอยากเล่าเกี่ยวกับสี่ตระกูลใหญ่ให้รพีพงษ์ฟัง ดังนั้นจึงได้พารพีพงษ์มายังร้านกาแฟ

รพีพงษ์ยังไม่รู้เหตุผล ที่ต้องมาร้านกาแฟ ชาลิสาบอกว่าที่นี่ค่อนข้างเงียบสงบ เหมาะที่จะพูดคุย แต่หลังจากที่เข้ามาแล้ว รพีพงษ์เพิ่งจะรู้ว่านี่เป็นร้านกาแฟสำหรับคู่รัก คนที่มาล้วนมาเป็นคู่ๆ

ชาลิสาแสดงท่าทีไม่รู้ไม่ชี้ แต่ในเมื่อมาถึงแล้ว ถ้าจะเปลี่ยนที่ก็ยุ่งยาก รพีพงษ์ไม่คิดอะไร จึงได้นั่งลงที่นี่

แต่เมื่อกี๊ตอนที่สั่งกาแฟนั้น ท่าทีของชาลิสาไม่เหมือนกับว่าเพิ่งเคยมาครั้งแรก ทำให้รพีพงษ์รู้สึกแปลกใจ

ชาลิสารู้สึกเขิลอายตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

“สี่ตระกูลใหญ่แบ่งเป็นตระกูลมหัทธนธรรม ตระกูลตั้งชินคุปต์ ตระกูลคินกุล และตระกูลนนท์สัจทัศน์ พวกเขามีบทบาทอย่างมากกับโลก ต่อมาพึ่งความช่วยเหลือจากตระกูลนิธิวรสกุล จึงได้กลายมาเป็นตระกูลชั้นนำของโลก”

“ถ้ามองหนึ่งในตระกูลทั้งสี่นี้ สำหรับเทอกเขากิสนาแล้ว ไม่น่ากลัว แต่ถ้าตระกูลทั้งสี่ร่วมมือกัน ก็ไม่ควรมองข้ามแล้ว บวกกับหลังจากที่ตระกูลนิธิวรสกุลถูกล้างบางแล้วนั้น ธุรกิจส่วนใหญ่ก็ถูกสี่ตระกูลใหญ่แบ่งสรรปันส่วนกันออกไป ดังนั้นตระกูลทั้งสี่ถือเป็นตระกูลที่เจริญรุ่งเรืองอย่างมากในตอนนี้”

“มีสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่ต้องจำไว้ ตอนนั้นที่คุณปู่ของคุณเสียชีวิต ตระกูลทั้งสี่ก็ออกแรงไม่น้อย ระหว่างนั้นมีสิ่งที่เกิดขึ้นมากมาย ล้วนเป็นสี่ตระกูลใหญ่จัดการทั้งหมด”

ได้ยินคำพูดสุดท้ายของชาลิสา รพีพงษ์ก็สงสัย เดิมทีสี่ตระกูลใหญ่จะจัดการคนของเทือกเขากิสนา รพีพงษ์ก็ไม่ปล่อยพวกเขาไว้ ตอนนี้ยิ่งรู้ว่าการเสียชีวิตของคุณปู่มีความเกี่ยวข้องกับพวกเขา งั้นสี่ตระกูลใหญ่ ก็ไม่มีทางได้รับการอภัยจากรพีพงษ์แล้ว

“ไม่ว่าตอนนี้พวกมันจะเจริญรุ่งเรืองขนาดไหน หลังจากคืนนี้ไป สี่ตระกูลใหญ่ก็จะเป็นแค่ประวัติศาสตร์” รพีพงษ์กล่าวอย่างสงบ

ชาลิสาพยักหน้าอย่างตั้งใจ ไม่คิดว่าสิ่งที่รพีพงษ์พูดนั้นมันเกินจริงแต่อย่างใด และมักจะรู้สึกว่าเมื่อรพีพงษ์พูดแนวๆนี้ ก็จะมีเสน่ห์อย่างมาก

เมื่อพูดเรื่องสี่ตระกูลใหญ่จบ ทั้งสองก็คุยกันเรื่องสัพเพเหระ ชาลิสาเหมือนกับจะสนใจในเรื่องภรรยาของรพีพงษ์ รพีพงษ์ก็ยินดีที่จะเล่าเรื่องระหว่างตนกับอารียาให้เธอ

ในขณะที่คนหนึ่งพูดอย่างมีความสุข และอีกคนหนึ่งกำลังฟังอย่างตั้งใจ ด้านนอกร้านกาแฟมีคนสี่คนสวมชุดทันสมัยเดินเข้ามาทันใด แวบแรกก็ดูออกว่าเป็นวัยรุ่นของครอบครัวมีตังค์ ชายสามหญิงหนึ่ง ข้างๆกายก็ตามมาด้วยบอดี้การ์ดที่น่าเกรงขาม

เมื่อพวกเขามาถึง พวกบอดี้การ์ดเริ่มไล่คนในร้านออก ตะคอกออกมาว่า “รีบออกไปซะ วันนี้ร้านถูกคุณชายคทาวุธเหมาไว้แล้ว คนที่ไม่อยากมีปัญหาก็รีบออกไปซะ มิเช่นนั้น พวกแกจะได้รับรู้ถึงความเสียใจว่ามีรสชาติยังไง!”

คู่รักเหล่านั้นที่อยู่ในร้านกาแฟเห็นคนพวกนี้แตะต้องไม่ได้ ก็รีบวิ่งออกไปนอกร้านกาแฟ

ชาลิสามองไปที่สี่คนนั้น แล้วกล่าว “คนของสี่ตระกูลใหญ่ พวกเขาล้วนเป็นลูกของสี่ตระกูลใหญ่ทั้งหมด เพราะช่วงนี้สี่ตระกูลกำลังรุ่งโรจน์ พวกเขาจึงยโสโอหัง”

รพีพงษ์พยักหน้า ดูออกว่าสี่คนนี้ล้วนเป็นทายาทเศรษฐีที่ยโสโอหัง

“พวกเราจะเอาไงดี?” ชาลิสาถาม

“รอให้พวกมันมา ถ้าพวกเขายังหน้ามืดตามัว งั้นก่อนที่เราจะสั่งสอนพวกอาวุโสของมัน ก็สั่งสอนพวกมันแทนก่อนแล้วกัน” รพีพงษ์ตอบ

ไม่นาน คนในร้านกาแฟก็ออกกันไปหมด เหลือเพียงรพีพงษ์และชาลิสาสองคนเท่านั้น

การ์ดเหล่านั้นเดินเข้ามา ตะคอกใส่รพีพงษ์และชาลิสา ทั้งคู่ไม่ขยับ และยังคงนั่งดื่มกาแฟต่อไป

คทาวุธคุณชายตระกูลนนท์สัจทัศน์ จักรชัยคุณชายตระกูลมหัทธนธรรม กันติศาคุณหนูตระกูลตั้งชินคุปต์ และชลธรคุณชายตระกูลคินกุลทั้งสี่สังเกตเห็นรพีพงษ์และชาลิสา

ตอนที่สายตาของคทาวุธพวกคุณชายทั้งสามมองไปที่ชาลิสา แววตาเป็นประกาย แม้กันติศาจะน่ารัก แต่เทียบกับชาลิสาแล้วนั้นยังห่างกันมาก ดังนั้นเมื่อเห็นชาลิสาแล้วนั้น ก็เหยียดหยามทันใด

“ไม่กลัวตายจริง ยังกล้านั่งตรงนี้ไม่ไปไหนอีก เดี๋ยวคุณหนูอย่างฉันจะจัดการมันเอง” กันติศาดูแคลน อยากตบหน้าอันสวยงามของชาลิสาสักกี่ฉาด

คทาวุธเห็นเหตุการณ์ ก็รีบห้ามเธอไว้ ยิ้มพลางกล่าว “อย่าโมโหขนาดนี้ ดูสิไม่มีความเป็นกุลสตรีแล้วหนะ ในเมื่อพวกเขาไม่ไป พวกเราเข้าไปพูดคุยกับพวกเขาก็ได้แล้ว”

จักรชัยและชลธรทั้งสองพยักหน้า

แวบเดียวกันติศาก็รู้แล้วว่าทั้งสามคนกำลังคิดอะไรอยู่ พวกเขาก็แค่อยากจีบชาลิสา แต่ยิ่งเป็นแบบนี้ เธอยิ่งโมโห

ทั้งสี่เดินไปที่รพีพงษ์และชาลิสาตรงนั้น คทาวุธมองข้ามรพีพงษ์ไป พูดต่อชาลิสาว่า “คนสวย จะเป็นไรไหมถ้าจะดื่มกาแฟด้วยกัน?”

ชาลิสาเหลือบไปมอง กล่าว “เป็น”

คทาวุธอับอาย เขาไม่คาดคิดว่าชาลิสาจะปฏิเสธเขาแบบนี้ เมื่อก่อนไม่เคยมีใครกล้าพูดแบบนี้กับเขา

กันติศาพูดทันทีว่า “วุธ แกจะเกรงใจมันทำไม มันก็แค่หญิงแรด ฉันเห็นมันก็ไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงที่แกเล่นๆเมื่อก่อนเลยนะ ถ้าแกอยากได้มันจริงๆ ให้คนพามันไปซะก็สิ้นเรื่อง จะมาเสียเวลาอยู่ทำไม”

“แกว่าใครแรด!” ชาลิสาตบโต๊ะทันใด ด้วยความโกรธ

กันติศาเหยียดหยามชาลิสาว่า “โหโหโห อารมณ์ร้ายเหมือนกันนะ ถ้าไม่ใช่วุธอยากเอาแก ฉันตบหน้าแกไปนานล่ะ แกรู้ไหมว่าเราสี่คนเป็นใคร ยังกล้ายโสโอหังที่นี่อีก”

ชาลิสาของขึ้น คิดในใจว่าที่แท้สี่ตระกูลใหญ่ก็ไม่ใช่คนดีอะไรนัก ฉวยโอกาสกำจัดมันให้เร็วที่สุดหนะดีแล้ว

รพีพงษ์ยิ้ม แล้วพูดต่อชาลิสาว่า “อย่าโมโหเลย บางทีในสายตาเธอ อาจจะเป็นสาวแรดที่สวยกว่าเธอนะ”

ชาลิสาได้ยินรพีพงษ์พูดแบบนี้ ก็ดีใจขึ้นมา คนนี้ กำลังชมว่าตัวเองสวยอยู่ใช่ไหม?

กันติศาโมโหขึ้นมา ตะคอกใส่รพีพงษ์ทันใดว่า “แกเป็นใคร กล้าดูถูกคุณหนูอย่างฉัน ฉันว่าแกไม่อยากอยู่แล้วใช่ไหม!”

คทาวุธมองรพีพงษ์อย่างเยือกเย็น เขาอยากจีบชาลิสา ไม่ได้สนรพีพงษ์

“เด็กน้อย แกน่าจะเคยได้ยินสี่ตระกูลใหญ่นะ? พวกเราทั้งสี่ เป็นคุณชายและคุณหนูของสี่ตระกูลใหญ่ ถ้าแกไม่อยากตาย ก็คุกเข่าคำนับขอโทษกันตอนนี้ มิเช่นนั้น เหอะเหอะ อย่าหาว่าฉันไม่เตือน” คทาวุธกล่าว

รพีพงษ์ยิ้ม และกล่าวอย่างไม่ใส่ใจว่า “สี่ตระกูลใหญ่ขี้ประติ๋ว ยังจะให้ฉันคุกเข่า กล้าดียังไง?”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท