พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่750 เลี้ยงอาหาร

บทที่750 เลี้ยงอาหาร

บทที่750 เลี้ยงอาหาร

ด้านล่างเวทีประลอง ทุกคนมองดูไออ้วนที่นั่งลงบนหน้าของปานศักดิ์ และสูดลมหายใจเย็นๆในทันที

ด้วยรูปร่างของไออ้วนแล้ว นั่งลงบนร่างกายของคน ถ้าร่างกายแย่กว่า ไม่ตายก็ต้องสูญเสียไปครึ่งชีวิต

เมื่อธยานีย์เห็นฉากนี้ แทบจะกรีดร้องออกมา เขม็งตาใส่ไออ้วนแล้วตะโกนใส่ว่า: “ไออ้วน แกรีบลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้นะ แกนี่มันไอ้ไร้ยางอาย กลับใช้ท่วงท่าที่ไร้ยางแบบนี้ แกยังมีความเป็นคนอยู่อีกมั้ย!”

ไออ้วนนั่งลงบนหน้าของปานศักดิ์ หันหน้ามองไปที่ธยานีย์แวบหนึ่ง พูดด้วยรอยยิ้ม: “นี่เป็นการการต่อสู้แบบเสรีกลไม่ใช่เหรอ ฉันใช่ท่วงท่านี้แล้วจะทำไม? หรือว่าไม่ให้ใช้เหรอ?”

ธยานีย์โกรธจนกระทืบเท้า เหลือเพียงพุ่งขึ้นไปต่อสู้กับไออ้วน แน่นอนว่า หล่อนไม่มีความกล้านี้

หลังจากที่ปานศักดิ์ถูกไออ้วนนั่งทับอยู่บนใบหน้า ร่างกายก็พยายามดิ้นรนขัดขืนทันที เมื่อเห็นกลุ่มคนด้านล่างเวทีส่งเสียงหัวเราะขึ้นมา

ประมาณครึ่งนาทีต่อมา ไออ้วนถึงได้ลุกขึ้นมาจากหัวของปานศักดิ์ เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะนั่งทับปานศักดิ์ให้จนถึงตาย อย่างมากก็แค่สั่งสอนให้เป็นบทเรียนกับเขา

ในตอนนี้ใบหน้าของปานศักดิ์เป็นรอยช้ำม่วงแดง เส้นเลือดที่ปูดโปน ถ้าหากเขาไม่ได้ฟิตร่างกายให้แข็งแรง ไม่อย่างนั้นเขาคงจะต้องขาดอากาศหายใจเพราะก้มที่ไออ้วนนั่งเมื่อกี้นี้

เขารีบลุกขึ้นจากพื้น และหายใจอย่างรุนแรง

เมื่อธยานีย์และผู้ชายคนอื่นๆเห็นสิ่งนี้ รีบพุ่งขึ้นไปบนเวทีประลอง

“พี่ชาย ไอ้บ้านนอกสามคนนี้รังแกคนมากเกินไปจริงๆ ฉันจะโทรหาพ่อเดี๋ยวนี้ ครั้งนี้พวกเรามาร่วงงามเลี้ยงฉลองของตระกูลลัดดาวัลย์ เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ตระกูลลัดดาวัลย์ไม่มีทางที่จะไม่สนใจ ให้คนของตระกูลลัดดาวัลย์มาจัดการพวกเขา!”ธยานีย์พูดอย่างโกรธๆ

ปานศักดิ์โบกมือทันที แล้วพูดว่า: “ไม่ต้อง ฉันมีวิธีทำให้เขาเสียใจ เรื่องเล็กๆแค่นี้เอง ก็ไม่ต้องให้พ่อมายุ่ง”

หลังจากพูดแล้ว ปานศักดิ์ก็หายใจเข้าลึกๆไม่กี่ที ทำให้ตัวเองสงบลง หันหน้ามองไปทางรพีพงษ์พวกเขาทั้งสามคน

เขาลงมาจากบนเวทีประลอง เดินไปตรงหน้าทั้งสามคน

ไออ้วนยิ้มแล้วมองเขา เอ่ยปากถามว่า: “เป็นยังไงบ้าง ก้นของปู่อ้วนแก อร่อยมั้ย?”

การแสดงออกบนใบหน้าของปานศักดิ์เปลี่ยนไปทันที แต่ในไม่ช้าก็กลับมาเป็นปกติ ฝืนยิ้ม และเอ่ยปากว่า: “พลังของนายแข็งแกร่งมากจริงๆ ฉันคิดเองเออเองมากเกินไปจริงๆ”

เมื่อไออ้วนเห็นปานศักดิ์ยอมรับจริง ก็เบะปากทันที รู้สึกว่าไม่มีความหมายอะไรเลย

ปานศักดิ์มองไปที่รพีพงษ์ เอ่ยปากว่า: “ถ้าหากเดาไม่ผิด นายน่าจะเป็นลูกพี่ของพวกเขาสองคน วันนี้มีเรื่องเข้าใจผิดเกิดขึ้นมากมาย ถึงได้ก่อให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ตอนนี้กับพวกเรา เมื่อกี้นี้ฉันก็คิดทบทวนดูแล้ว เรื่องวันนี้เป็นเพราะน้องสาวของฉันไม่รู้จักกาลเทศะจริงๆ เลยกลายเป็นว่าอยากพูดอะไรก็พูด เพื่อแสดงถึงคำขอโทษสำหรับเรื่องนี้ ทั้งสามคนโปรดให้เกียรติด้วย วันนี้ฉันเป็นเจ้ามื้อเอง เชิญทั้งสามคนไปดื่มด้วยกันดีๆสักครั้ง ถือเป็นการแสดงความขอโทษของพวกเรา ว่ายังไงล่ะ?”

“พี่ชาย พี่ทำอะไร ทำไมพวกเขาต้องเชิญพวกบ้านนอกสามคนนี้ไปดื่มด้วย เรายังไม่ได้คิดบัญชีกับพวกเขา พวกเขาคู่ควรที่จะให้เราเลี้ยงอาหารด้วยเหรอ!”ธยานีย์ตะโกนด้วยความไม่พอใจ

ปานศักดิ์มองไปที่ธยานีย์ ส่งสายตาให้หล่อน จากนั้นเอ่ยปากว่า: “น้องสาว เรื่องนี้เป็นความผิดของเธอ เธอยังจะถกเถียงไร้เหตุผลอยู่ที่นี่อีก พวกเราขอโทษคนอื่นเขาก็เป็นเรื่องที่สมควร เรื่องนี้เธอไม่ต้องยุ่ง”

เมื่อธยานีย์เห็นแววตาของปานศักดิ์ เข้าใจทันทีว่าเขาหมายถึงอะไร รีบปิดปากลง

ตอนแรกไออ้วนอยากจะปฏิเสธพวกเขาไปตรงๆ แต่หลังจากที่ได้ยินคำพูดของธยานีย์ ในใจก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมา คิดในใจว่าแกไม่อยากจะเลี้ยงอาหาร วันนี้ก็จะให้แกนั่นแหละเลี้ยง ดูสิว่าแกจะทำยังไงได้

“ได้ ในเมื่อพวกนายอยากจะเลี้ยงอาหาร งั้นพวกเราก็ไม่เกรงใจล่ะ แต่บอกไว้ก่อนเลย สถานที่ที่เกรดต่ำเกินไป พวกเราไม่ไป”ไออ้วนเอ่ยปาก ในเมื่อสามารถดื่มฟรีได้ งั้นก็จะจัดหนักให้พวกแกมื้อหนึ่งเลย

ดำเกิงก็ตามน้ำไปด้วย คนอื่นเลี้ยงอาหาร เขาไม่มีความคิดเห็นอย่างอื่นอยู่แล้ว

รพีพงษ์คิดว่าวันนี้ก็ไม่มีธุระอะไร ในเมื่อไออ้วนและดำเกิงทั้งสองคนอยากไป งั้นก็ฟังพวกเขา ดังนั้นจึงไม่พูดอะไร

“โอเค ในเมื่อแบบนี้ งั้นพวกเราก็ตามนี้นะ ฉันรู้ว่าแถวนี้มีบาร์ที่หรูหราแห่งหนึ่งชื่อว่าอารีบาร์ วันนี้พวกเราไปที่นั่นกันดีกว่า”ปานศักดิ์เอ่ยปากด้วยรอยยิ้ม

“งั้นจะพูดจาไร้สาระอะไรอีก รีบไปกันเถอะ”ไออ้วนหันหลังเดินออกไปด้านนอก

ดำเกิงและรพีพงษ์ก็เดินตามออกไป

ปานศักดิ์มองดูทั้งสามคนเดินออกไปด้านนอก บนใบหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มเล่ห์เหลี่ยม

“อย่าคิดว่าฉันสู้พวกแกไม่ได้ ก็ไม่มีวิธีจัดการพวกแก ไอ้บ้านนอกสามคน ข้าวของในร่างกายทั้งหมดรวมกันแล้ว ก็ไม่น่าจะเกินสองร้อย สภาพอย่างพวกแกยังอยากจะไปบาร์หรูหราอีก รอดูเถอะเดี๋ยวฉันจะสั่งสอนพวกแกอย่างไร!”

ปานศักดิ์พึมพำ จากนั้นก็เดินตามออกไปด้านนอก

หน้าทางเข้าอารีบาร์

รพีพงษ์จ้องมองไปที่ป้ายบาร์ รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้า

ที่มุมล่างขวาของป้ายบาร์ มีโลโก้ขนาดเล็กมาก ซึ่งเป็นเครื่องหมายการค้าของตระกูลลัดดาวัลย์ นั่นหมายความว่า อารีบาร์แห่งนี้ เปิดโดยตระกูลลัดดาวัลย์

ในเวลานี้รพีพงษ์ยังจำได้อย่างคลุมเครือว่า หลังจากที่ตัวเองเข้ายึดครองตระกูลลัดดาวัลย์ เพื่อที่จะเอาใจอารียา จึงจัดให้ท่านคทาเปิดกิจการต่างๆโดยมีคำว่า“อารี”อยู่ในชื่อ ตอนนี้ดูเหมือนว่า อารีบาร์ก็น่าจะเป็นหนึ่งในนั้นด้วย

“ลูกพี่ ดูอะไรนะ?”ไออ้วนที่อยู่ด้านข้างเอ่ยปากถาม

รพีพงษ์ยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดว่า: “ไม่มีอะไร ไปกันเถอะ”

หลายคนเดินเข้าไปด้านใน ปานศักดิ์เดินตามอยู่ด้านหลัง หลังจากที่เห็นพนักงาน เอ่ยปากทันทีว่า: “จัดห้องกระจกใสมาให้เราหนึ่งห้อง เอาห้องที่หรูที่สุด”

หลังจากที่พนักงานได้ยิน นิ่งอึ้งไปชั่วขณะ เอ่ยปากถาม: “คุณผู้ชาย คุณแน่ใจว่าจะเอาห้องกระจกใส ที่หรูที่สุดเหรอ? เฉพาะค่าห้อง ก็แปดหมื่นแปดพันต่อหนึ่งชั่วโมงแล้ว”

ไออ้วนและดำเกิงทั้งสองได้ยินราคาที่พนักงานพูดออกมา ดวงตาก็เบิกกว้าง

“พ่อพระเจ้าช่วยกล้วยทอด หนึ่งชั่วโมงก็แปดหมื่นแปด นี่เป็นเพียงค่าห้อง ยังไม่รวมเหล้า นี่มันปล้นเงินกันชัดๆ”ดำเกิงซึ่งไม่เคยสัมผัสกับความฟุ่มเฟือยของคนรวยก็เลยทอดถอนหายใจ

ปานศักดิ์เห็นท่าทางของเขา บนใบหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มที่ได้ใจ พูดกับพนักงานว่า: “ใช่แล้ว เอาห้องที่หรูที่สุด”

ตอนแรกไออ้วนยังอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เมื่อคิดว่าวันนี้ปานศักดิ์เป็นคนเลี้ยง เดิมทีเขาก็อยากจะจัดมื้อให้ไอ้หมอนี้อย่างหนักอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่พูดอะไร

ปานศักดิ์มองไปที่ไออ้วนและดำเกิงทั้งสองคนที่ไม่เคยเห็นโลกมาก่อน เบะปากทันที พึมพำเบาๆกว่า: “ที่แท้ก็คนบ้านนอกจากชนบท ห้องแปดหมื่นแปดพันยังสามารถประหลาดใจได้เช่นนี้ เดี๋ยวถ้าเห็นราคาเหล้าว่า โรคหัวใจคงจะกำเริบออกมา”

พนักงานไม่ลังเลอีกต่อไป และรีบนำกลุ่มคนไปที่ห้องกระจกใส

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท