พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่747 บริการยังไม่เต็มที่

บทที่747 บริการยังไม่เต็มที่

บทที่747 บริการยังไม่เต็มที่

ไม่กี่วันหลังจากการต่อสู้ที่หน้าคฤหาสน์ใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์ ตระกูลลัดดาวัลย์ก็ค่อยๆสงบลงมา แม้ว่าโลกภายนอกจะยังคงพูดคุยเกี่ยวกับการต่อสู้อย่างคึกคัก แต่ตระกูลลัดดาวัลย์ก็จมอยู่กับความสุขของการกลับมาของรพีพงษ์และยุ่งอยู่กับการจัดเตรียมงานเลี้ยง

หลังจากที่รพีพงษ์กลับมา ก็ผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจอย่างสมบูรณ์ เดินทางออกไปข้างนอกมานานขนาดนี้ ท้ายที่สุดแล้วกลับมาอยู่บ้านก็รู้สึกสบายกว่า

ในระหว่างช่วงที่เขาไม่อยู่ ดัมพ์รงค์พวกเขาทั้งสามคนก็ฝึกฝนเรียนรู้เน่ยจิ้งกับเวทัสมาโดยตลอด คุณสมบัติของทั้งสามคนนั้นไม่ธรรมดา ในเวลาเกือบห้าเดือน ทั้งสามคนได้ประสบความสำเร็จก้าวเข้าสู่เป็นยอดฝีมือเน่ยจิ้งได้

สำหรับทยุตินักเรียนอย่างเป็นทางการที่ทำให้ชลาธิปต้องเสียเงินจำนวนมากไปกับค่าฝึกฝนเล่าเรียน แม้ว่าเขาจะเป็นคนที่แข็งแกร่งมากในวงการบอดี้การ์ด แต่เขาก็ยังมีคุณสมบัติน้อยกว่าดัมพ์รงค์พวกเขามาก ผ่านไปนานขนาดนี้ ยังคงบรรลุไม่ถึงเน่ยจิ้งพื้นฐาน

ทยุติช้ำใจ ชลาธิปก็ยิ่งช้ำใจกว่า ค่าเล่าเรียนหนึ่งร้อยล้านที่เขาจ่ายไปนั้นไม่น้อยไปแม้แต่บาทเดียว ปรากฏว่านักเรียนที่ตัวเองสนับสนุนกลับฝึกฝนไม่ประสบความสำเร็จ ในทางตรงกันข้ามทั้งสามคนที่สังเกตการณ์ฟังอยู่ด้านข้างฝึกฝนจนประสบความสำเร็จ สิ่งนี้ทำให้ในใจของเขารู้สึกแย่มาก

แต่ทว่าลองคิดดูแล้วตอนนี้เขาพักอาศัยอยู่ที่ตระกูลลัดดาวัลย์ ถ้าเขามีเรื่องอะไร ดัมพ์รงค์พวกเขาไม่มีทางยืนมองเฉยๆแล้วไม่สนใจอย่างแน่นอน ไม่ว่าใครจะบรรลุถึงระดับเน่ยจิ้ง ก็เป็นเรื่องดีทั้งนั้น

ดัมพ์รงค์ในฐานะศิษย์ที่น่าภาคภูมิใจที่สุดของอาจารย์ต่อจากรพีพงษ์ หลังจากที่รพีพงษ์จากไปไม่นาน ก็ก้าวเข้าสู่เน่ยจิ้งพื้นฐาน

หลังจากเวทัสผ่านช่วงเวลาของ“การสอน”นี้ เกิดแรงบันดาลใจและเข้าใจตระหนักค่อนข้างมาก ตอนนี้เขาได้บรรลุถึงจุดสูงสุดของเน่ยจิ้งชั้นต้น คาดว่าใช้เวลาอีกไม่นาน ก็สามารถก้าวหน้าถึงระดับเน่ยจิ้งขั้นกลางได้

รวมทั้งครั้งนี้รพีพงษ์ได้พาไออ้วนและครองภพทั้งสองคนกลับมาด้วย จำนวนของยอดฝีมือเน่ยจิ้งที่ตระกูลลัดดาวัลย์มีอยู่ในปัจจุบัน บรรลุถึงเจ็ดคน ซึ่งเทียบได้กับระดับทีมของปรมาจารย์เน่ยจิ้งในไชน่าทาวน์ของอเมริกา

ถ้าหากว่ารวมทั้งรพีพงษ์ ความแข็งแกร่งของตระกูลลัดดาวัลย์ในปัจจุบัน ก็บรรลุถึงระดับที่น่าตื่นตาตื่นใจ แม้แต่สำนักศิลปะการต่อสู้โบราณที่มาหาเรื่อง ก็ไม่สามารถรับมือกับมันได้อย่างใจเย็น

รพีพงษ์ให้ครองภพจัดเตรียมกองกำลังของลอบสังหารไว้ตำแหน่งใกล้กับคฤหาสน์ใหญ่ของตระกูลลัดดาวัลย์ แม้ว่าเมื่อมือสังหารเหล่านี้เผชิญหน้ากับยอดฝีมือเน่ยจิ้งขั้นกลางอาจไม่สามารถเอาชนะได้ แต่ฝีมือในการซ่อนตัวของพวกเขา ต่อให้เป็นยอดฝีมือเน่ยจิ้งก็ไม่อาจค้นหาจนเจอ ในฐานะกองกำลังของการสืบสวนและติดตาม มีประโยชน์เป็นอย่างมาก

สำหรับครองภพเอง จากผู้นำของลอบสังหารกลายเป็นหัวหน้าของทีมรักษาความปลอดภัยของตระกูลลัดดาวัลย์ รับผิดชอบการจัดการทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของตระกูลลัดดาวัลย์

ครองภพบอกว่าตัวเองเคยเป็นหัวหน้าองค์กรลอบสังหารมาครึ่งชีวิต เบื่อหน่ายกับชีวิตที่ต้องเดินอยู่บนปลายมีดมานานแล้ว สำหรับหัวหน้าทีมรักษาความปลอดภัยของตระกูลลัดดาวัลย์เหมาะกับเขามาก

ในวันที่สองที่รพีพงษ์กลับมา ขวัญนลินได้รับการดูแลจากชนิสราและพี่เลี้ยงเด็กที่ว่าจ้างมา รพีพงษ์และอารียาทั้งสองคนก็อยู่ในโลกที่มีความสุขกันสองต่อสอง เพิ่งจะกลับมา ทั้งสองคนต่างก็ต้องหมั่นเอาอกเอาใจกันเป็นอย่างดี ขวัญนลินก็กลายเป็นก้างขวางคอไปโดยปริยาย….

ผ่านไปไม่กี่วัน รพีพงษ์อุทิศทั้งตัวและหัวใจให้กับครอบครัว ตื่นขึ้นมาวิ่งทุกวัน ซื้ออาหาร ทำกับข้าว และพาขวัญนลินไปเดินเล่นในสวนสาธารณะพร้อมกับอารียา จัดการกับเรื่องของตระกูลลัดดาวัลย์เป็นครั้งเป็นคราว ทานอาหารกับทุกคนในตอนเย็น ในตอนกลางคืนก็ทำสงครามรักกับอารียา ต่อเนื่องไม่เคยหยุด

แน่นอนว่า ในใจของรพีพงษ์ยังสงสัยว่าเหตุใดอาจารย์จึงมีศัตรูมากมายขนาดนี้ เขาตั้งใจว่าจะหาเวลาช่วงหนึ่ง ไปพบอาจารย์ครั้งหนึ่ง บอกเรื่องนี้กับอาจารย์ ถือโอกาสถามให้ชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้น รวมทั้งครั้งนี้เขาก็ฆ่าปรมาจารย์ไปหนึ่งคน ตระกูลภูธนนั้นอาจจะมาแก้แค้น ปัญหาของรพีพงษ์ ยังคงมีอยู่

เพียงแต่ตอนนี้เขาไม่อยากสนใจเรื่องนี้ ตอนนี้เขาเพียงแค่อยากใช้เวลาไม่กี่วันนี้อยู่กับอารียา ถือโอกาสจัดงานงานเลี้ยงฉลองให้กับขวัญนลินอีกครั้ง

เรื่องอื่นๆ รอหลังจากงานเลี้ยงฉลองแล้วค่อยไปคิด

เช้าวันนี้ รพีพงษ์ตื่นขึ้นจากการหลับใหล ลืมตาขึ้นมา เห็นที่กำลังพิงอยู่ที่หน้าอกของเขา มือข้างหนึ่งลูบไปบนตัวของเขาเบาๆ บนใบหน้ายังไม่หายแดงจากเมื่อคืนนี้

บนตัวของอารียาห่มผ้าซาตินบางๆอยู่ผืนหนึ่ง และรูปร่างที่เรียวบางก็ปรากฏขึ้นภายใต้ผ้าซาติน

“ทำไมตื่นเช้าจัง?”รพีพงษ์เอ่ยปากถาม

อารียายิ้มแย้มแจ่มใส ริมฝีปากอวบอิ่มสีแดง เอ่ยปากพูดว่า: “อยากตื่นขึ้นมามองนายเช้าๆ ไม่ได้เหรอ”

“ดูเหมือนว่ายังไม่เต็มที่”รพีพงษ์ถอนหายใจแล้วพูด

“อะไรยังไม่เต็มที่เหรอ?”อารียามองรพีพงษ์ด้วยความสงสัย แล้วเอ่ยปากถาม

“แน่นอนว่าบริการยังไม่เต็มที่ ดูเหมือนว่าจากนี้ไปฉันจะต้องเพิ่มความพยายามมากขึ้น ตื่นขึ้นมาในตอนเช้าเธอกลับไม่เหนื่อยเลย ยังมีอารมณ์ที่จะชื่นชมฉันอยู่ นี่ไม่ใช่บริการไม่เต็มที่แล้วคืออะไร”รพีพงษ์เอ่ยปากถาม

ใบหน้าของอารียาก็แดงขึ้นมาในทันที เหลือบมองไปที่รพีพงษ์ด้วยความไม่พอใจ และเอ่ยปากว่า: “นายนี่มันคนเลว ใครบอกว่าบริการไม่เต็มที่ล่ะ เมื่อคืนนี้ฉันเมื่อยล้ามาก ถ้านายเพิ่มความพยายามมากขึ้นอีก ฉันก็รับไม่ไหวแล้ว”

เมื่อรพีพงษ์ได้ยินอารียาพูดแบบนี้ รอยยิ้มที่ภาคภูมิใจก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า สิ่งที่ผู้ชายคนหนึ่งภาคภูมิใจที่สุดก็คือ เมื่อได้ยินผู้หญิงของตัวเองพูดแบบนี้

“รับไม่ไหวเหรอ? ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าท่าทางเธอยังกินไม่พอล่ะ?”รพีพงษ์กล่าวรอยยิ้ม

อารียาพูดกับรพีพงษ์ด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา จากนั้นก็ลุกขึ้นจากเตียง และเอ่ยปากว่า: “เอาล่ะ รีบตื่นได้แล้ว ฉันยังต้องไปให้หนูลินดื่ม…..อะแฮ่ม รีบลุกขึ้นมาได้แล้ว!”

เมื่อได้ยินอารียาพูดแบบนี้ รพีพงษ์ก็เลียริมฝีปากโดยไม่รู้ตัว ราวกับว่ารสสัมผัสบางอย่างยังอยู่

หลังจากตื่นนอน รพีพงษ์และอารียาก็ไปอุ้มหนูลินด้วยกัน รพีพงษ์ก็ได้ลองเปลี่ยนผ้าอ้อมให้กับเด็ก และฉากนั้นค่อนข้างวุ่นวาย

ในช่วงบ่าย ภายใต้การร้องขออย่างหนักแน่นของไออ้วนและดำเกิงทั้งสองคน รพีพงษ์จึงพาพวกเขาไปที่ของทานเล่นตามถนนที่มีชื่อเสียงในเกียวโต ทั้งสองคนไม่ได้มีประสบการณ์เกี่ยวกับความเจริญรุ่งเรืองของเมืองมากนัก ดังนั้นสำหรับสถานที่ของทานเล่นตามถนนแบบนี้ มีความโหยหาอยู่ลึกๆมาโดยตลอด

ถนนของทานเล่นนี้มีชื่อว่าถนนวัชรสาร เป็นสถานที่รวบรวมอาหารที่เลิศรสในเกียวโตไว้ เป็นเพราะมีชื่อเสียงที่ค่อนข้างโด่งดัง จึงกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดในเกียวโต ดังนั้นทุกวันจึงมีนักท่องเดินทางมาค่อนข้างมาก

รพีพงษ์จำได้ว่าตอนเด็กๆตัวเองชอบกินร้านอาหารเก่าแก่บนถนนสายนี้มาก ดังนั้นจึงพาไออ้วนและดำเกิงมาที่ร้านอาหารนี้

พวกเขาทั้งสามคนหาโต๊ะได้แล้วนั่งลง รพีพงษ์สั่งเมนูอาหารอร่อยๆทั้งหมดในร้านมาอย่างล่ะหนึ่งอย่าง จากนั้นก็สั่งเบียร์ไปไม่กี่ขวด และกินไปพร้อมกับพวกเขาด้วย

ทันทีที่ไออ้วนเห็นอาหารเลิศรส ได้เผยโฉมหน้าที่แท้จริงออกมาหมดในทันที ยับยั้งชั่งใจใดๆของยอดฝีมือเน่ยจิ้งชั้นต้นก็ไม่มีเลย กินอาหารบนโต๊ะอย่างตะกละตะกลาม

ดำเกิงเองก็ยังอดไม่ได้ ไม่เกรงใจแม้แต่น้อย เมื่อมองเห็นอะไรก็กินอะไรกินอย่างมูมมาม

“พวกนายสองคนกินช้าๆหน่อย ไม่พอก็ค่อยสั่งอีก ระวังอย่าให้ติดคอตัวเองล่ะ”รพีพงษ์กล่าวด้วยรอยยิ้ม

โต๊ะข้างๆรพีพงษ์พวกเขา เป็นกลุ่มคนที่ดูไปแล้วหรูหราฐานะร่ำรวย คนเหล่านี้ดูไม่เหมือนในคนท้องถิ่นของเกียวโต แต่ว่าจากลักษณะท่าทางก็สามารถมองออกได้ ฐานะของคนเหล่านี้ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

ในบรรดาคนเหล่านี้มีเด็กผู้หญิงเพียงคนเดียว เมื่อเห็นท่าทางของไออ้วนและดำเกิงที่กินอาหาร ก็แสดงความดูถูกออกมาทันที

“คนบ้านนอกคอกนาจริงๆ หรือว่าชาติก่อนจะอดอยากจนตายเหรอ? กินมูมมามอย่างกับหมู น่าขยะแขยง”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน