พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่759 ขาดความรับผิดชอบต่อตัวเอง

บทที่759 ขาดความรับผิดชอบต่อตัวเอง

บทที่759 ขาดความรับผิดชอบต่อตัวเอง

ปภาวิชญ์ที่อยู่กลางอากาศเมื่อเห็นรพีพงษ์ไม่ตื่นตระหนกแต่อย่างใด บนใบหน้าก็แสดงความสงสัยออกมา แต่ในขณะนี้เขาไม่สามารถสนใจเรื่องนี้ได้อีกต่อไป เขารู้เพียงว่า ด้วยหมัดนี้ของเขา รพีพงษ์ไม่มีทางรอดได้อย่างแน่นอน

“อย่ามาวางมาดใหญ่โตเพื่อตบตาผู้คน! วันนี้ เป็นวันตายของแก!”

พลังวิเศษเสนในร่างกายของรพีพงษ์ไหลเวียนอย่างรวดเร็ว ผ่านเส้นลมปราณของร่างกายทั้งหมด ถูกถ่ายส่งไปถึงยังฝ่ามืออย่างรวดเร็ว ครั้งนี้ รพีพงษ์ไม่กักเก็บแม้แต่น้อย

เมื่อหมัดของปภาวิชญ์กำลังจะกระแทกไปที่บนหัว ฝ่ามือของรพีพงษ์ผลักออกไปด้านข้างทันที พลังอานุภาพไม่ได้อ่อนแอกว่าหมัดของปภาวิชญ์มากนัก

“ฝ่ามือธันเดอร์!”

ชกไปที่ฝ่ามือหนึ่งหมัด ทันใดนั้นลมแรงก็พัดเข้ามาในลานบ้าน ฝุ่นบนพื้นก็ลอยขึ้นมา แต่พลังอานุภาพรอบๆตัวรพีพงษ์และปภาวิชญ์ถูกพัดหายไปอย่างรวดเร็ว

ผู้คนในเหตุการณ์ต่างไม่รู้ว่าจะใช้คำอะไรเพื่ออธิบายความรู้สึกของตัวเอง การต่อสู้ครั้งนี้ เป็นการต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยเห็นมาในชีวิต

“รพีพงษ์ก็แข็งแกร่งเกินไปแล้ว ปภาวิชญ์เป็นแบบนี้แล้ว เขายังสามารถต้านทานได้ นี่มันก็ไม่ใช่คนแล้ว!”

“การต่อสู้ครั้งนี้ ไม่ว่าใครจะแพ้ชนะ คงจะแพร่กระจายไปทั่วประเทศจีนอย่างแน่นอน ปภาวิชญ์มีชื่อเสียงมานานหลายปี ถ้ารพีพงษ์ชนะการต่อสู้ครั้งนี้ ชื่อของเขา จะทำให้แวดวงศิลปะการต่อสู้สั่นสะเทือน”

“รพีพงษ์จะชนะได้จริงเหรอ? ปภาวิชญ์กินยาเลยนะ ถ้านี่ก็สามารถชนะได้ ถ้าอย่างนั้นใช้วิปริตมาก็ไม่เพียงพอที่จะอธิบายว่าเขาเป็นได้”

……

รพีพงษ์และปภาวิชญ์ทั้งสองคนปะทะกันเป็นเวลานาน พลังที่ทั้งสองคนระเบิดออกมา ต่างก็บรรลุถึงจุดที่สูงที่สุดของแดนปรมาจารย์ ตอนนี้ที่กำลังแข่งขันกันเอง ก็คือพลังของใครอยู่ได้ยาวนานยิ่งกว่ากัน

ปภาวิชญ์มองไปที่รพีพงษ์อย่างเหลือเชื่อ ยังไงเขาก็คาดไม่ถึง รพีพงษ์จะรับมือกับการโจมตีพลังทั้งหมดที่แสดงออกมาจากการกินยาเม็ตไอกิแดนได้ และไม่ยอมแพ้เลย

ในเวลานี้เขาไม่รู้ว่าจะอธิบายความรู้สึกของตัวเองอย่างไร ถ้าหากให้เขาพูดอะไรจริงๆ เขาเพียงอยากบอกกับรพีพงษ์ว่า: “แกแม่งเป็นสัตว์ประหลาดอะไรกันแน่!”

“ทำไม? ทำไมฉันกินยาเม็ตไอกิแดนไปแล้ว ยังคงไม่สามารถฆ่าแกได้ล่ะ? หรือว่าความแข็งแกร่งของแกบรรลุถึงจุดที่สูงที่สุดของแดนปรมาจารย์แล้วเหรอ? แต่แกอายุเพิ่งจะยี่สิบกว่า นี่เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย!”ปภาวิชญ์มองไปที่รพีพงษ์ เกือบจะร้องไห้ออกมา

รพีพงษ์มองไปที่ปภาวิชญ์ยิ้มเล็กน้อย เอ่ยปากพูดว่า: “หลังจากท่วงท่านี้ แกไม่มีทางมีชีวิตรอดได้ ในเมื่อเป็นแบบนี้ ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะบอกให้แกเอง”

ปภาวิชญ์เบิกตากว้างทันที และมองไปที่รพีพงษ์อย่างเหลือเชื่อ

“ความจริงแล้วฉันมีความแข็งแกร่งเพียงเน่ยจิ้งขั้นกลาง”รพีพงษ์เอ่ยปาก

“นี่เป็นไปไม่ได้! แกอย่าคิดว่าฉันโง่!”ปภาวิชญ์โต้ตอบตรงๆ

“นี่เป็นความจริง ส่วนเหตุผลที่ฉันสามารถต้านทานท่วงท่าของแกได้ เป็นเพราะว่าร่างกายของฉัน ยังมีพลังอื่นอยู่”รพีพงษ์พูดต่อ

“พลังอื่นเหรอ?”ปภาวิชญ์นิ่งอึ้งทันที

“ถูกต้อง แต่พลังแบบนี้คืออะไร ฉันก็จะไม่บอกแก เนื่องจาก แกเป็นคนตายไปแล้วครึ่งหนึ่ง ไม่ใช่เหรอ?”รพีพงษ์ยิ้มขึ้นมา

ปภาวิชญ์ไม่ตอบสนองจากคำพูดของรพีพงษ์เป็นเวลานาน เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน บนโลกใบนี้ นอกจากเน่ยจิ้งแล้ว ยังมีพลังอื่นๆอยู่

แม้ว่าจะเป็นนายใหญ่อันดับหนึ่งของตระกูลศิลปะการต่อสู้ ที่ปภาวิชญ์เข้าใจ ก็ไม่ได้มากกว่าชินาธิปอย่างแน่นอน

ในไม่ช้า ปภาวิชญ์ก็ตอบสนองจากคำพูดที่รพีพงษ์ได้พูดมา ในแววตาของเขาก็ปรากฏความบ้าคลั่งออกมา

“กูจะตายอยู่ในเงื้อมมือของเด็กที่ยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอย่างแกได้อย่างไร อย่าได้เพ้อฝันไป หน่อยเลย วันนี้ที่ต้องตาย คือแก!”ปภาวิชญ์ตะโกนอย่างอารมณ์แปรปรวน

ทันทีที่เขาตะโกนคำเหล่านี้จบ ก็รู้สึกได้ถึงพลังในร่างกายของเขาเริ่มสลายไปอย่างรวดเร็ว ในใจของเขารู้ดี ฤทธิ์ของยาเม็ตไอกิแดนถึงขีดจำแล้ว ต่อไป เขากำลังจะเผชิญหน้ากับการลอบกัดของยาเม็ดนี้

รพีพงษ์ในทางกลับกัน ยังคงไม่มีความตั้งใจที่จะถอยหลัง พลังในร่างกายของเขาดูเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุด และยังคงถ่ายทอดพลังลงในฝ่ามือ

ตอนแรกปภาวิชญ์คิดว่าหลังจากที่ใช้ยาเม็ตไอกิแดนเพิ่มความแข็งแกร่งแล้ว จะกำจัดเขาอย่างรวดเร็ว ด้วยศักยภาพทางกายของเขา ไม่ใช่ปัญหาที่จะต้านทานการลอบกัดของยาเม็ดนี้ ในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดคือการกลายเป็นคนธรรมดาที่ไม่สามารถฝึกศิลปะการต่อสู้ได้เท่านั้นเอง

อย่างไรก็ตามเขาไม่คาดไม่ถึง ต่อให้เขาจะกินยา ยังคงไม่สามารถกำจัดรพีพงษ์ได้ ในเวลานี้ฤทธิ์ยาได้สิ้นสุดลงแล้ว รพีพงษ์ก็ไม่มีวี่แววว่าจะล้มลงแม้แต่น้อย ไม่ได้รับบาดเจ็บ เพียงแค่ลมปราณอ่อนแอกว่าเมื่อกี้นี้

สิ่งนี้ทำให้หัวใจของปภาวิชญ์เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป เขาจะต้องตายอย่างแน่นอน

“รพีพงษ์ ความแข็งแกร่งของแกฉันรู้สึกได้ แกอยู่เหนือจินตนาการของฉันจริงๆ ต่อให้ฉันจะกินยา ก็ยังคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของแก เราถอยกันคนละก้าวไม่ดีกว่าเหรอ ฉันจะไม่หาทางแค้นแก้แก แกก็ไว้ชีวิตฉันด้วย ต่อให้แกไม่ลงมือกับฉัน ยานี้ก็จะทำให้ฉันกลายเป็นคนไร้ประโยชน์ ฉันก็จะไม่สร้างภัยคุกคามใดๆต่อแกอีก”ปภาวิชญ์กลอกตาไปมา เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว เขาทำได้เพียงแค่ขอความเมตตาเท่านั้น

รพีพงษ์ยิ้มให้เขาเล็กน้อย แล้วพูดว่า: “ขอโทษด้วย ถ้าหากแกร้องขอความเมตตาก่อนหน้านี้ ฉันอาจจะมีเมตตา แต่เมื่อกี้นี้ฉันได้บอกความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของฉันไปแล้ว ดังนั้นต่อให้แกจะไม่สร้างภัยคุกคามใดต่อฉัน ฉันก็ไม่สามารถเก็บแกไว้บนโลกใบนี้ได้ ไม่อย่างนั้นนี่ก็คือฉันขาดความรับผิดชอบต่อตัวเอง แกว่าใช่มั้ย”

เมื่อได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ ปภาวิชญ์ก็รู้สึกสิ้นหวังอย่างฉับพลัน หัวสมองทำงานอย่างรวดเร็ว โดยคิดว่าทำอย่างไรถึงจะรักษาชีวิตของตัวเองไว้ได้

รพีพงษ์ไม่ให้โอกาสใดๆกับเขาเลย หลังจากพูดจบ พลังบนฝ่ามือก็เพิ่มขึ้นทันที ปภาวิชญ์ร้องโอดโอยอย่างกะทันหัน จากนั้นร่างกายก็บินออกไปข้างหลัง

ปภาวิชญ์ล้มลงกับพื้น เลือดก็พุ่งออกมาจากปากเขาราวกับน้ำพุ เส้นเลือดบนหน้าผากของเขาแตกออกมาทันที ทั้งหัวก็เปรอะเปื้อนด้วยเลือดจนกลายเป็นสีแดงไปในพริบตา ดูไปแล้วน่ากลัวอย่างมาก

เมื่อสมาชิกไม่กี่คนของตระกูลภูธนเห็นสิ่งนี้ ก็รีบพุ่งตรงไปที่ปภาวิชญ์

รพีพงษ์ไปถึงที่ตรงหน้าปภาวิชญ์ก่อนหน้าพวกเขา ขวางสมาชิกไม่กี่คนของตระกูลภูธนไว้

“พวกแกรอก่อน”รพีพงษ์เอ่ยปาก

สมาชิกไม่กี่คนของตระกูลภูธนไม่รู้ว่ารพีพงษ์หมายถึงอะไร แต่ก็ไม่มีใครกล้าแสดงความไม่พอใจ นายใหญ่ของพวกเขากินยาเม็ตไอกิแดนไปยังเอาชนะรพีพงษ์ไม่ได้ แล้วพวกเขาจะเป็นคู่ต่อสู้ของรพีพงษ์ได้อย่างไร

รพีพงษ์จ้องมองไปที่ปภาวิชญ์ที่ล้มลงบนพื้นแวบหนึ่ง จากนั้นนั่งยองๆลงมา แตะคอของเขา เพื่อให้แน่ใจว่าเขาตายแล้ว ถึงได้ลุกขึ้นยืน หันไปมองสมาชิกไม่กี่คนของตระกูลภูธนแวบหนึ่ง แล้วพูดว่า: “เขาตายแล้ว พวกแกสามารถเข้าไปได้แล้ว”

สมาชิกไม่กี่คนของตระกูลภูธนต่างก็ตกตะลึง รพีพงษ์ขวางพวกเขาเมื่อกี้นี้ หรือว่าก็เพื่อรอให้ปภาวิชญ์ตายเหรอ?

ตอนนี้คนตายแล้ว ยังตั้งใจบอกกับพวกเขาอีก นี่….ก็เสียสติเกินไปแล้ว?

สมาชิกไม่กี่คนของตระกูลภูธนมองไปที่รพีพงษ์เหมือนปีศาจที่ออกมาจากนรก และบนตัวก็เกิดอาการขนลุกขึ้นมา

ถ้าไม่ใช่เพราะศพของนายใหญ่ตระกูลภูธนที่ล้มลงบนพื้น พวกเขาก็คงจะหันหลังหนีไปนานแล้ว

พวกเขาไม่มีทางรู้เลย เหตุผลที่รพีพงษ์ทำเช่นนี้ ไม่ใช่เพราะเสียสติ แต่กังวลว่าปภาวิชญ์จะยังไม่ตาย เดี๋ยวจะเปิดเผยความจริงที่ว่าเขามีพลังอื่นอยู่ออกไป

ในสมาชิกไม่กี่คนของตระกูลภูธน มีชายหนุ่มคนหนึ่งอายุเพียงสิบแปดสิบเก้าปี เขาตั้งใจมาดูความครึกครื้น ตอนแรกอยากดูหน่วยก้านของนายใหญ่ นายใหญ่ที่ปกติแล้วดูมีความเข้มขรึมน่าเกรงขาม กลับตายอยู่ที่นี่

ตอนนี้เห็นรพีพงษ์เสียสติอีก ก็ไม่สามารถกลั้นไว้ได้อย่างกะทันหัน ร้องไห้ออกมาตรงๆ

เสียงร้องดังก้องไปทั่ว ทำให้กลุ่มนกที่เกาะอยู่บนกิ่งไม้ตกใจ

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท