พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่753 ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่

บทที่753 ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่

บทที่753 ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่

เมื่อได้ยินคำพูดของผนึกสิน นัยน์ตาคมของรพีพงษ์แน่วแน่ เอ่ยปากถาม: “หายนะอะไร?”

“ปรมาจารย์จิรภาสที่ตายในเงื้อมมือของนาย เป็นคนของตระกูลภูธนที่เป็นตระกูลศิลปะการต่อสู้โบราณที่มีชื่อเสียงที่สุดในแถบเมืองชลาลัย เขามีพี่ชายคนหนึ่ง ชื่อว่าปภาวิชญ์ เป็นนายใหญ่ของตระกูลภูธร คนคนนี้อยู่ในแวดวงศิลปะการต่อสู้ ชื่อเสียงนั้นดีกว่าชินาธิป ที่สำคัญความแข็งแกร่งเทียบกับชินาธิปแล้ว ก็ชนะขาดลอย”

“พวกเราได้รับข่าวคราวมาแล้วว่า คืนนี้ปภาวิชญ์จะมาหานายเพื่อแก้แค้น แม้ว่านายจะมีความสามารถมาก ชินาธิปก็ตายในเงื้อมมือของนาย แต่เท่าที่ฉันรู้ นายฆ่าชินาธิปในครั้งนั้น ตัวของนายเองก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน ดังนั้นการเผชิญหน้ากับปภาวิชญ์ที่มีแข็งแกร่งมากกว่า มีความเป็นไปได้สูงว่านายจะรับมือไม่ไหว”

“เกิดนายตายด้วยเงื้อมมือของปภาวิชญ์ ตระกูลลัดดาวัลย์ของพวกนายจะต้องเผชิญกับสถานการณ์แบบไหน ภรรยาและลูกสาวของนายจะตกอยู่ในสถานการณ์แบบไหน นายเองก็รู้ดีที่สุด”

“และตราบใดที่นายเข้าร่วมกลุ่มสิ่งโตของฉัน ฉันจะเป็นคนรับมือกับปภาวิชญ์เอง ตระกูลภูธนจะแข็งแกร่งแค่ไหน ก็ไม่กล้าที่จะต่อกรกับกลุ่มสิงโต”

หลังจากที่ผนึกสินพูดจบ รอยยิ้มที่คาดหวังก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า ในความคิดของเขา หลังจากที่รพีพงษ์ได้ฟังสิ่งที่เขาพูดแล้ว จะต้องเลือกที่จะเข้าร่วมกลุ่มสิงโตอย่างแน่นอน

รพีพงษ์พยักหน้าอย่างครุ่นคิด เมื่อกี้นี้ได้ยินผนึกสินบอกว่าตระกูลลัดดาวัลย์จะมีหายนะ เขายังคงรู้สึกกังวลอยู่ในใจคิดว่ามีบางอย่างที่น่ากลัวกำลังเพ่งเล็งตระกูลลัดดาวัลย์ แต่หลังจากที่ฟังผนึกสินพูดจนจบ เขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ถ้าหากมีเพียงตระกูลภูธนมาหาเรื่อง งั้นก็ถือว่าไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร

หลังจากที่ต่อสู้กับชินาธิป รพีพงษ์ได้รับบาดเจ็บสาหัสก็จริง แต่ว่าตอนนั้นเป็นเพราะความแข็งแกร่งของเขายังเป็นเน่ยจิ้งชั้นต้นอยู่ แต่ตอนนี้รพีพงษ์บรรลุถึงเน่ยจิ้งขั้นกลางแล้ว และมีความมั่นคงมานาน ถ้าชินาธิปมาอีกครั้ง เขาสามารถกดชินาธิปลงกับพื้นแล้วขัดถูก

เป็นเพียงว่านายใหญ่ของตระกูลภูธนที่แข็งแกร่งกว่าชินาธิปไปบ้าง รพีพงษ์ไม่ได้เอามาใส่ใจอยู่แล้ว

“ขอบคุณคุณที่บอกข่าวนี้กับฉัน วันนี้พวกคุณสามารถทานอาหารในงานเลี้ยงได้ตามสบาย ถือสักว่าเป็นการต้อนรับพวกคุณ”รพีพงษ์เอ่ยปาก

เมื่อผนึกสินได้ยินรพีพงษ์พูดแบบนี้ ใบหน้าเต็มไปด้วยความสุข คิดในใจว่าเด็กคนนี้ก็ค่อนข้างรู้ประสีประสาดี รู้ว่าตัวเองสู้ปภาวิชญ์ไม่ได้ ดังนั้นจึงยินยอมเข้าร่วมกลุ่มสิงโต

“สำหรับเรื่องที่เข้าร่วมกลุ่มสิงโตของพวกคุณ ก็ช่างมันเถอะ มันไม่จำเป็น”รพีพงษ์พูดต่อ

ผนึกสินตกตะลึงในทันที เขาคาดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะปฏิเสธคำเชิญชวนของเขา ในแววตาเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ

“นายต้องคิดให้ดีๆ ไม่เข้าร่วมกลุ่มสิงโตของฉัน ฉันไม่มีทางออกมือช่วยนายจัดการปภาวิชญ์”ผนึกสินเอ่ยปาก

รพีพงษ์ยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดว่า: “ไม่เป็นไร ฉันสามารถจัดการได้ด้วยตัวเอง ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ พวกคุณสองคนตามสบาย ฉันจะไปรับแขกก่อน”

พูดเสร็จ รพีพงษ์ก็หันหลังเดินไปที่ลานบ้านอีกด้าน

ผนึกสินจ้องมองไปที่ด้านหลังของรพีพงษ์อย่างตะลึง พึมพำว่า: “ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่เหรอ? เด็กคนนี้ หยิ่งถึงขนาดนี้เลยเหรอ?”

ครองสุขก็มองไปที่รพีพงษ์ด้วยความประหลาดใจ เอ่ยปากว่า: “เขาเป็นอัจฉริยะหนึ่งในหมื่น หยิ่งผยองไปบ้างก็เป็นเรื่องปกติ เดี๋ยวคืนนี้นายใหญ่ของตระกูลภูธนมาหาเรื่องเขา เขาก็จะรู้ถึงความแข็งแกร่งของนายใหญ่ของตระกูลภูธนเอง ถึงเวลาเขาอยากเข้าร่วมกลุ่มสิงโตของเราก็ไม่ได้แล้ว”

ผนึกสินพยักหน้า รู้สึกว่าที่ครองสุขพูดมามีเหตุผล แล้วพูดว่า: “ไปกันเถอะ ในเมื่อคนอื่นเขาไม่รังเกียจที่พวกเราจะกินของฟรี อย่างนั้นเราก็ไปดูกันเถอะว่าที่เขามีอะไรอร่อยบ้าง”

……

รพีพงษ์เพิ่งเดินเข้ามาในลานบ้านอีกด้านลานหนึ่ง ชายวัยกลางคนหนึ่งที่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มถือของขวัญเข้ามาทักทายพร้อมกับคนไม่กี่คน

“นายใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์ รู้เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้พบคุณ นี่เป็นน้ำใจเล็กๆน้อยๆ นายใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์โปรดอย่าได้รังเกียจ”ชายวัยกลางเอ่ยปาก

รพีพงษ์จ้องมองเขาแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยปากถาม: “คุณคือ?”

“ประภูจากตระกูลนบวรที่อยู่เมืองดวงแก้ว ครั้งนี้มาที่นี่เพื่อร่วมงานเลี้ยงฉลองของลูกสาวของนายใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์เป็นพิเศษ”ชายวัยกลางเอ่ยปาก

รพีพงษ์พยักหน้า คาดไม่ถึงว่านี่คนคนนี้ก็คือนายใหญ่ของตระกูลนบวรในเมืองดวงแก้ว

“ท่านประภู ใช่ที่มีลูกชายชื่อว่าปานศักดิ์คนหนึ่ง และลูกสาวที่ชื่อว่าธยานีย์หนึ่งคนหรือเปล่า?”รพีพงษ์เอ่ยปากถาม

“ใช่ๆ นายใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์รู้เรื่องของลูกชายและลูกสาวของผมด้วย หรือว่ารู้จักกับพวกเขาสองคน ผมจะให้คนไปเรียกพวกเขาสองคนมาเดี๋ยวนี้”ประภูพูดด้วยความตื่นเต้น

“ไม่ต้อง ฉันเพียงแค่ได้ยินเรื่องนี้มาโดยบังเอิญเท่านั้นเอง จึงถือโอกาสถาม”รพีพงษ์เอ่ยปาก

ประภูแสดงความผิดหวังบนใบหน้าออกมาทันที แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไร ยิ้มเจื่อนๆให้กับรพีพงษ์

รพีพงษ์ไม่ได้สนใจนายใหญ่คนนี้ของตระกูลนบวรมากนัก พูดด้วยไม่กี่คำก็เดินไปที่ห้องโถงอีกด้าน

ประภูมองดูรพีพงษ์ที่จากไป ก็ทอดถอนใจ: “อายุยังน้อยมาถึงตำแหน่งแบบนี้ได้ น่าอิจฉาจริงๆ มางานเลี้ยงฉลองของตระกูลลัดดาวัลย์ครั้งนี้ แค่ตระกูลระดับโลกก็มาไม่น้อยแล้ว ตระกูลนบวรของเราอยู่ต่อหน้าพวกเขาไม่มีความสำคัญอะไร”

“ในเมื่อนายใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์รู้เรื่องของลูกชายและลูกสาวของฉัน ถ้าอย่างนั้นก็ต้องให้พวกเขาทั้งสองคนมาสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูลลัดดาวัลย์ นี่เป็นโอกาสก้าวหน้าอีกขั้นหนึ่งของตระกูลนบวรของฉัน”

ประภูพึมพำกับตัวเอง จากนั้นหันหลังออกจากลานบ้านนี้ไป

ในตอนเย็น คฤหาสน์ใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์จุดไฟสว่างไสว

แขกจำนวนนับไม่ถ้วนที่มาร่วมงานเลี้ยงต่างก็เข้าๆออกๆคฤหาสน์ใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์ ดูไปแล้วครึกครื้นเป็นอย่างมาก เพื่อไม่ให้เกิดความกระอักกระอ่วนใจสำหรับผู้ที่มาร่วมงานเลี้ยง ท่านคทายังได้เชิญทีมการแสดงศิลปะมืออาชีพ มาแสดงในลานบ้านหลักของตระกูลลัดดาวัลย์

ปานศักดิ์กับธยานีย์และหลายๆคนต่างมองดูคนเหล่านี้ที่ไปๆมาๆในคฤหาสน์ใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์อย่างอยากรู้อยากเห็น ความเย่อหยิ่งที่มีเมื่อเผชิญหน้ากับรพีพงษ์พวกเขาได้จางหายไปหมดแล้ว เมื่อพบปะกับผู้คนใบหน้าต่างก็มีรอยยิ้ม เหมือนกลัวว่าจะทำให้คนอื่นโกรธ

ในใจพวกเขารู้ดี คนเหล่านี้ที่สามารถปรากฏตัวในคฤหาสน์ใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์ได้ แค่คนคนหนึ่ง ภูมิหลังไม่ได้เล็กไปกว่าตระกูลนบวรของพวกเรา ที่สำคัญมีมากมายที่ใหญ่โตกว่าตระกูลนบวร ดังนั้นพวกเขาไม่กล้าที่จะจองหอง

“พี่ชาย คฤหาสน์ใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์หลังนี้ใหญ่เกินไปแล้ว สามารถมีคฤหาสน์หลังใหญ่อยู่ตำแหน่งใจกลางเมืองในเกียวโตได้ ตระกูลลัดดาวัลย์นี้สุดยอดจริงๆ”ธยานีย์พูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความอิจฉา

ปานศักดิ์พยักหน้า แล้วพูดว่า: “พวกนี้ยังไม่ถือว่าอะไรเลย เมื่อกี้นี้เธอสังเกตเห็นคนที่มาร่วมงานเลี้ยงกับผู้หญิงต่างชาติมั้ย คนเหล่านั้นล้วนเป็นคนของตระกูลระดับโลก เมื่อตระกูลนบวรของเราเทียบกับคนอื่นเขาแล้ว อย่างดีที่สุดก็แค่เด็กวัยเตาะแตะ”

บนใบหน้าของธยานีย์ปรากฏความเลื่อมใสนับถือ เอ่ยปากพูดว่า: “ก็ไม่รู้ว่ารูปร่างหน้าตาของนายใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์เป็นอย่างไร ฉันแทบรอไม่ไหวแล้วอยากที่จะเจอหน้าเขา สามารถพูดคุยกับเขาได้ ก็จะดียิ่งกว่านี้อีก”

“ดูท่าทางบ้าผู้ชายของเธอสิ วันนี้เป็นงานเลี้ยงฉลองของลูกสาวเขา เธอระวังถ้าภรรยาของรพีพงษ์ รู้ความคิดของเธอเข้า ถ้าอย่างนั้นตระกูลนบวรก็จบเห่แน่”ปานศักดิ์พูดล้อเล่น

ในขณะที่หลายคนกำลังเดินเล่นในคฤหาสน์ใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์ มีร่างสามร่างปรากฏตัวตรงหน้าพวกเขา

นั่นก็คือรพีพงษ์ ดำเกิง ไออ้วนพวกเขาทั้งสามคน

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท