พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่764 ปีนเขา

บทที่764 ปีนเขา

บทที่764 ปีนเขา

ชเา้วันรุ่งขึ้น รพีพงษ์ตื่นเช้าไปซื้ออาหารเช้ากลับมา ตอนที่ถึงโรงแรม อารียาเพิ่งจะลุกขึ้นจากที่นอน ด้วยท่าทีเกียจคร้าน

“ไอ้ขี้เกียจ กี่โมงกี่ยามแล้ว พระอาทิตย์ส่องตูดเข้าไปล่ะ รีบตื่นรีบเก็บของ เดี๋ยวเราจะไปปีนเขากัน” รพีพงษ์ยิ้มพลางรีบวางอาหารเช้าไว้บนโต๊ะ

อารียามองรพีพงษ์อย่างประหลาดใจ แล้วกล่าว “คุณรู้อยู่แล้วว่าวันนี้จะไปปีนเขาแล้วเมื่อคืนยังจะ……ดีแต่พูดไร้สาระ ถ้าฉันปีนไปได้ครึ่งเดียวแล้วเหนื่อย ก็จะลงมาทันที จากนั้นคุณก็ไปต่อเองแล้วกัน”

รพีพงษ์หัวเราะ กล่าว “ไม่ได้ เมื่อก๊ตอนที่ผมลงไปซื้ออาหารเช้านั้น ได้ยินคนขายข้าวพูดว่าช่วงนี้มักจะมีผู้หญิงหลายคนที่ปีนเขาคนเดียวแล้วหายไปอย่างไร้ร่องรอย ผมให้คุณลงมาคนเดียวไม่ได้ แม้จะต้องทน ผมก็ต้องทำจนคุณไปถึงบนยอดให้ได้”

อารียามองบนต่อรพีพงษ์ ไม่ได้พูดอะไรต่อ จากนั้นก็ไปล้างหน้าล้างตา

หลังจากที่เก็บของเสร็จหมดแล้ว ทั้งสองก็เดินออกไปด้านนอก ที่ตีนเขามีไกด์เฉพาะด้านนำทางอยู่ รพีพงษ์ลงชื่อไว้ จะไปพร้อมกับไกด์

ไกด์นำเที่ยวพากรุ๊ปหนึ่งกรุ๊ปจำนวนยี่สิบกว่าคน เมื่อรวบรวมคนครบแล้ว ไกด์ก็จะพาเดินขึ้นเขาไป

“ช่วงนี้เกิดเหตุการณ์ที่ผู้หญิงหลายคนขึ้นเขาเพียงลำพัง จากนั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย เขายุผิงมีที่ที่อันตรายอยู่ หากหลงทาง ง่ายต่อการหลงอยู่บนหุบเขา แม้จะตามกู้ภัยมาช่วยหาก็อาจจะหาไม่เจอ ดังนั้นทุกคนต้องเดินตามผมให้มั่น อย่าห่างจากกลุ่มไป”

ไกด์ถือโทรโข่งตะโกนไปยังทุกคน

หลังจากที่อารียาได้ยินคำพูดนี้แล้วนั้น ก็หันไปหารพีพงษ์ กล่าว “ที่แท้คุณไม่ได้โกหกฉัน”

“ผมจะโกหกคุณทำไม เดี๋ยวคุณต้องตามผมให้มั่น ถ้าหลงทาง คุณจะไม่ได้พบผมอีกเลย” รพีพงษ์ยิ้มพลางกล่าว

อารียาเงยหน้า กล่าว “ฉันโง่ขนาดนั้นเลยหรอ”

ทุกคนเริ่มเดินขึ้นเขา เริ่มเดินไปได้ไม่นาน ก็มีสองคนเดินไปยังข้างๆของรพีพงษ์และอารียา นั่นคู่คู่รักเมื่อคืนคู่นั้น

รพีพงษ์ก็ไม่คาดคิดว่าคู่รักคู่นี้จะอยู่ร่วมกลุ่มเดียวกันกับพวกเขา จึงรู้สึกแปลกใจขึ้นมา

“สหาย เมื่อคืนขอโทษจริงๆนะ พวกเราคิดสั้นเกินไป ไม่คาดคิดว่าคุณจะเก่งกาจขนาดนี้ หวังว่าคุณจะไม่เก็บมาใส่ใจ ในเมื่อทุกคนมาเจอกันได้ ถือว่ามีพรหมลิขิตต่อกัน สู้เป็นเพื่อนกันดีกว่า” ฝ่ายชายกล่าว

รพีพงษ์ยิ้มให้เขา ไม่ได้ใส่ใจอะไร ในเมื่ออีกฝ่ายเข้ามาขอโทษ เขาก็ไม่คิดเล็กคิดน้อยใดๆอีกต่อไป

แต่ดูออกว่าฝ่ายหญิงไม่ได้ใจกว้างเหมือนผู้ชาย ราวกับว่ายังลืมเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไม่ได้ แม้ไม่ได้พูดเสียดสีรพีพงษ์แล้ว แต่ก็ยังดูออกว่าไม่พอใจรพีพงษ์อย่างมาก

ทั้งสี่เดินตามหลังไกด์ พลางฟังไกด์เล่าประวัติศาสตร์ของเขายุผิง พลางดูวิวทิวทัศน์

หลังจากผ่านการพูดคุยกันแล้ว รพีพงษ์ได้รู้ว่าคู่รักคู่นี้มาจากเมืองที่ร่ำรวยเมืองหนึ่งทางตอนใต้ ฝ่ายชายบริหารบริษัทส่งของ ถือว่ามีเงิน ฝ่ายหญิงเป็นลูกข้าราชการ สองครอบครัวถือว่าเหมาะสมกันแล้ว

ชายชื่อผลอุทัย หญิงชื่ออรรจยา ครั้งนี้ทั้งสองมาเขายุผิง ก็แค่มาท่องเที่ยวเท่านั้น

ขณะนี้ไกด์ได้เล่าเรื่องเกี่ยวกับพระอาจารย์ท่านนั้นของวัดมังกร ได้ยินมาว่าวันนี้พวกเขาโชคดี ผ่านไปช่วงหนึ่งอาจารย์โอบนิธิจะจัดการแสดง วันนี้ช่วงบ่ายจะมีหนึ่งรอบ

ผลอุทัยยิ้มพลางมองรพีพงษ์​ กล่าว “พูดตรงๆ ผมมีความฝันอยากเป็นจอมยุทธ ดังนั้นจึงชอบในศิลปะการต่อสู้เป็นอย่างมาก แต่ไม่เคยได้เจอกังฟูของประเทศจีนจริงๆเสียที”

“ครั้งนี้ที่พวกเรามาเขายุผิง ด้วยเป้าหมายที่สำคัญที่สุด ก็คือมาสักการะอาจารย์โอบนิธิ ผมได้เตรียมเงินไว้เรียบร้อยแล้ว แม้จะทำได้แค่ใส่ชื่อว่าเป็นศิษย์ของอาจารย์โอบนิธิ ก็ต้องมีความสามารถอยู่บ้างล่ะ”

อาจารย์โอบนิธิ ก็คือพระอาจารย์วัดมังกรท่านนั้น

ตอนที่รพีพงษ์ได้ยินอาจารย์โอบนิธิชื่อนี้ ในใจก็รู้สึกประหลาดใจ เพราะในใจเขา คิดว่าการที่ได้เป็นพระอาจารย์ ไม่ควรจะมีฉายาแบบนี้

“ไอ้หยา คุณพูดเรื่องนี้กับพวกเขาทำไม ไหว้อาจารย์โอบนิธิ ไม่ได้เป็นเรื่องง่ายๆ ตอนนี้คุณพูดกับพวกเขาแล้ว ถ้าพวกเขาอยากขอเป็นศิษย์ด้วย นั่นคุณก็มีคู่แข่งเพิ่มขึ้นอีกนะ” อรรยจาขมวดคิ้วพลางพูด

รพีพงษ์ยิ้ม กล่าว “สบายใจได้ ผมไม่สนใจในอาจารย์โอบนิธิ หากอาจารย์ชี่กงเมื่อคืนนั้นเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์โอบนิธิจริงๆ งั้นเขาก็ยังไม่ถึงขั้นให้ผมฝากเนื้อฝากตัวเป็นศิษย์ได้”

อรรจยาบึนปาก กล่าว “ชิ คนเมื่อคืนก็แค่เป็นลูกศิษย์ในนามของอาจารย์โอบนิธิเท่านั้น อาจารย์โอบนิธิตัวจริง ฝีมือยากจะคาดเดา ได้ยินมาว่าเขาใช้เพียงใบไม้ ตัดก้อนหินมาแล้วนะ จะไปเปรียบกับชี่กงอะไรนั่นได้ไงกัน”

รพีพงษ์ยักคิ้ว หากอาจารย์โอบนิธิมีความสามารถแบบนั้นจริงล่ะก็ นั่นก็น่าจะเป็นยอดฝีมือที่แอบแฝงอยู่บนโลกของแดนปรมาจารย์เป็นแน่

“อย่าคิดว่าตอนนี้คุณเก่งกาจนะ รอให้ผลอุทัยเป็นศิษย์ของอาจารย์โอบนิธิก่อน แล้วคุณจะไม่ใช่คู่ต่อกรของเขาอีกต่อไป” อรรจยาพูดต่อรพีพงษ์อย่างสะใจ

รพีพงษ์ได้แต่ยิ้มไม่พูดอะไร แม้อาจารย์โอบนิธิจะเป็นยอดฝีมือแกนปรมาจารย์ ผลอุทัยนับเขาเป็นอาจารย์ ยังไงก็ไม่ได้เป็นคู่ต่อกรของเขาอยู่ดี

ผ่านไปครึ่งวัน ไกด์พานักท่องเที่ยวเดินไปได้ครึ่งทาง อาจเพราะทุกคนรอการแสดงของอาจารย์โอบนิธิวัดมังกร ทุกคนจึงไม่รู้สึกเหนื่อยล้าแต่อย่างใด

เมื่อคืนอารียาได้เห็น“การทำลายล้าง”อันไร้ซึ่งความปราณีของรพีพงษ์แล้ว ตอนที่เดินมาถึงที่นี่ ก็เริ่มทนต่อไปไม่ไหว เธออยากพักสักหน่อย แต่ไกด์เพียงแค่พาผู้คนพักผ่อนแป๊ปเดียว จากนั้นก็เดินเขาต่อ

“พวกเราพักที่นี่สักหน่อยล่ะกัน ไม่จำเป็นต้องตามพวกเขาตลอด ไกด์อธิบายก็ไม่ค่อยดี” รพีพงษ์ยิ้มพลางมองอารียา ยื่นมือไปเช็ดเหงิ่อที่หน้าผากของเธอ

อารียามองรพีพงษ์ด้วยความโมโห กล่าว “โทษคุณนั่นแหละ ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ ตอนนี้ฉันก็ไม่ต้องเหนื่อยขนาดนี้”

“ภรรยาที่รัก ผมผิดไปแล้ว เดี๋ยวผมแบกคุณไปเป็นไง” รพีพงษ์รีบยอมรับผิด

อารียามองบน แล้วหาก้อนหินก้อนใหญ่ นั่งลง

ตอนที่อารีนาพักผ่อนนั้น รพีพงษ์ก็เดินไปมารอบๆ เพื่อดูสิ่งแวดล้อมรอบข้าง ไม่นาน รพีพงษ์ก็อยู่ที่ก้อนหินใหญ่ข้างๆ พบว่ามีถนนเส้นเล็กๆ สามารถผ่านไปยังวัดเล็กๆด้านหลังของเขาได้

หากไม่สังเกตดีๆล่ะก็ ไม่มีใครเห็นแน่ว่ามีวิวทิวทัศน์ที่แอบซ่อนอยู่

“ภรรยา คุณรีบมาดูนี่สิ นี่มีวัดเล็กๆซ่อนอยู่” รพีพงษ์โบกมือเรียกอารียา

ตอนนี้อารียาพักผ่อนมาได้สักพักแล้ว ก็เดินไปที่รพีพงษ์

หลังจากที่เธอเห็นวัดเล็กๆที่ซ่อนอยู่หลังเขาแล้วนั้น ก็ตาลุกวาวขึ้นมา เหมือนกับกำลังเล่นเกมส์แล้วเห็นของที่ซ่อนอยู่อย่างไรอย่างนั้น

“พวกเราเดินไปดูกัน” อารียาเดินไปตรงนั้นโดยตรง

รพีพงษ์รีบตามไป อยากรู้ว่าวัดเล็กๆนี้เอาไว้ทำอะไร

ในขณะเดียวกันนี้เอง ในวัด มีคนหัวล้านสวมชุดฉางผาวมองออกมานอกหน้าต่าง

“รีบเตรียมตัว มีเหยื่อมาแล้ว ดูๆไป เป็นของดีเสียด้วย แม่จะมีปัญหา แต่ก็ไม่ใหญ่มาก คนหนึ่งโบกมือ ให้อาจารย์มา ถ้าอาจารย์ดีใจ ไม่แน่อาจสอนวิชากังฟูเพิ่มให้พวกเราก็ได้นะ”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท