บทที่764 ปีนเขา
ชเา้วันรุ่งขึ้น รพีพงษ์ตื่นเช้าไปซื้ออาหารเช้ากลับมา ตอนที่ถึงโรงแรม อารียาเพิ่งจะลุกขึ้นจากที่นอน ด้วยท่าทีเกียจคร้าน
“ไอ้ขี้เกียจ กี่โมงกี่ยามแล้ว พระอาทิตย์ส่องตูดเข้าไปล่ะ รีบตื่นรีบเก็บของ เดี๋ยวเราจะไปปีนเขากัน” รพีพงษ์ยิ้มพลางรีบวางอาหารเช้าไว้บนโต๊ะ
อารียามองรพีพงษ์อย่างประหลาดใจ แล้วกล่าว “คุณรู้อยู่แล้วว่าวันนี้จะไปปีนเขาแล้วเมื่อคืนยังจะ……ดีแต่พูดไร้สาระ ถ้าฉันปีนไปได้ครึ่งเดียวแล้วเหนื่อย ก็จะลงมาทันที จากนั้นคุณก็ไปต่อเองแล้วกัน”
รพีพงษ์หัวเราะ กล่าว “ไม่ได้ เมื่อก๊ตอนที่ผมลงไปซื้ออาหารเช้านั้น ได้ยินคนขายข้าวพูดว่าช่วงนี้มักจะมีผู้หญิงหลายคนที่ปีนเขาคนเดียวแล้วหายไปอย่างไร้ร่องรอย ผมให้คุณลงมาคนเดียวไม่ได้ แม้จะต้องทน ผมก็ต้องทำจนคุณไปถึงบนยอดให้ได้”
อารียามองบนต่อรพีพงษ์ ไม่ได้พูดอะไรต่อ จากนั้นก็ไปล้างหน้าล้างตา
หลังจากที่เก็บของเสร็จหมดแล้ว ทั้งสองก็เดินออกไปด้านนอก ที่ตีนเขามีไกด์เฉพาะด้านนำทางอยู่ รพีพงษ์ลงชื่อไว้ จะไปพร้อมกับไกด์
ไกด์นำเที่ยวพากรุ๊ปหนึ่งกรุ๊ปจำนวนยี่สิบกว่าคน เมื่อรวบรวมคนครบแล้ว ไกด์ก็จะพาเดินขึ้นเขาไป
“ช่วงนี้เกิดเหตุการณ์ที่ผู้หญิงหลายคนขึ้นเขาเพียงลำพัง จากนั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย เขายุผิงมีที่ที่อันตรายอยู่ หากหลงทาง ง่ายต่อการหลงอยู่บนหุบเขา แม้จะตามกู้ภัยมาช่วยหาก็อาจจะหาไม่เจอ ดังนั้นทุกคนต้องเดินตามผมให้มั่น อย่าห่างจากกลุ่มไป”
ไกด์ถือโทรโข่งตะโกนไปยังทุกคน
หลังจากที่อารียาได้ยินคำพูดนี้แล้วนั้น ก็หันไปหารพีพงษ์ กล่าว “ที่แท้คุณไม่ได้โกหกฉัน”
“ผมจะโกหกคุณทำไม เดี๋ยวคุณต้องตามผมให้มั่น ถ้าหลงทาง คุณจะไม่ได้พบผมอีกเลย” รพีพงษ์ยิ้มพลางกล่าว
อารียาเงยหน้า กล่าว “ฉันโง่ขนาดนั้นเลยหรอ”
ทุกคนเริ่มเดินขึ้นเขา เริ่มเดินไปได้ไม่นาน ก็มีสองคนเดินไปยังข้างๆของรพีพงษ์และอารียา นั่นคู่คู่รักเมื่อคืนคู่นั้น
รพีพงษ์ก็ไม่คาดคิดว่าคู่รักคู่นี้จะอยู่ร่วมกลุ่มเดียวกันกับพวกเขา จึงรู้สึกแปลกใจขึ้นมา
“สหาย เมื่อคืนขอโทษจริงๆนะ พวกเราคิดสั้นเกินไป ไม่คาดคิดว่าคุณจะเก่งกาจขนาดนี้ หวังว่าคุณจะไม่เก็บมาใส่ใจ ในเมื่อทุกคนมาเจอกันได้ ถือว่ามีพรหมลิขิตต่อกัน สู้เป็นเพื่อนกันดีกว่า” ฝ่ายชายกล่าว
รพีพงษ์ยิ้มให้เขา ไม่ได้ใส่ใจอะไร ในเมื่ออีกฝ่ายเข้ามาขอโทษ เขาก็ไม่คิดเล็กคิดน้อยใดๆอีกต่อไป
แต่ดูออกว่าฝ่ายหญิงไม่ได้ใจกว้างเหมือนผู้ชาย ราวกับว่ายังลืมเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไม่ได้ แม้ไม่ได้พูดเสียดสีรพีพงษ์แล้ว แต่ก็ยังดูออกว่าไม่พอใจรพีพงษ์อย่างมาก
ทั้งสี่เดินตามหลังไกด์ พลางฟังไกด์เล่าประวัติศาสตร์ของเขายุผิง พลางดูวิวทิวทัศน์
หลังจากผ่านการพูดคุยกันแล้ว รพีพงษ์ได้รู้ว่าคู่รักคู่นี้มาจากเมืองที่ร่ำรวยเมืองหนึ่งทางตอนใต้ ฝ่ายชายบริหารบริษัทส่งของ ถือว่ามีเงิน ฝ่ายหญิงเป็นลูกข้าราชการ สองครอบครัวถือว่าเหมาะสมกันแล้ว
ชายชื่อผลอุทัย หญิงชื่ออรรจยา ครั้งนี้ทั้งสองมาเขายุผิง ก็แค่มาท่องเที่ยวเท่านั้น
ขณะนี้ไกด์ได้เล่าเรื่องเกี่ยวกับพระอาจารย์ท่านนั้นของวัดมังกร ได้ยินมาว่าวันนี้พวกเขาโชคดี ผ่านไปช่วงหนึ่งอาจารย์โอบนิธิจะจัดการแสดง วันนี้ช่วงบ่ายจะมีหนึ่งรอบ
ผลอุทัยยิ้มพลางมองรพีพงษ์ กล่าว “พูดตรงๆ ผมมีความฝันอยากเป็นจอมยุทธ ดังนั้นจึงชอบในศิลปะการต่อสู้เป็นอย่างมาก แต่ไม่เคยได้เจอกังฟูของประเทศจีนจริงๆเสียที”
“ครั้งนี้ที่พวกเรามาเขายุผิง ด้วยเป้าหมายที่สำคัญที่สุด ก็คือมาสักการะอาจารย์โอบนิธิ ผมได้เตรียมเงินไว้เรียบร้อยแล้ว แม้จะทำได้แค่ใส่ชื่อว่าเป็นศิษย์ของอาจารย์โอบนิธิ ก็ต้องมีความสามารถอยู่บ้างล่ะ”
อาจารย์โอบนิธิ ก็คือพระอาจารย์วัดมังกรท่านนั้น
ตอนที่รพีพงษ์ได้ยินอาจารย์โอบนิธิชื่อนี้ ในใจก็รู้สึกประหลาดใจ เพราะในใจเขา คิดว่าการที่ได้เป็นพระอาจารย์ ไม่ควรจะมีฉายาแบบนี้
“ไอ้หยา คุณพูดเรื่องนี้กับพวกเขาทำไม ไหว้อาจารย์โอบนิธิ ไม่ได้เป็นเรื่องง่ายๆ ตอนนี้คุณพูดกับพวกเขาแล้ว ถ้าพวกเขาอยากขอเป็นศิษย์ด้วย นั่นคุณก็มีคู่แข่งเพิ่มขึ้นอีกนะ” อรรยจาขมวดคิ้วพลางพูด
รพีพงษ์ยิ้ม กล่าว “สบายใจได้ ผมไม่สนใจในอาจารย์โอบนิธิ หากอาจารย์ชี่กงเมื่อคืนนั้นเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์โอบนิธิจริงๆ งั้นเขาก็ยังไม่ถึงขั้นให้ผมฝากเนื้อฝากตัวเป็นศิษย์ได้”
อรรจยาบึนปาก กล่าว “ชิ คนเมื่อคืนก็แค่เป็นลูกศิษย์ในนามของอาจารย์โอบนิธิเท่านั้น อาจารย์โอบนิธิตัวจริง ฝีมือยากจะคาดเดา ได้ยินมาว่าเขาใช้เพียงใบไม้ ตัดก้อนหินมาแล้วนะ จะไปเปรียบกับชี่กงอะไรนั่นได้ไงกัน”
รพีพงษ์ยักคิ้ว หากอาจารย์โอบนิธิมีความสามารถแบบนั้นจริงล่ะก็ นั่นก็น่าจะเป็นยอดฝีมือที่แอบแฝงอยู่บนโลกของแดนปรมาจารย์เป็นแน่
“อย่าคิดว่าตอนนี้คุณเก่งกาจนะ รอให้ผลอุทัยเป็นศิษย์ของอาจารย์โอบนิธิก่อน แล้วคุณจะไม่ใช่คู่ต่อกรของเขาอีกต่อไป” อรรจยาพูดต่อรพีพงษ์อย่างสะใจ
รพีพงษ์ได้แต่ยิ้มไม่พูดอะไร แม้อาจารย์โอบนิธิจะเป็นยอดฝีมือแกนปรมาจารย์ ผลอุทัยนับเขาเป็นอาจารย์ ยังไงก็ไม่ได้เป็นคู่ต่อกรของเขาอยู่ดี
ผ่านไปครึ่งวัน ไกด์พานักท่องเที่ยวเดินไปได้ครึ่งทาง อาจเพราะทุกคนรอการแสดงของอาจารย์โอบนิธิวัดมังกร ทุกคนจึงไม่รู้สึกเหนื่อยล้าแต่อย่างใด
เมื่อคืนอารียาได้เห็น“การทำลายล้าง”อันไร้ซึ่งความปราณีของรพีพงษ์แล้ว ตอนที่เดินมาถึงที่นี่ ก็เริ่มทนต่อไปไม่ไหว เธออยากพักสักหน่อย แต่ไกด์เพียงแค่พาผู้คนพักผ่อนแป๊ปเดียว จากนั้นก็เดินเขาต่อ
“พวกเราพักที่นี่สักหน่อยล่ะกัน ไม่จำเป็นต้องตามพวกเขาตลอด ไกด์อธิบายก็ไม่ค่อยดี” รพีพงษ์ยิ้มพลางมองอารียา ยื่นมือไปเช็ดเหงิ่อที่หน้าผากของเธอ
อารียามองรพีพงษ์ด้วยความโมโห กล่าว “โทษคุณนั่นแหละ ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ ตอนนี้ฉันก็ไม่ต้องเหนื่อยขนาดนี้”
“ภรรยาที่รัก ผมผิดไปแล้ว เดี๋ยวผมแบกคุณไปเป็นไง” รพีพงษ์รีบยอมรับผิด
อารียามองบน แล้วหาก้อนหินก้อนใหญ่ นั่งลง
ตอนที่อารีนาพักผ่อนนั้น รพีพงษ์ก็เดินไปมารอบๆ เพื่อดูสิ่งแวดล้อมรอบข้าง ไม่นาน รพีพงษ์ก็อยู่ที่ก้อนหินใหญ่ข้างๆ พบว่ามีถนนเส้นเล็กๆ สามารถผ่านไปยังวัดเล็กๆด้านหลังของเขาได้
หากไม่สังเกตดีๆล่ะก็ ไม่มีใครเห็นแน่ว่ามีวิวทิวทัศน์ที่แอบซ่อนอยู่
“ภรรยา คุณรีบมาดูนี่สิ นี่มีวัดเล็กๆซ่อนอยู่” รพีพงษ์โบกมือเรียกอารียา
ตอนนี้อารียาพักผ่อนมาได้สักพักแล้ว ก็เดินไปที่รพีพงษ์
หลังจากที่เธอเห็นวัดเล็กๆที่ซ่อนอยู่หลังเขาแล้วนั้น ก็ตาลุกวาวขึ้นมา เหมือนกับกำลังเล่นเกมส์แล้วเห็นของที่ซ่อนอยู่อย่างไรอย่างนั้น
“พวกเราเดินไปดูกัน” อารียาเดินไปตรงนั้นโดยตรง
รพีพงษ์รีบตามไป อยากรู้ว่าวัดเล็กๆนี้เอาไว้ทำอะไร
ในขณะเดียวกันนี้เอง ในวัด มีคนหัวล้านสวมชุดฉางผาวมองออกมานอกหน้าต่าง
“รีบเตรียมตัว มีเหยื่อมาแล้ว ดูๆไป เป็นของดีเสียด้วย แม่จะมีปัญหา แต่ก็ไม่ใหญ่มาก คนหนึ่งโบกมือ ให้อาจารย์มา ถ้าอาจารย์ดีใจ ไม่แน่อาจสอนวิชากังฟูเพิ่มให้พวกเราก็ได้นะ”