พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่766 อาจารย์โอบนิธิ

บทที่766 อาจารย์โอบนิธิ

บทที่766 อาจารย์โอบนิธิ

เจ้าอาวาสรู้ว่าตัวเองไม่ใช่คู่ต่อกรของรพีพงษ์ ตอนนี้มือขาของเขาหักไปอย่างล่ะข้าง แม้คิดจะหนีก็หนีไม่รอด ดังนั้นจึงทำได้เพียงอ้อนวอนรพีพงษ์ “ไม่กล้า ไม่กล้า ฉันจะบอกคุณทุกอย่าง ได้โปรดปล่อยฉันไป”

จากนั้น เจ้าอาวาสก็บอกรพีพงษ์ว่าอารียาได้ถูกส่งขึ้นไปบนวัดมังกรแล้ว นักบวชสองคนนั้นจะมอบอารียาให้กับอาจารย์โอบนิธิ อาจารย์โอบนิธิจะทำอย่างไรกับอารียานั้น พวกเขามิอาจรู้ได้

รพีพงษ์หน้าตาบูดบึ้ง จากนั้นได้ถามประวัติของอาจารย์โอบนิธิ เจ้าอาวาสได้เล่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ตัวเองรู้ให้รพีพงษ์ฟัง ไม่ปิดบังแต่อย่างใด

ที่แท้อาจารย์โอบนิธิอะไรนี่ เป็นนักศิลปะการต่อสู้โบราณ ฝีมือถึงแดนปรมาจารย์ ฝีมือระดับเขา แม้ในโลกของศิลปะการต่อสู้โบราณ ก็น่าจะได้รับการดูแลเป็นพิเศษ

แต่เป็นเพราะสไตล์การใช้ชีวิตของเขา ได้เอาภรรยาของนายใหญ่ของตระกูลขุนนางทำเป็นเมีย เมื่อเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกไป อาจารย์โอบนิธิได้ถูกนายใหญ่ของตระกูลขุนนางไล่ฆ่า หาทางออกไม่ได้ เขาทำได้เพียงหลบหนีไปจากที่นี่

ต่อมาเขายุผิงเปิดแหล่งท่องเที่ยว ผู้พัฒนารู้จักอาจารย์โอบนิธิโดยบังเอิญ รู้ว่าเขาเป็นนักศิลปะการต่อสู้ที่ฝีมือดี ก็ได้ปรึกษากับอาจารย์โอบนิธิว่าจะสร้างวัดมังกรขึ้น

อาจารย์โอบนิธิหนีมาจากตระกูลขุนนาง เพราะกลัวจะโดนไล่ตามถึงที่ รู้สึกว่าไปเป็นพระบนเขาก็ไม่ใช่สิ่งที่เลวร้ายอะไร ดังนั้นจึงได้ตอบตกลงนักพัฒนาไป

นักพัฒนาสร้างให้ อาจารย์โอบนิธิเป็นพระอาจารย์ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวมาเทีย่วที่เขายุผิง

ชีวิตของอาจารย์โอบนิธิบนเขานี้ไม่ขาดแคลนใดๆ เพียงแค่ค่าธูปก็พอที่จะให้เขาได้มีชีวิตไปหลายชั่วอายุแล้ว ปัญหาเดียวคือในวัดไม่มีผู้หญิง อาจารย์โอบนิธินี่เป็นคนลามก จึงเพ่งเล็งไปที่ผู้หญิงวัยรุ่นที่มาเที่ยวที่นี่

ผู้หยิงที่หายตัวไปก่อนหน้านี้ไม่ใช่เพราะหลงทาง ล้วนเป็นเพราะเห็นวัดเล็กนั้น แล้วมาเพียงคนเดียวอีก จึงได้เข้าทางของอาจารย์โอบนิธิ

ถ้าผู้ชายเห็นวัดเล็กนั้น คนด้านในไม่มีทางเปิดประตูออกให้แน่นอน

เมื่อฟังอธิบายจบ รพีพงษ์ก็ยิ่งโมโห ไม่คาดคิดว่าพระอรหันต์แบบนี้จะเลวน่ารังเกียจได้ขนาดนี้

พระอาจารย์มองรพีพงษ์อย่างระส่ำระสาย กล่าว “น้องชาย ฉันได้พูดทุกอย่างที่ฉันรู้ให้ฟังหมดแล้ว หนึ่งในนั้นเป็นความลับที่อาจารย์โอบนิธิไม่เผยแพร่ คุณได้หักแขนขาของฉันแล้วอย่างล่ะข้าง ได้โปรดปล่อยฉันไปด้วยเถิด”

รพีพงษ์ก้มหน้ามองเขา กล่าวอย่างดูแคลนว่า “ไว้ชีวิตแก ให้แกไปทำลายชีวิตคนอื่นต่องั้นหรอ? เมื่อเทียบแกกับอาจารย์โอบนิธิแล้ว ก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเลย แกไปรอที่นรกก่อนแล้วกัน ไม่นาน อาจารย์โอบนิธินั่นก็จะตามแกไป”

พูดจบ รพีพงษ์ก็บีบคอของเจ้าอาวาส ใช้แรงบิด หันคอไป

จากนั้นรพีพงษ์ก็ออกมาจากวัดเล็กนั้น แล้วลอยไปยังบนยอดเขาอย่างรวดเร็ว

อาจารย์โอบนิธิมีการแสดงรอบบ่าย น่าจะไม่มีเวลาทำอะไรอารียา ถ้าเขาไปเร็วกว่านี้ ก็สามารถหยุดสิ่งที่ไม่คาดคิดที่จะเกิดขึ้นกับอารียาไว้ได้

……

วัดมังกร

อาจารย์โอบนิธิอยู่ในสนามคนเดียว นักบวชทั้งสองเอาอารียาที่ผูกติดอยู่กับเก้าอี้วางลง แอบไว้ในห้อง

ขณะนี้ประตูของห้องถูกเปิดออก พระรูปหนึ่งสวมชุดจีวรสวยหรู ใบหน้าทรงกลม กำลังเดินเข้ามา นั่นคืออาจารย์โอบนิธิ

นักบวชทั้งสองรีบหันหลัง โค้งคำนับให้กับอาจารย์โอบนิธิ หนึ่งในนั้นกล่าว “อาจารย์ ครั้งนี้ต้องถูกใจอาจารย์แน่นอน ครั้งนี้มันของดีชัดๆ”

อาจารย์โอบนิธิตาเป็นประกาย จากนั้นก็เดินไปที่เก้าอี้นั่น ตั้งใจมองไปยังอารียาที่กำลังสลบอยู่ ยิ้มพลางกล่าว “เป็นของดีจริงๆด้วย ครั้งนี้จะขอสบายตัวสักครั้ง แต่บ่ายนี้ฉันมีการแสดง คนสวย ฉันทำได้แค่รอให้การแสดงจบก่อนแล้วถึงจะมาให้ความสุขคุณได้นะ”

พูดจบ อาจารย์โอบนิธิมองไปยังนักบวชสองคน แล้วกล่าว “เอาเธอไปขังไว้ในห้องลับก่อนละกัน ครั้งนี้พวกแกทำได้ไม่เลว มีของรางวัลให้พวกแก พรุ่งนี้มาที่ห้องฉัน ฉันจะถ่ายทอดกังฟูให้”

นักบวชทั้งสองดีใจ หลังจากที่คำนับอาจารย์โอบนิธิแล้วนั้น ก็พาอารียาไปยังห้องลับที่อาจารย์โอบนิธิกล่าวไว้

ณ ลานวัดมังกร

ขณะนี้มีแขกจำนวนนับไม่ถ้วนรวมตัวกันอยู่ที่นี้แล้ว ทุกคนล้วนกำลังรองานหลักของวันนี้ อาจารย์โอบนิธิ

ไกด์คนนั้นที่ก่อนหน้านี้รพีพงษ์ได้เดินตามขณะนี้ได้พาลูกทัวร์ของตัวเองมาถึงจุดนัดพบแล้ว เพราะไกด์คนนี้ค่อนข้างแพง ดังนั้นที่ที่ได้จึงค่อนข้างอยู่ด้านหน้า

หลังจากที่ผลอุทัยและอรรจยาทั้งสองยืนอยู่กับที่ ด้วยการรอคอย เพราะการดูการแสดงของอาจารย์โอบนิธินั้นเป็นเรื่องที่พวกเขารอมานานแล้ว แล้วผลอุทัยยังรอให้การแสดงจบก่อนจากนั้นจะไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์กับอาจารย์โอบนิธิ

“น่าแปลกใจจริงๆ ทำไมภายหลังไม่เห็นรพีพงษ์กับภรรยาเขาแล้วล่ะ แม้พวกเขาจะตามไม่ทัน ตอนนี้ก็น่าจะไล่ทันแล้วนะ หรือพวกเขาไม่สนใจในการแสดงของอาจารย์โอบนิธิหรอ?” ผลอุทัยกล่าวอย่างสงสัย

“จะสนทำไม คุณคิดดีกว่าว่าอีกเดี๋ยวเจออาจารย์โอบนิธิแล้วจะพูดอะไร” อรรจยาหันไปพูดกับผลอุทัย

ผลอุทัยพยักหน้า ตอนนี้ไม่ใช่ช่วงเวลาที่จะสนใจคนอื่นจริงๆ

“รพีพงษ์นั่นไม่ชอบอาจารย์โอบนิธิไม่ใช่หรอ ไม่แน่เขาอาจจะกลัวว่าคำพูดที่เขาพูดเหล่านั้นจะไปเข้าหูอาจารย์โอบนิธิได้ กลัวว่ามาถึงนี่แล้วจะถูกอาจารย์โอบนิธิจัดการ” อรรจยาพึมพำ

ผ่านไปไม่นาน คนที่มือข้างหนึ่งถือไมโครโฟนไว้ปรากฏตัวบนเวที คนนี้คือพิธีกรของการแสดงของอาจารย์โอบนิธิ รับผิดชอบสร้างบรรยากาศในงาน

พิธีกรพูด ทำเอาการรอคอยของทุกคนในงานเริ่มรอไม่ไหว จากนั้นเขาก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง เชิญอาจารย์โอบนิธิขึ้นเวทีทันที

ตอนนี้อาจารย์โอบนิธิยืนอยู่บนยอดอุโบสถ ทุกคนล้วนประหลาดใจ

จากนั้น อาจารย์โอบนิธิก็ลงมาจากยอดอุโบสถ ลอยลงมา ยังกลางสนาม ทุกคนที่เห็นเริ่มคึกคักขึ้นมา

เพื่อศักดิ์ศรีของตนเอง อาจารย์โอบนิธิไม่พูดอะไรมาก เริ่มการแสดงของตัวเองโดยตรง

เขาปล่อยหมัดวิเศษต่อหน้าผู้คน จากนั้นก็ทำการแสดงใช้มือทุบก้อนหินแตก ใบไม้สับก้อนหิน เข็มทะลุก้อนหินเป็นต้น

ทุกคนในเหตุการณ์ล้วนปรบมือไม่ขาดสาย ส่งเสียงไม่หยุด คนจำนวนไม่น้อยที่เมื่อดูการแสดงของจารย์โอบนิธิจบแล้วนั้น ก็อยากจะไหว้ครู มีบางคนก็โทรหาครอบครัวในตอนนั้น ว่าให้พวกเขาโอนเงินมา วันนี้จะไหว้ครู

อรรจยาจ้องอาจารย์โอบนิธิอย่างเลื่อมใส กล่าว “อาจารย์โอบนิธิเก่งกาจขนาดนี้ รพีพงษ์จะเทียบกับท่านได้ไงกัน ถ้าตอนนี้รพีพงษ์อยู่ที่นี่ล่ะก็ ให้เขาขึ้นไปต่อสู้กับอาจารย์โอบนิธิ เขาจะต้องตกใจจนเยี่ยวราดแน่ๆ”

เธอเพิ่งพูดจบ เสียงที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังก็ดังขึ้นมาสะท้านวัดมังกร

“ไอ้หัวล้านไร้ยางอาย! เอาเมียฉันคืนมา ไม่งั้นฉันจะทำลายล้างวัดมังกรของแกซะ!”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท