พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่767 กลัวว่าแกจะไม่มีปัญญานะสิ

บทที่767 กลัวว่าแกจะไม่มีปัญญานะสิ

ทที่767 กลัวว่าแกจะไม่มีปัญญานะสิ

ทุกคนในงานล้วนตกใจกับเสียงที่ดังขึ้น จากนั้นก็หันหน้าไปยังต้นตอของเสียง

เห็นเพียงรพีพงษ์ที่กำลังเกรี้ยวกราด ตาสองข้างแสดงออกถึงความโกรธแค้น ยืนอยู่กับที่ จ้องมองไปที่อาจารย์โอบนิธิอย่างไม่ละสายตา

ผลอุทัยและอรรจยาทั้งสองมองไปยังคนที่ท้าทายอาจารย์โอบนิธิคาดไม่ถึงว่าจะเป็นรพีพงษ์ ล้วนรู้สึกประหลาดใจ

“นี่มันบ้าไปแล้วหรือเปล่า มาหาเรื่องอาจารย์โอบนิธิถึงนี่ นี่มันหาที่ตายชัดๆ?” อรรจยามองรพีพงษ์เหมือนมองคนบ้าอย่างไรอย่างนั้น

ผลอุทัยขมวดคิ้ว กล่าว “เมื่อกี๊คุณได้ยินที่เขาตะโกนว่าอะไรไหม? ทำไมเขาต้องให้อาจารย์โอบนิธิคืนภรรยาเขา หรือภรรยาเขาหายไป?”

“แม้ภรรยาเขาจะหายไป เขาไม่ไปแจ้งตำรวจ แล้วมาหาเรื่องอาจารย์โอบนิธิ หรืออาจารย์โอบนิธิพระอรหันต์ยังพาภรรยาเขามาได้” อรรจยาเหยียดหยาม

อาจารย์โอบนิธิก็มองไปที่รพีพงษ์ ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

“โยมท่านนี้ หากคุณเจอปัญหา บอกกับฉันดีๆ ฉันจะช่วยคุณ อย่ามาโมโหเกรี้ยวกราดขนาดนี้” อาจารย์โอบนิธิตะคอกใส่รพีพงษ์

“หยุดแม่งตอแหลได้ล่ะ แกไอ้จอมปลอม รีบคืนภรรยากูมาเดี่ยวนี้ ไม่งั้นกูจะเอามึงตาย!” รพีพงษ์กัดฟันพูด

อาจารย์โอบนิธิมองไปรอบๆ เหมือนกับจะเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว ชายคนนี้ น่าจะเป็นสามีของของดีที่ส่งมาให้นั้น

เขาด่าลูกน้องว่าทำงานไม่ดี ปล่อยสามีของของดีนี้ไว้ได้ไง แต่ใบหน้าก็ยังคงดูสุภาพเหมือนเดิม

“โยม หากคุณหาภรรยาไม่เจอ ฉันจะให้นักบวชของวัดช่วยตามหา แต่นี่คุณมาใส่ร้ายป้ายสีกัน เกรงว่าไม่ถูกต้องนะ” อาจารย์โอบนิธิกล่าว

หลังจากที่ทุกคนได้ยินคำพูดของอาจารย์โอบนิธิแล้วนั้น ก็รู้สึกว่ารพีพงษ์เป็นคนหาเรื่องโดยไร้เหตุผลอย่างมาก ภรรยาของตัวเองหาย แล้วมาหาเรื่องอาจารย์โอบนิธิ หน้าด้านจริงๆ

“ภรรยาคุณหายแล้วยังไม่รีบไปตามหาอีก มาหาเรื่องอะไรอาจารย์โอบนิธิ อาจารย์โอบนิธิเป็นพระอรหันต์ จะสนใจภรรยาคุณได้ไงกัน”

“ใช่ คุณรีบไปเถอะ อย่ามาขัดขวางการแสดงของอาจารย์โอบนิธิ เดี๋ยวยั่วโมดหอาจารย์โอบนิธิ อาจารย์โอบนิธิตบคุณตายเลยนะ!”

รพีพงษ์เห็นทุกคนออกหน้าแทนไอ้อาจารย์โอบนิธิบ้านั่น ก็ยิ่งทวีความโกรธ ก็เริ่มลอยตัว แล้วเหยียบไหล่ของผู้คนที่อยู่หน้างาน ไปยังด้านหน้าของอาจารย์โอบนิธิ

“ในเมื่อพวกมันถูกไอ้เชี้ยนี่ทำให้หน้ามืดตามัว งั้นกูจะกระชากหน้าของมึงออกซะ ให้พวกมันได้เห็นว่ามึงอะเป็นไอ้อัปรีย์แบบไหนกัน!”

อาจารย์โอบนิธิเห็นรพีพงษ์ไม่ยอม ก็หลับตาลง จากนั้นก็ดูแคลน ในใจคิดว่ารนหาที่ตายเอง เขาก็ไม่ต้องคิดหาวิธีอื่นแล้ว เขาต้องการจะต่อสู้กับตนให้ได้ งั้นตนก็จะฉวยโอกาสนี้ฆ่ามันซะ ไม่ดูตาม้าตาเรือ ถ้ารพีพงษ์ถูกต่อยตาย ก็ไม่เกี่ยวกับเขา

“โยม ถ้าโยมไม่พอใจในตัวฉัน อยากต่อสู้ ฉันก็จะต่อยจนสุดทาง ถ้าวันนี้แกได้รับบาดเจ็บ อย่าหาว่าฉันไม่เตือน” อาจารย์โอบนิธิกล่าว

รพีพงษ์ตั้งท่าต่อสู้ กล่าว “กลัวว่ามึงจะไม่มีปัญญาต่อสู้นะสิ”

ทุกคนเห็นรพีพงษ์จะต่อสู้กับอาจารย์โอบนิธิจริงๆ ก็ล้วนยิ้มอย่างมีเลศนัย พวกเขาที่เพิ่งเห็นความเก่งกาจของอาจารย์โอบนิธิเมื่อกี๊ก็ไม่คิดว่ารพีพงษ์ที่ไม่รู้มาจากที่ไหนจะเป็นคู่ต่อกรกับอาจารย์โอบนิธิได้

“อาจารย์โอบนิธิใช้ใบไม้ตัดหินได้ แล้วนี่ยังจะอยากต่อสู้กับอาจารย์โอบนิธิ รนหาที่ตายชัดๆ”

“พอดีเลยเราก็จะได้ฉวยโอกาสนี้ดูฝีมือของอาจารย์โอบนิธิ หวังว่าไอ้นี่จะอดทนเก่งนะ ไม่ใช่โดนตบเดียวแล้วตายล่ะ”

อรรจยาดูแคลน พูดกับผลอุทัยที่อยู่ข้างๆว่า “ไอ้นี่มันคงไม่ใช่สติไม่ดีจริงๆหรอกนะ ยังจะไปต่อกรกับอาจารย์โอบนิธิอีก เขามั่นใจตัวเองเกินไปหรือเปล่า”

ผลอุทัยส่ายหัวอย่างเบื่อหน่าย กล่าว “มันบ้าบิ่นไปล่ะ ไม่คิดถึงผลที่จะตามมาเลย”

รพีพงษ์ไม่พูดพร่ำทำเพลง พุ่งไปหาอาจารย์โอบนิธิทันที พลังวิเศษเสนวนอยู่ในร่างกาย หมัดที่ปล่อยไปพุ่งไปยังร่างของอาจารย์โอบนิธิ

อาจารย์โอบนิธิรับรู้ได้ถึงพลังในหมัดนี้ของรพีพงษ์ ในร่างกายได้รวบรวมกำลังภายใน มาต่อกรกับรพีพงษ์ สิ่งที่ทำให้เขาไม่คาดคิดคือ หมัดนี้ของรพีพงษ์เต็มไปด้วยพลังที่เต็มเปี่ยม ไม่คิดว่าท่านั้นของเขาที่ปล่อยออกไปจะไม่สามารถลดพลังของหมัดรพีพงษ์ได้เลย

ร่างของเขาลอยไปด้านหลัง ใช้แรงอย่างมากจึงจะสามารถทนต่อหมัดของรพีพงษ์ได้

ตอนนี้สีหน้าของเขากับเมื่อกี๊ต่างกันมาก เขาจ้องไปที่รพีพงษ์อย่างคิดไม่ถึง แล้วกล่าว “แกก็เป็นแดนปรมาจารย์?”

รพีพงษ์ดูแคลน ไม่ได้ให้โอกาสอาจารย์โอบนิธิได้หายใจ ได้เข้าไปใกล้เขาอีกครั้ง ปล่อยหมัดไปรัวๆ

จากเมื่อกี๊ที่ได้แลกหมัดกัน ทำให้รพีพงษ์รับรู้ได้ว่า ฝีมือของอาจารย์โอบนิธิก็ไม่ต่างจากจิรภาส ถึงขั้นเทียบไม่ได้กับชินาธิป

เศษเดนแบบนี้ยังกล้าสนใจในภรรยาเขาอีก วันนี้เขาจะต้องใช้ความสามารถทำให้อาจารย์โอบนิธิรู้ ว่าอะไรคือเสียใจ

หลังจากที่ทุกคนกำลังมองรพีพงษ์และอาจารย์โอบนิธิต่อสู้กันนั้น ใบหน้าที่ดูถูกรพีพงษ์ก็หายไปในทันใด กลายเป็นตะลึงทั้งหมด

รพีพงษ์ไม่เพียงไม่ถูกอาจารยย์โอบนิธิตบทีเดียวตาย แต่กลับเป็นพอขึ้นไปแล้วตบอาจารย์โอบนิธิจนเป็นฝ่ายเสียเปรียบ นี่มันต่างจากสิ่งที่พวกเขาคิดไว้ทั้งหมด

ผลอุทัยและอรรจยาทั้งสองล้วนมองอาจารย์โอบนิธิที่กำลังประลองกับรพีพงษ์อย่างไม่ละสายตา จนกระทั่งตอนนี้ พวกเขาเพิ่งจะรู้ ว่ารพีพงษ์คือยอดฝีมือที่แท้จริง แม้จะเป็นอาจารย์โอบนิธิก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา

อรรจยารู้สึกผิด นึกถึงท่าทีของตนที่มีต่อรพีพงษ์ ก็เริ่มรู้สึกเสียใจ

“ฝีมือแค่นี้ของมึง แล้วยังจะอะไรพระอรหันต์นั่นอีก กูว่ามึงกลับไปในท้องแม่มึงเสียเถอะ!”

รพีพงษ์ตะคอกอาจารย์โอบนิธิ จากนั้นก็ตบไปที่หน้าแกของเขา อาจารย์โอบนิธิถูกรพีพงษ์เล่นงานจนรับมือไม่ทัน หลังจากที่ตบไปที่หน้าอกเขาแล้ว ก็อ้วกพุ่งออกมาเป็นเลือด อาจารย์โอบนิธิล้มลงกับพื้น

“แก……แกเป็นใครกันแน่?”

รพีพงษ์เดินไปยังข้างหน้าของอาจารย์โอบนิธิ จ้องเขาแล้วกล่าว “ไม่ต้องสนว่ากูเป็นใครรีบเอาเมียกูคืนมา ไม่งั้นกูจะฆ่ามึงเดี๋ยวนี้!”

“ให้ คืนให้ อย่าใจร้อน ฉันจะพาไปเดี๋ยวนี้” อาจารย์โอบนิธิไม่ลังเล รีบตอบตกลงรพีพงษ์

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท