พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่769 ของรัก

บทที่769 ของรัก

บทที่769 ของรัก

เสียงร้องครวญครางดังมาจากคุกใต้ดิน ร่างกายของอาจารย์โอบนิธิอ่อนแรงลง เลือดไหลออกมาจากเป้าเขาโดยตรง

เหล่าผู้หญิงที่กำลังมองเหตุการณ์อยู่ไม่ไกลล้วนปิดตาตัวเองทั้งหมด

อาจารย์โอบนิธิเจ็บปวด จนเสียงเปลี่ยนเป็นเสียงแหลม เขากำลังมองรพีพงษ์ที่ท่าทีเยือกเย็นยืนอยู่ตรงหน้าตัวเองอย่างเสียใจ คิดว่าเขาเป็นปีศาจที่มาจากแดนนรก

รพีพงษ์ก้มหน้ามองอาจารย์โอบนิธิ แล้วถาม “ไง รู้สึกยังไง? ตอนนี้ต้นเหตุได้ถูกจัดการแล้ว ต่อไปไม่อยากทำเรื่องแบบนั้นแล้วใช่ไหม?”

“ไม่กล้าแล้ว ฉันไม่กล้าทำอีกต่อไปแล้ว” อาจารย์โอบนิธิใกล้จะร้องออกมาแล้ว

รพีพงษ์หัวเราะ กล่าว “ตอนนี้พูดแบบนี้ก็ไม่มีความหมายอะไรอีกต่อไปแล้ว แกไม่มีทางมีอนาคตอีกต่อไปแล้ว”

ร่างกายของอาจารย์โอบนิธิสั่น แล้วรีบอ้อนวอนขอรพีพงษ์ว่า “น้องชาย ไว้ชีวิตฉันเถอะ คุณดูสิฉันเป็นแบบนี้แล้ว เป็นไอ้สวะจริงๆแล้ว การลงโทษแบบนี้ยังไม่พออีกหรอ? ไว้ชีวิตฉันหน่อยเถอะ อนาคตแม้ฉันจะไปเป็นขอทาน ก็จะไม่ทำเรื่องแบบนี้แล้ว”

รพีพงษ์ดูแคลน กล่าว “เรื่องที่มึงทำ ชดใช้ด้วยสิบชีวิตก็ไม่พอ ให้กูไว้ชีวิตมึง? ฝันไปเถอะ!”

อาจารย์โอบนิธิมองไปรอบๆ แล้วกล่าว “เพียงแค่คุณไว้ชีวิตฉัน ฉันสามารถมอบของที่ฉันรักทุกอย่างให้คุณ”

“ขอโทษ กูไม่สนใจวะ” รพีพงษ์กล่าว

“คุณอย่าเพิ่งพูดแบบนี้ รอให้คุณเห็นของรักของฉันก่อน คุณไม่มีทางพูดแบบนี้แน่ ฉันรับรอง ว่าเป็นของดีแน่นอน” อาจารย์โอบนิธิกล่าว

รพีพงษ์กลอกตา แล้วกล่าว “เอาออกมาให้กูดู”

อาจารย์โอบนิธิชี้ไปที่ตู้เหล็ก แล้วกล่าว “อยู่ในตู้เหล็กนั่น ตอนนี้ฉันเป็นแบบนี้แล้ว ขยับไม่ได้แล้ว ดังนั้นรบกวนน้องชายไปหยิบเองแล้วกัน แต่วางใจได้ ที่นั่นไม่มีปุ่มกดอะไรแน่นอน ถ้าไม่เชื่อถามผู้หญิงพวกนั้นก็ได้ พวกเธอมักจะเห็นฉันเปิดตู้นั้นบ่อยๆ”

รพีพงษ์หันไปมองผู้หญิงพวกนั้น หญิงเหล่านั้นพยักหน้าให้รพีพงษ์ แสดงท่าทีว่าเชื่อได้

รพีพงษ์เดินไปด้านหน้าของตู้นั้น จ้องไปที่ตู้ พบว่าไม่ได้ล็อคไว้ คิดว่าแม้อาจารย์โอบนิธิจะมีเล่ห์กลมากมาย ก็ไม่มีทางพึ่งตู้นี้หลอกคนได้ ดังนั้นจึงยื่นมือไปเปิดตู้นั้น

ด้านในไม่มีปุ่มกดอะไรจริงๆ ด้านในมีผ้าห่อสีดำวางอยู่

รพีพงษ์ยื่นมือไปหยิบผ้าห่อดำนั้น วางไว้บนตู้ เปิดดู พบว่าด้านในมีขวดสามใบ หยกก้อนใหญ่ และไม้สีดำ

ไม่รู้ว่าทำไม หลังจากที่รพีพงษ์เห็นไม้สีดำนี้แล้ว รู้สึกสบายตัว ผ่อนคลายขึ้นอย่างมาก

“พวกนี้มันคืออะไร?” รพีพงษ์ถาม

อาจารย์โอบนิธิไม่ปิดบัง กล่าว “หนึ่งในขวดหยกสามใบนั้น ได้บรรจุ ยาพิษเมื่อกี๊ ที่ข้างบนเขียนคำว่ายาพิษไว้ก็คือขวดนั้นแหละ แม้ไม่รู้ว่าทำไมยาพิษนี้ไม่มีฤทธิ์กับคุณ แต่เมื่อก่อนฉันใช้มันกับอาจารย์ ไม่เคยพลาดมาก่อน”

“ข้างบนเขียนว่าถอนพิษ ก็คือยาถอนพิษของยาพิษนั้น สามารถให้คนที่โดนยาพิษหายเป็นปกติได้ และที่ด้านบนเขียนว่าพลังคำนี้ ได้ใส่ยาเพิ่มพลังไว้ มีทั้งหมดสามอัน เมื่อนานมาแล้ว ฉันได้ใช้ไปหนึ่งอัน ดังนั้นในขวดจะเหลือสองอัน แม้ฉันจะไม่รู้ว่ายานี้เรียกว่าอะไร แต่ผลลัพธ์ของยา ดีกว่ายาเม็ดไอกิแดนอีก แต่ผลข้างเคียงคือมีพลังเกินไป”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของอาจารย์โอบนิธิ สายตาของรพีพงษ์ก็มองไปยังขวดที่เขียนว่าพลังอยู่หลายครั้ง แม้จะเคยได้ยินยาเม็ตไอกิแดน ก่อนหน้านี้เขาได้กินยาเม็ตไอกิแดนนี้ต่อสู้กับปภาวิชญ์ รู้ถึงความสามารถของตัวยาดี

หากเป็นไปตามที่อาจารย์โอบนิธิพูดจริงล่ะก็ ยาที่ใส่ไว้ในขวดนี้ดีกว่ายาเม็ตไอกิแดนเสียอีก และถ้าผลข้างเคียงคือมีพลังเกินไปล่ะก็ ยานี้ถือเป็นของล้ำค่าที่หาได้ยากจริงๆ

เพราะไม่มีผลข้างเคียงที่ทำให้หลอดเลือดแตก ยาแบบนี้สามารถใช้เป็นยาเพิ่มพลังชีวิตได้ ใช้ในตอนที่ต้องต่อสู้กับศัตรู

อาจารย์โอบนิธิอยู่อย่างสงบในวัดมังกรมานาน ไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าจะมียอดฝีมือที่น่าเกรงขามอย่างรพีพงษ์มาถึงที่ได้ ดังนั้นจึงไม่ได้พกยาติดตัวไว้

“หยกและไม้ดำก้อนนี้ใช้ทำอะไร?” รพีพงษ์ถาม

“หยกนั้นใช้ทำอะไรฉันไม่ค่อยมั่นใจ แต่ฉันเคยสอบถามมาก่อนแล้ว วัสดุของหยกนี้หาได้ยาก ใช้เงินซื้อก็ซื้อไม่ได้ และถ้าติดตัวไว้นานๆก็จะมีประโยชน์ต่อร่างกาย” อาจารย์โอบนิธิกล่าว

รพีพงษ์บึนปาก ไม่ค่อยเชื่อในสิ่งเหล่านี้เท่าไหร่ แต่ดูๆไปแล้วหยกนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ พูดว่าเป็นสิ่งล้ำค่าก็ไม่เลว

“ไม้ดำนั้น เพียงแค่คุณใช้เวลาจ้องมองมันนานๆ คุณจะรู้สึกผ่อนคลาย ทำให้ตัวเองรู้สึกว่าสงบเยือกเย็นสุดๆ ฉันไม่รู้ว่าไม้นี้มีที่มาจากไหน แต่ของสิ่งนี้ให้ผลลัพธ์เกินกว่าจะคาดเดาได้ และฉันคิดว่าไม้นี้น่าจะเป็นยาล้ำค่าอะไรสักอย่าง ถ้าอนาคตคุณรู้ที่มาของมัน ไม่แน่อาจมีประโยชน์อย่างมหาศาลก็ได้นะ” อาจารย์โอบนิธิกล่าวต่อ

รพีพงษ์จ้องไปที่ไม้นั้น รู้สึกว่าตัวเองผ่อนคลายลงอีกครั้ง สำหรับการผ่อนคลายของสิ่งนี้ มีประโยชน์อย่างมาก

“มึงเอาของพวกนี้มาจากไหน?” รพีพงศ์จ้องไปที่อาจารย์โอบนิธิแล้วมองของในถุงว่าเป็นของดีจริงๆ

“เอาจริงๆ ของที่อยู่ในถุงนี้ทั้งหมด รวมทั้งถุงนี้ด้วย เป็นตอนที่ฉันถูกตามไล่ฆ่า แล้วแอบในหุบเขาลึก เจอในถ้ำๆหนึ่ง ในถ้ำมีโครงกระดูก ที่อยู่ที่นั่นมาหลายปีแล้ว ถึงนี้พบเจอบนโครงกระดูก”อาจารย์โอบนิธิอธิบาย

รพีพงษ์ไตร่ตรองสักครู่ ถ้าเป็นเมื่อก่อน เรื่องที่จะเจอของดีหรือของลี้ลับในถ้ำนั้น เขาไม่มีทางเชื่อ คิดว่าเรื่องแบบนี้มีแค่ในนิยายเท่านั้น แต่หลังจากที่ได้เข้ามาในโลกของศิลปะการต่อสู้แล้วนั้น รพีพงษ์รู้สึกว่าเรื่องแบบนี้ไม่ใช่จะเป็นไปไม่ได้

เพราะศิลปะการต่อสู้และตระกูลส่วนใหญ่มักเลือกที่จะหลบซ่อน บางสำนักถึงขั้นย้ายไปในป่าลึก ในถ้ำมีของแบบนี้เกิดขึ้นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

แต่รพีพงษ์ค่อนข้างแปลกใจว่าโครงกระดูกในถ้ำนั้นมาได้ยังไง ในถุงนี้ ใช้เพิ่มพลังให้กับคนแล้วยังมีผลข้างเคียงคือจะมีพลังเกินไปอีก นี่ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาพึงจะมี

ไม่คิดมาก รพีพงษ์มัดถุงนั้นไว้ ติดไว้กับร่างกายของตัวเอง

อาจารย์โอบนิธิเห็นรพีพงษ์หยิบของพวกนี้ไป ก็มีความหวังขึ้น แล้วกล่าว “ฉันได้ให้ของรักทุกอย่างไปกับคุณแล้ว ตอนนี้ปล่อยฉันไปได้หรือยัง?”

รพีพงษ์หันไปมองอาจารย์โอบนิธิ กล่าว “ใครบอกมึงว่ากูเอาของพวกนี้ไป แล้วจะปล่อยมึง?”

สีหน้าของอาจารย์โอบนิธิเปลี่ยนไป แล้วกล่าวอย่างตกใจว่า “แกไอ้เลวทรามต่ำช้า หลอกกู!”

“ต่ำช้า? ถ้าพูดจริงๆ แค่นี้มันเทียบกับสิ่งที่มึงทำไม่ได้หรอก? มึงทำความชั่ว ผู้หญิงเหล่านี้ถุกมึงทำลาย มึงคิดว่ากูจะปล่อยมึงไป?”

“กูจะพามึงออกไป ให้คนภายนอกได้เห็น มึงไอ้พระอรหันต์อะไรนั่น น่ารังเกียจมากขนาดไหน!”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท