พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่776 ขยะแขยง

บทที่776 ขยะแขยง

บทที่776 ขยะแขยง

หลังจากที่คำรนได้ยินรพีพงษ์พูดแล้วนั้นก็เหยียดหยามอย่างรุนแรง อยากให้เขาคุกเข่าขอโทษ ไม่มีใครในเมืองเย็นหยางกล้าพูดแบบนี้ ไอ้เด็กใช้ของข้างถนน ไม่รู้ว่าไปเอาความกล้ามาจากไหน

รพีพงษ์บอกสถานการณ์ที่ตนเจออยู่ตอนนี้ให้ฟังอย่างคร่าวๆ ท่านคทาบอกว่าจะจัดคนมาเดี๋ยวนี้ ให้รพีพงษ์รอสักครู่

หลังจากที่วางสายแล้วนั้น รพีพงษ์ก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ กล่าว “อีกแป๊ปคนของผมจะมาจัดการเรื่องนี้ ถ้าคุณไม่ถือสาล่ะก็ นั่งรอสักครู่แล้วกัน”

คำรนดูแคลน จากนั้นก็โบกมือ มีคนเอาเก้าอี้มาวางไว้หลังเขาทันที

หลังจากที่นั่งลงแล้ว คำรนก็มองไปที่รพีพงษ์ “งั้นผมจะรอที่นี่ ดูสิว่าคุณจะเรียกใครมา ที่เมืองเย็นหยาง กล้าไม่ให้เกียรติคำรน มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้น”

อรรจยามองรพีพงษ์อย่างสะใจ มั่นใจว่าคำรนอยู่ที่นี่ รพีพงษ์ไม่มีทางทำอะไรได้แน่นอน วันนี้รพีพงษ์จะต้องโชคร้าย

ผลอุทัยเซ็ง เขารู้สึกไม่ค่อยปลอดภัย แม้เขาจะคิดว่าในเมืองเย็นหยางรพีพงษ์สู้คำรนไม่ได้ แต่รพีพงษ์สงบนิ่งขนาดนี้ ถ้าไม่มีฝีมือ จะสงบนิ่งขนาดนี้ได้ไงกัน

ตอนนี้เขาเสียใจอย่างมากที่เข้ามายุ่งกับเรื่องนี้เพียงเพราะเงิน ถ้ารู้ว่าเป็นงี้ เขาพาอรรจยาออกไปจากที่นี่ตั้งนานแล้ว

เจ้าของร้านเหมือนรพีพงษ์ คือไม่ร้อนรนใดๆ แต่กลับรอคอยอีกต่างหาก ในเมืองเย็นหยางตระกูลจนกวีเป็นราชามาหลายปี จนกระทั่งบัดนี้มีคนจัดการพวกเขาได้ เขาจึงรู้สึกดีใจอย่างหาที่สุดไม่ได้

คำรนยังคงเข้าข้างตัวเอง ตอนนี้เขารอไม่ไหวที่จะเห็นท่าทีของคำรนเมื่อรู้ตัวตนที่แท้จริงของรพีพงษ์แล้วว่าจะเป็นอย่างไร

“ถ้าผมเดาไม่ผิดล่ะก็ ที่คุณให้คนบอกยุ่งกับภรรยาผม ก็เป็นเพราะเรื่องของอาจารย์โอบนิธิใช่ไหม?” รพีพงษ์ถาม

คำรนเห็นรพีพงษ์พูดเรื่องนี้ขึ้นมาก่อน จึงดูแคลนทันใด กล่าว “เขายุผิงคือกำไรครึ่งหนึ่งของตระกูลจนกวีในทุกปี เพราะแกไอ้เด็กน้อย เขายุผิงจึงได้ถูกปิด ตอนนี้ทุกวันผมขาดทุนเท่าร้านอาหารพูคาย คุณว่าผมควรจะสั่งสอนคุณไหม?”

รพีพงษ์หัวเราะออกมา กล่าว “เหตุที่ทำให้เขายุผิงถูกปิด เป็นเพราะอาจารย์โอบนิธิ ผมก็แค่เปิดโปงความเลวของมันก็แค่นั้น หรือผมทำแบบนี้นั้นผิดหรอ?”

“กูไม่สนว่ามึงจะผิดไหม ถ้าไม่ใช่เพราะมึง เรื่องของอาจารย์โอบนิธิก็ไม่มีทางถูกเปิดโปงได้ ผมไม่หาเรื่องคุณจะหาเรื่องใคร” คำรนกล่าวอย่างโมโห

“นี่แสดงให้เห็นว่า ตระกูลจนกวีทุกคนก็ไม่ได้เรื่องทั้งหมด แกสามารถเอาไอ้เลวต่ำช้ามาแสร้งเป็นพระอรหันต์ เพื่อรายได้ การกระทำแบบนี้ เทียบกับอาจารย์โอบนิธิแล้วนั้น ก็ไม่ต่างกัน ในเมื่อเป็นแบบนี้ ผมก็ต้องธำรงไว้ซึ่งคุณธรรม” รพีพงษ์พึมพำ

คำรนเยาะเย้ย กล่าว “อย่างมึง จะธำรงคุณธรรม กูว่ามึงตบหน้าตัวเอง ให้ตื่นจากฝันเหอะ”

“กูพาให้ตระกูลจนกวีเจริญก้าวหน้ามาได้ขนาดนี้ ผ่านเรื่องต่างๆนานๆมามากมาย คนที่อยากล้มกูตระกูลจนกวียังทำไม่ได้ แล้วมึงคิดว่าอย่างเด็กยี่สิบกว่าปีอย่างมึงจะมาข่มขู่อะไรกูได้?”

รพีพงษ์ไม่พูดพร่ำทำเพลงใดๆ หันไปมองอารียา ถาม “คุณคิดว่านายใหญ่ของตระกูลจนกวีเป็นไง?”

“น่าขยะแขยง” อารียาตอบสองคำ

รพีพงษ์หัวเราะ รู้สึกว่าคำพูดของอารียาพูดได้โดนใจ

คำรนได้ยินอารียาพูดถึงตัวเอง ก็ไม่สนใจ กล่าว “คนสวย ตอนนี้ไอ้เด็กนี่ยังไม่ได้ถูกผมจัดการ คุณพูดคำพูดแบบนี้ต่อหน้ามัน ผมไม่โทษคุณ รอให้ผมจัดการกับมันก่อน ถึงเวลานั้นตอนที่คุณอยู่บนเตียงผม หวังว่าคุณก็จะเป็นแบบนี้นะ”

เมื่อได้ยินคำพูดของคำรน รพีพงษ์ก็โมโห แล้วหันไปตบคำรน

ใบหน้าคำรนมีรอยแดงเพิ่มขึ้นมา

เขามองรพีพงษ์อย่างไม่คาดคิด ในเมืองเย็นหยาง ไม่มีใครกล้าตบเขา

“มึงอยากตายหรือไง!” คำรนตะคอกใส่รพีพงษ์

การ์ดที่มาพร้อมกับคำรนล้อมรอบไว้ทันใด

รพีพงษ์มองคำรนอย่างดูแคลน กล่าว “ถ้ายังพูดผิดอีก จะไม่ใช่แค่ตบ”

คำรนเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าแม้อาจารย์โอบนิธิรพีพงษ์ก็ตีตายมาแล้ว การ์ดเหล่านี้ยืนอยู่ต่อหน้ารพีพงษ์ ถ้าโดนตบ เขาก็ไม่มีทางตบรพีพงษ์กลับได้ ไม่เช่นนั้นถ้ารพีพงษ์โมโห ต้องตบเขาตายแน่ๆ

เขาโบกมือให้กับพวกการ์ดพวกนั้น ให้พวกเขาสลายตัว จากนั้นก็มองรพีพงษ์อย่างเกรี้ยวกราด กัดฟันกล่าว “เหอะ กูเป็นคนมีวัฒนธรรม ไม่คิดเล็กคิดน้อยกับพวกมึง แต่กูจะบอกให้นะ ในโลกนี้ เงินเท่านั้นที่ครองโลก ทำได้มากกว่าศิลปะการต่อสู้อีกเยอะ ถึงเวลานั้นมึงอย่าเสียใจล่ะกัน!”

อรรจยาจ้องรพีพงษ์อย่างโมโห ราวกับคนที่ถูกตบเป็นเธอ แต่เธอเห็นรพีพงษ์ลงมือแล้ว รพีพงษ์ถือเป็นคนที่น่ากลัวเลยทีเดียว

“เหอะ แกก็สะใจได้แค่นี้หรอก รอให้คนที่แกเรียกมาขอโทษเจ้าสำนักคำรนแล้ว ดูว่าแกจะยังสงบได้แบบนี้อีกไหม” อรรจยาพึมพำ

ผ่านไปไม่นาน หน้าประตูร้านอาหารพูคายมีรถสองสามคันมาจอด สวมชุดสูท ใส่แว่นตา มีสง่าราศีลงมาจากรถ จากนั้นก็เดินเข้าไปที่ร้านอาหารพูคาย

พวกเขาเพิ่งเข้าไป คำรนที่กำลังคิดว่าจะแก้เผ็ดรพีพงษ์ยังไงก็ได้สังเกตเห็น จากนั้นก็รีบยืนขึ้น เดินไปยังคนเหล่านั้น

“เข็มทิศ คุณมาได้ไง?”

“เดชาธร คุณมาด้วยกันได้ไงเนี่ย?”

“จา……จารุยศ คุณก็มา วันนี้เป็นวันอะไร พวกคุณมาทานข้าวที่นี่หรอ? ถ้ารู้ตั้งแต่แรก ผมได้เตรียมการไว้เนิ่นๆ”

คำรนจ้องไปยังคนที่เดินเข้าร้านอาหารอย่างตะลึง เกิดความประหลาดใจขึ้นมา

แม้ในเมืองเย็นหยางมีไม่กี่คนที่กล้าทำผิดต่อเขา แต่ยังไงก็ยังมีคนแบบนั้นอยู่ อย่างน้อยสามคนที่โผล่มาที่ร้านอาหารในตอนนี้ ไม่มีใครที่เขากล้ายั่วโมโห

ผู้ว่าราชการเมืองและผู้ตรวจการสองคนนี้ไม่ต้องพูดถึง เมืองเย็นหยาง เขาทั้งสองใหญ่ที่สุด แม้คำรนจะเก่งกาจ ก็แตะต้องสองคนนี้ไม่ได้

และผู้กำกับดูแลเมืองนั้น เป็นหัวหน้าสูงสุดที่ดูแลเขายุผิง เขาทุ่มทุนมหาศาล ให้กับผู้กำกับดูแลเมืองนี้ให้ตัดขาดความสัมพันธ์ระหว่างเขาและอาจารย์โอบนิธิ

ขณะนี้ทั้งสามปรากฏกายที่นี่ คำรนจึงผวาขึ้นมา

ทั้งสามเห็นคำรนประจบสอพลอ ก็ดูแคลนขึ้นมา มองเขาด้วยท่าทีเยือกเย็น แล้วเดินไปหารพีพงษ์

เมื่อถึงรพีพงษ์ ทั้งสามก็ยิ้มออกมาอย่างอบอุ่น

“คุณรพี ขอโทษจริงๆ พวกเรามาช้า ให้คุณรอนาน” เข็มทิศยิ้มพลางกล่าวต่อรพีพงษ์

เดชาธรและจารุยศก็รีบแสดงท่าทีขอโทษตามมา

คำรนที่อยู่ไม่ไกลเห็นเหตุการณ์นี้ ก็แข็งทื่อเป็นหิน

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท