พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่775 งั้นผมจะเล่นกับคุณ

บทที่775 งั้นผมจะเล่นกับคุณ

บทที่775 งั้นผมจะเล่นกับคุณ

“เจ้า……เจ้าของ คุณไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม มันซื้อร้านอาหารของคุณแล้วจริงๆหรอ? มันไม่ได้ให้คุณช่วยมันแสดงละครตบตาใช่ไหม?” ผลอุทัยหันไปถามเจ้าของร้าน

เจ้าของร้านหัวเราะ กล่าว “เป็นจริงแน่นอน ไม่งั้นผมเอาสัญญามาให้คุณดูไหม?”

ผลอุทัยเห็นเจ้าของจริงจัง รู้สึกว่าเขาไม่ได้โกหก เหงื่อเริ่มไหลออกจากหัว

สามารถซื้อร้านอาหารได้ตามใจชอบ นี่ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า ตัวตนของรพีพงษ์นั้นไม่ธรรมดา แล้วที่เขาคิดว่ารพีพงษ์ใส่ชุดธรรมดานั้น แล้วคิดว่าเขาไม่มีเงิน ดังนั้นท่าทีต่อรพีพงษ์จึงแสดงออกมาอย่างชัดเจน

แม้ตอนนี้พวกเขากำลังช่วยตระกูลจนกวีอยู่ แต่เค้าแค่ให้พวกเขาแยกอารียาออกจากรพีพงษ์เท่านั้น ตอนนี้ดูๆแล้วไม่น่าจะเป็นไปได้ หากรพีพงษ์เกรี้ยวกราดกับพวกเขาล่ะก็ ตระกูลจนกวีจะต้องไม่สนใจเขาแน่ๆ

ดูออกว่าอรรจยายังไม่รู้ถึงความร้ายแรงของปัญญา แม้การที่รพีพงษ์ซื้อร้านอาหารทำให้เธอตะลึง แต่ความคิดที่ว่าใครมาก่อนมีสิทธิ์ก่อนนั้นทำให้เธอหาเหตุผลที่จะกดรพีพงษ์ได้แล้ว

“แม้แกจะซื้อร้านอาหารนี้ไว้แล้วแล้วไง นั่นมันก็แค่สามสิบล้านเท่านั้น ตระกูลจนกวีมีทรัพย์สินหลักหมื่นล้าน สามสิบเทียบกับหมื่นล้าน ห่างกันเยอะ” อรรจยาโมโห ราวกับว่าหมื่นล้านเป็นของเธออย่างไรอย่างนั้น

เพราะดูถูกรพีพงษ์ไว้ตั้งแต่แรก ผ่านไปเรื่อยๆอะไรที่รพีพงษ์ทำก็จะทำให้อรรจยาไม่พอใจทั้งหมด ดังนั้นตอนนี้อรรจยาได้ลืมเป้าหมายของตัวเองไปแล้ว เธอเพียงแค่อยากกอบกู้ศักดิ์ศรีของตัวเองต่อหน้ารพีพงษ์แค่เท่านั้น

ผลอุทัยเห็นอรรจยาพูดแบบนี้ ก็รีบดึงแขนของเธอไว้ กล่าว “พอล่ะ หยุดพูดได้แล้ว”

จากนั้นเขาได้มองไปที่รพีพงษ์ ด้วยสีหน้ารู้สึกผิด “รพีพงษ์ ขอโทษจริงๆ พวกเราไม่ควรเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้ เพราะพวกเราเห็นประโยชน์จนงมหัวไม่ขึ้น แต่คุณวางใจได้พวกเราจะไม่ทำต่อไปแล้ว ขอคุณได้โปรดยกโทษให้เราด้วย”

รพีพงษ์กระตุกคิ้ว ไม่คาดคิดว่าผลอุทัยจะรู้สัจธรรม และขอโทษอย่างรวดเร็ว

และความจริงก็ปรากฏ ว่าเขาทำแบบนี้จึวจะถูกต้อง หากยังทำต่อไปล่ะก็ ด้วยอารมณ์ของรพีพงษ์ จุดจบของพวกเขาไม่รู้จะเป็นอย่างไร

“ผลอุทัย! คุณกล้าหน่อยสิ อะไรนิดอะไรหน่อยก็ขอโทษ! แม้มันจะซื้อร้านอาหารได้แล้วไง เรามีแบ็คเป็นตระกูลจนกวีนะ คุณขี้ขลาดทำไมกัน!”

อรรจยารู้สึกไร้ศักดิ์ศรี ตอนนี้ผลอุทัยขอโทษรพีพงษ์ ทำให้เธอยิ่งรู้สึกอับอายคนอื่น

“แบ็คของเราคือตระกูลจนกวีตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ที่ตระกูลจนกวีมาหาพวกเรา ก็เพียงเพราะพวกเรารู้จักรพีพงษ์ อย่าไร้เดียงสาอีกเลย เป็นแบบนี้ต่อไป พวกเราจะมีปัญหานะ!” ผลอุทัยกล่าว

อรรจยาโกรธแค้น แม้เธอจะรู้ว่าตัวเองไม่มีเงินเท่ารพีพงษ์ แต่ถ้าเธอไม่ระบาย เธอก็จะรู้สึกอึดอัด

ในขณะที่ผลอุทัยกำลังขอร้องอรรจยาอยู่นั้น มีเสียงดังมาจากด้านนอกร้านอาหาร หลายคนหันไปดู พบว่าเป็นชายสวมสูทสีดำเดินเข้ามา

หลังจากที่คนพวกนี้เข้ามาแล้วนั้น ก็เข้าแถวเป็นสองแถวจากนั้นคำรนสวมสูทสีขาว ใส่แว่นกันแดดก็เดินเข้ามา แลดูเอิกเกริก

อรรจยาเห็นคำรนเดินเข้ามา ก็ตาเป็นประกาย จากนั้นก็ยิ้มสะใจให้รพีพงษ์ “เจ้าสำนักคำรนมาด้วยตัวเอง ดูว่าแกจะโอ้อวดยังไงอีก!”

ไม่นานคำรนก็เดินมาถึงด้านหน้าของหลายคน ยิ้มพลางถอดแว่นกันแดดของตัวเองออก

“ทุกท่านแลดูมีความสุขนะ มิทราบว่าถ้าเพิ่มผมเข้าไป ทุกท่านจะถือสาไหม?” คำรนยิ้มพลางกล่าว เขาจ้องไปยังเหตุการณ์ด้านหน้า หลังจากที่รู้ว่ารพีพงษ์ซื้อร้านอาหารพูคายแล้ว เขาก็รู้ว่าผลอุทัยและอรรจยาทั้งสองทำไม่สำเร็จ ดังนั้นจึงได้มาเอง

“ไม่ถือสาไม่ถือสา เจ้าสำนักมาได้เวลาพอดี ไอ้นี่มันซื้อร้านอาหารแล้วยโสโอหังสุดๆ คุณออกหน้าเอง มันจะไม่ยโสโอหังอีก” อรรจยาขมวดคิ้วพลางกล่าว

คำรนบึนปาก มองไปที่รพีพงษ์ ในสายตาเขา ร้านอาหารร้านเดียว ไม่ถือว่าสำคัญอะไร

รพีพงษ์ไม่พูดอะไร เจ้าของเรื่องที่อยู่ข้างๆก็กล่าวว่า “คำรน คุณน่าจะรู้นะ ว่าที่นี่ไม่ต้อนรับคุณ”

คำรนหัวเราะ กล่าว “ทำไม ยังโมโหกับเรื่องในอดีตอีกหรอ แกว่าแกโชคดีนะที่เป็นเจ้านาย ใจกว้างๆหน่อย ไม่งั้น ธุรกิจไม่มีทางขยายได้หรอก”

เจ้าของร้านดูแคลน ดูความไม่สบายใจ

นานมาแล้ว เจ้าของร้านนี้มีเรื่องบาดหมางกับคำรน ร้านอาหารนี้ของเขามีชื่อเสียงอย่างมากในเมืองเย็นหยาง อยากจะขายออกก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร แต่เพราะเจ้าของร้านทำผิดต่อคำรน ดังนั้นในเมืองเย็นหยาง ไม่มีใครกล้าซื้อต่อร้านอาหารนี้ ด้วยเหตุนี้เจ้าของร้านจึงทำได้เพียงประคับประคองไปเท่านั้น

และที่ทั้งสองมีเรื่องบาดหมางกัน เพราะคำรนอยากใช้เงินจำนวนแค่ห้าล้านซื้อร้านอาหารไว้ เจ้าของร้านไม่เห็นด้วย

“คุณน่าจะเป็นรพีพงษ์สินะ เอาจริงๆ ภรรยาของคุณสวยจริง พวกเขาทั้งสองน่าจะบอกเป้าหมายของผมให้คุณฟังแล้ว เราไม่ไร้สาระล่ะ ซื้อร้านอาหารไม่สำคัญอะไร คุณยังวัยรุ่นอยู่ ดังนั้นมีบางเรื่อง ควรจะหลีกทางให้ผู้ใหญ่ ไม่งั้นอาจเสียเปรียบได้นะ” คำรนกล่าวอย่างดูแคลน

“หลีกให้คุณ? หน้าไม่อายจริงๆ ทำไมคุณไม่ร้องขอไอศกรีมกับผมล่ะ?” รพีพงษ์มองคำรนพลางกล่าว

คำรนหน้าบึ้ง กล่าว “ไว้หน้าแล้วยังจะหน้าด้านอีก!”

เจ้าของร้านที่อยู่ข้างๆกล่าวทันใดว่า “เกรงว่าคนที่ไว้หน้าแล้วยังจะหน้าด้านหนะคือคุณ คำรน ผมขอให้คุณรีบออกไปจากที่นี่ซะ ไม่งั้นรอแกเสียใจ ล่ะจะไม่ทันการเอา”

เมื่อกี๊ตอนที่เซ็นสัญญานั้น เจ้าของร้านได้รู้ถึงตัวตนของรพีพงษ์แล้ว ดังนั้นจึงได้ไม่ลังเลที่จะขายร้านอาหารนี้ให้กับรพีพงษ์

ในเมืองเย็นหยางตระกูลจนกวีเป็นตระกูลที่ใครก็เทียบไม่ได้จริงๆ แต่ถ้าเทียบกับตระกูลลัดดาวัลย์เกียวโตแล้ว ห่างกันมาก ดังนั้นเขาจึงไม่กังวลว่าคำรนจะสร้างปัญหาใดๆต่อหน้ารพีพงษ์ได้

“ผมเสียใจ? ตลก เมืองเย็นหยาง มีคนที่จะทำให้ผมดำรนเสียใจด้วยหรอ? มีแต่ปัญญาอ่อนเท่านั้นแหละ ที่กล้าพูดแบบนี้กับผม” คำรยกล่าวอย่างไม่พอใจ

เจ้าของร้านอยากจะเปิดเผยตัวตนของรพีพงษ์ออกมาในตอนนั้น ให้คำรนได้รู้ว่าตัวเองบ้าขนาดไหน รพีพงษ์ขวางเขาเอาไว้

“พูดจริงๆ คุณเป็นนายใหญ่ของตระกูลจนกวีได้ ก็ทำให้คนอื่นตะลึงได้จริง แต่ในเมื่อคุณมั่นใจขนาดนี้ งั้นผมก็จะเล่นกับคุณ หวังว่าถึงเวลานั้นคุณจะไม่คุกเข่าอ้อนวอนผมนะ”

รพีพงษ์พูดจบ ก็หยิบมือถือขึ้นมา แล้วโทรหาท่านคทา

คนนี้มันสนใจในภรรยาของตน ถ้ารพีพงษ์ไม่ทำอะไรสักอย่างล่ะก็ มันก็น่าอับอายเกินไป

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท