พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่781 ท้าทายวงการบู๊แห่งหัวเซี่ย

บทที่781 ท้าทายวงการบู๊แห่งหัวเซี่ย

บทที่781 ท้าทายวงการบู๊แห่งหัวเซี่ย

รพีพงษ์ได้ฟังคำพูดนี้ คิ้วกระตุก ในใจคิดว่าพูดถึงโจโฉโจโฉก็มา

“ให้เขาเข้ามาเถอะ”รพีพงษ์เอ่ยปาก

คนๆนั้นพยักหน้า รีบเรียกคนที่อยู่ด้านนอกเข้ามา

ผ่านไปไม่นาน บดีศวรพาเด็กสาวคนหนึ่งเข้ามา บดีศวรท่าทางผึ่งผาย ดูเหมือนคนอิ่มประสบการณ์

ส่วนหญิงสาวหน้าตาซุกซน แววตาไร้เดียงสา

ทั้งคู่เดินด้วยกัน แม้ว่าจะขัดแย้ง แต่ก็ยังสามารถดึงดูดสายตาจากคนอื่นๆ คนที่อยู่ข้างๆบดีศวรไม่ ใช่ใครอื่น เป็นหลานสาวคนโตอายุสิบหกปีของบดีศวร กับฉายสุดา

หลังจากที่ทั้งคู่เข้าไปในห้องโถง สายตาก็ตกไปอยู่ที่รพีพงษ์

บดีศวรเห็นท่าทีรพีพงษ์ รู้สึกว่าเขามีบารมีมาก รู้สึกใจหายขึ้นมา รพีพงษ์เป็นอย่างที่ร่ำลือจริงๆ อ่อน

เยาว์ขนาดนั้น

บดีศวรสัมผัสได้ถึงอันตรายที่พูดไม่ออกบนตัวรพีพงษ์ ต่อให้เศรษฐีตระกูลไหนก็ไม่เคยทำให้เขารู้สึกได้แบบนี้ ดูท่าปภาวิชญ์กับจิรภาสสองพี่น้องคงตายคามือรพีพงษ์แน่นอน ไม่ใช่เรื่องบังเอิญอะไร

หรอก

“ประมุขตระกูลลัดดาวัลย์ปราดเปรื่องสมชื่อ อายุน้อยหากมีความสามารถ วันนี้ได้พบ เป็นดั่งคำร่ำลือแท้จริง บารมีสูงส่ง แม้แต่ผู้เฒ่าอย่างกระผมยังละอายใจ”บดีศวรกล่าว

ฉายสุดาที่ยืนด้านข้างได้ยินคุณปู่กล่าวอย่างนั้น จึงรีบโต้กลับ“คุณปู่คะ คุณปู่คงหลงลืมไป ตานี่ดูมีสง่าราศีตรงไหน เขาห่างไกลจากคำว่าสง่าราศรีอีกมากค่ะ”

“ฉายสุดา ห้ามเสียมารยาท”บดีศวรหันไปมองฉายสุดา เอ่ยปากกล่าว

เห็นได้ชัดว่าฉายสุดาพูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์“หนูพูดไม่ถูกตรงไหนคะ หน้าตาเขาออกธรรมดา ห่างไกลจากคำว่าสง่าราศรีมากขนาดนั้น”

รพีพงษ์เห็นสาวน้อยคนนี้วิจารณ์หน้าตาเขาอย่างจริงจัง จึงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ รู้สึกว่าบดีศวรจงใจพาหล่อนมาตำหนิเขาชัดๆ

“ถ้าพวกคุณมาเพื่อดูว่าผมหน้าตาอย่างไร ผมว่าเสริซหาบนเน็ตก็ได้ครับ ไม่ต้องมาดูด้วยตัวเองหรอก”รพีพงษ์เอ่ยปากพูด

ฉายสุดารีบเบ้ปากใส่รพีพงษ์ ใบหน้าจิ้มลิ้มนั้น ไม่ยี่หร่าใดๆ

บดีศวรยิ้มให้รพีพงษ์อย่างกริ่งเกรง พูดว่า:“หลานสาวผมเสียนิสัย ขายหน้าตระกูลลัดดาวัลย์แล้ว”

“ผมไม่พูดพร่ำทำเพลงแล้วละกัน ครั้งนี้ที่มาหาประมุขลัดดาวัลย์ เพราะต้องการเชิญให้ตระกูลลัดดาวัลย์เข้าร่วมงานประลองฝีมือ เชื่อว่าตระกูลลัดดาวัลย์คงพอรู้จักงานประลองฝีมือนี้มาบ้าง งานประลองนี้ ถ้าขาดตระกูลลัดดาวัลย์ไป คงน่าเสียดายแย่”

รพีพงษ์ได้ยินคำพูดของบดีศวร จึงรีบทำสีหน้าดูแคลน กล่าวขึ้น“แต่ในโฆษณาไม่ได้ว่าแบบนี้นี่ ผมไม่คิดว่าการดูถูกดูแคลนคนจะทำให้เกิดงานเลี้ยงใดๆขึ้นมา”

เขาไม่เกรงใจบดีศวรแม้แต่น้อย ในเมื่อทุกคนรู้ว่าฝ่ายตรงข้ามต้องการทำอะไร ก็ไม่มีความจำเป็นต้องเสแสร้งกันอีกต่อไป บดีศวรไม่ได้โกรธ เพียงแค่ยิ้ม เปิดปากพูด“เรื่องโฆษณา พวกเราทำได้ไม่ดีพอ แต่เชื่อมั่นในศักยภาพของประมุขตระกูลลัดดาวัลย์ ว่าจะไม่แปดเปื้อนกับเรื่องเล็กๆน้อยๆแค่นี้แน่

นอน เพียงแค่ประมุขลัดดาวัลย์ขึ้นไปแสดงฝีมือ ก็สามารถกลบคำครหาได้แล้ว”

พูดจบ บดีศวรจึงควักบัตรเชิญใบหนึ่งออกมาจากเสื้อ

“นี่คือบัตรเชิญงานประลอง หวังว่าประมุขลัดดาวัลย์จะมาร่วมงาน ให้วงการบู๊แห่งหัวเซี่ยเห็นความเก่งกาจของประมุขลัดดาวัลย์”

บดีศวรชี้นิ้ว ปล่อยพลังเน่ยจิ้ง จากนั้นออกแรง ดีดบัตรเชิญไปทางรพีพงษ์

ปรมาจารย์ฝีมือสูง เพียงแค่ร่อนใบไม้ก็สามารถปลิดชีพผู้คนได้ บัตรเชิญเมื่อเทียบกับใบไม้ แข็งแกร่งกว่าเยอะ เมื่อบดีศวรดีดออกไป ก็จะกลายเป็นอาวุธสังหารคนได้ บัตรเชิญบินว่อนไปทางรพีพงษ์

อย่างรวดเร็ว

เมื่อผู้คนในห้องโถงเห็นการณ์ ต่างตกตะลึง พวกเขารู้สึกเพียงบารมีแข็งแกร่งถูกปล่อยออกไป ตึงเครียด บัตรนั้นร่อนไปตรงหน้ารพีพงษ์

สีหน้ารพีพงษ์นิ่งสงบ ยามบัตรเชิญร่อนมาอยู่หน้าตนนั้น เพียงใช้มือปัดเบาๆ แล้วใช้นิ้วหนีบบัตรเชิญนั้นไว้ พลังเน่ยจิ้งที่แฝงอยู่บนบัตรดับพลัน กระทั่งดูไม่ออกว่ามีพลังสังหารบนนั้นด้วย

บดีศวรเห็นรพีพงษ์รับมือกับการจู่โจมของเขาอย่างง่ายดาย เขาหรี่ตาลง ศักยภาพรพีพงษ์นั้น ดูท่าร้ายกาจว่าที่คิดไว้มาก

“ขอโทษด้วยครับ ผมไม่คิดจะรับคำเชิญ นำบัตรเชิญกลับไปเถอะครับ”

รพีพงษ์พูดออกมาคำหนึ่ง จากนั้นโยนบัตรเชิญทิ้งเบาๆ บัตรเชิญจึงถูกสะบัดกลับไป

บัตรเชิญที่ถูกดีดกลับแรงกว่าที่บดีศวรร่อนมาเท่าหนึ่ง ทุกคนต่างมองเห็นความโหดร้ายตรงหน้า ตึงเครียด บดีศวรเอี้ยวตัวหลบไปด้านหลัง ถึงได้รักษาเงาของตนไว้ได้ บัตรนั้นตอนนี้อยู่ในมือเขาแล้ว

การโต้ไปมานี้เร็วประหนึ่งกระแสไฟ ทุกคนต่างตะลึงกับการปะทะฝีมือระหว่างปรมาจารย์ทั้งสอง ถ้าเป็นพวกเขา ต่อให้ตายไปตอนไหนคงยังไม่รู้

บดีศวรมองรพีพงษ์อย่างน่าเกลียด เอ่ยขึ้น“งานประลองระดับนี้ ตกลงคุณไม่เข้าร่วมใช่ไหม”

“หึๆ ขออภัย สำหรับผม ไม่ใช่งานใหญ่อะไร”รพีพงษ์เอ่ยกล่าว

“คนอย่างนายนี่ไม่รู้ผิดชอบชั่วดีเอาซะเลย คุณปู่อุตส่าห์มาเชิญ นายยังกล้าปฏิเสธ ฉันไม่เคยเห็นคนไม่เจียมตัวแบบนายเลย”ฉายสุดาตะโกนใส่รพีพงษ์ทันที

บดีศวรส่ายหน้า รู้ว่ารพีพงษ์ไม่ได้โง่ เขาคงเดาจุดประสงค์ตนออกแล้วแน่นอน จึงได้ปฏิเสธดักคอ

“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นผมไม่รบกวนแล้ว หากประมุขลัดดาวัลย์เปลี่ยนใจ มาร่วมงานประลองได้เสมอ ขอลา”

พูดจบ บดีศวรจึงพาฉายสุดาเดินออกไป

ตอนที่ฉายสุดาเดินออกไปได้หันมาจ้องรพีพงษ์เขม็ง เธอดูโกรธไม่น้อย

ทั้งคู่เดินออกจากคฤหาสน์รพีพงษ์ ฉายสุดาสีหน้าไม่สบอารมณ์ เอ่ยขึ้น“คุณปู่คะ รพีพงษ์อะไรนั่นไม่รู้ผิดชอบชั่วดีเอาซะเลย คุณปู่มาเชิญด้วยตนเองแท้ๆยังปฏิเสธลงคอ หนูว่าคุณปู่น่าจะลงมือสั่งสอนสักยก ชื่อเสียงของเขานั่นโม้ต่างหาก”

บดีศวรหยุดลง หันไปมองฉายสุดา เอ่ยขึ้น“สุดา รพีพงษ์ร้ายกาจนัก ไม่ได้ง่ายแบบที่หลานคิด แค่คำพูดปู่ ไม่ใช่คู่ต่อสู้เขาด้วยซ้ำ”

ฉายสุดาเบิ่งตาโพลง เอ่ยขึ้น“คุณปู่ จะเป็นคู่ต่อสู้ไม่ได้อย่างไรเล่าคะ หนูก็ไม่เห็นเขามีอะไรพิเศษนี่นา ก็แค่รับบัตรเชิญที่คุณปู่ร่อนไปได้ แล้วร่อนกลับมา”

บดีศวรสูดลมหายใจเข้าลึก จากนั้นพับแขนเสื้อขึ้นอย่างระมัดระวัง

ฉายสุดาก้มลงมอง เห็นแต่แขนบดีศวรสั่นไม่หยุด บนแขน เส้นเลือดปูดโปน เกือบครึ่งเขียวช้ำ ฉายสุดาตกใจจนพูดไม่ออก

……

ภายในห้องโถงทุกคนต่างมองไปที่รพีพงษ์ รู้สึกว่าการที่รพีพงษ์ปฏิเสธคำเชิญ เป็นทางเลือกที่ฉลาด

“ศิษย์พี่ ท่านเคยบอกว่าไม่เคยเห็นห้าตระกูลใหญ่อยู่ในสายตามิใช่หรือ ทำไมสุดท้ายถึงปฏิเสธไปเล่า”ดำเกิงยิ้มให้รพีพงษ์

รพีพงษ์กวักมือให้ดำเกิง เรียกให้เขามา

ดำเกิงเดินมา มองรพีพงษ์อย่างลังเล รพีพงษ์กระเถิบไปข้างหูเขา ราวกับพูดอะไรด้วย

เห็นแต่ดำเกิงเบิ่งตาโพลง จากนั้นตะโกนออกมา“ว่าไงนะ!ท่านจะท้าทายวงการบู๊หัวเซี่ย โดยการปฏิเสธคำเชิญจากห้าตระกูลใหญ่ เพื่อที่จะให้สิทธิในการปกครองมาตกอยู่ที่ตนเองอย่างนั้นหรือ?!!!”

ทุกคนในห้องโถงอ้าปากค้าง มองรพีพงษ์เป็นตาเดียวโดยที่ไม่รู้ว่าควรพูดอะไร

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน