พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่780 งานศิลปะการต่อสู้

บทที่780 งานศิลปะการต่อสู้

บทที่780 งานศิลปะการต่อสู้

ข่าวการจัดการประชุมใหญ่ของศิลปะการต่อสู้เกียวโต ได้แพร่สะพัดไปทั่วประเทศจีน ไม่เพียงแค่คนของศิลปะการต่อสู้รู้เรื่องนี้ แม้แต่คนทั่วไปก็ได้ยินเรื่องนี้เช่นกัน

และบดีศวรให้คนไปป่าวประกาศ เน้นย้ำให้รพีพงษ์เข้าร่วมให้ได้ บอกว่าศิลปะการต่อสู้ทั่วประเทศจีน มีเกือบครึ่งที่อยากท้าทายกับเขา

เพื่อบีบให้รพีพงษ์เข้าร่วมการประชุมใหญ่ครั้งนี้ พวกเขายังตั้งใจป่าวประกาศว่าฝีมือของรพีพงษ์ไม่ได้เก่งกาจอย่างที่รู้กัน ที่เขาสามารถฆ่าปรมาจารย์ทั้งสองของตระกูลภูธนได้นั้น เพราะโชคดี

ตามความคิดของบดีศวร รพีพงษ์อายุเพียงแค่ยี่สิบกว่าปี และความสามารถก็เก่งกาจ ต้องยโสโอหังแน่นอน แต่ได้ยินคนสงสัยในฝีมือเขา เขาจะต้องออกมาพิสูจน์ฝีมือของตัวเองแน่นอน

และตระกูลลัดดาวัลย์เป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงของเกียวโต ในเกียวโตรพีพงษ์มีชื่อเสียงโด่งดังอย่างมาก ตอนนี้ทั้งเกียวโตล้วนรู้แล้วว่าผู้คนในโลกศิลปะการต่อสู้มีคนท้าทายรพีพงษ์ หากรพีพงษ์ไม่ออกมาต่อกร แสดงว่าเขากลัว แบบนี้ตำแหน่งของรพีพงษ์สายตาของคนทั่วไปก็จะลดลงไปอีก

ถ้ารพีพงษ์ไม่อยากมีฉายาใจปลาซิว ก็ต้องออกโรงมา

เพียงแค่รพีพงษ์มาร่วมงานประชุมศิลปะการต่อสู้นี่ได้ ที่เหลือก็ง่ายแล้ว นายใหญ่ของห้าตระกูลใหญ่ได้ปรึกษาแผนการที่จะต่อกรกับรพีพงษ์เรียบร้อยแล้ว

ในฐานะที่เป็นมาตรฐานของศิลปะการต่อสู้ของประเทศจีน ตระกูลทั้งห้าค่อนข้างต้องการเกียรติยศ ดังนั้นวิธีการที่จะต่อกรรพีพงษ์จึงออกมาดูดีสักหน่อย นอกเสียจากจัดการไม่ได้ พวกเขาจึงจะใช้วิธีสกปรก

ผู้คนของศิลปะการต่อสู้ทั้งประเทศได้บินมายังเกียวโต ผู้คนเหล่านี้ล้วนไม่ค่อยปรากฏตัวในสังคมทั่วไป ครั้งแรกที่จัดที่เกียวโต ช่วงเวลานี้ทั้งเกียวโตมักจะเห็นผู้กล้าเดินอยู่ทั่วๆไป บ้างก็สวมใส่ชุดโบราณ ทำเอาประชากรเกียวโตงงกันเป็นแถวๆ

รพีพงษ์และอารียาทั้งสองนั่งเครื่องจากเมืองเย็นหยางกลับมาเกียวโต เพิ่งออกจากเครื่องบิน ก็เห็นป้ายโฆษณาที่คนมุงดูอยู่ไม่ไกล

อารียาค่อนข้างแปลกใจ จึงพารพีพงษ์เดินไปทางนั้น อยากรู้ว่าพวกเขากำลังดูอะไรอยู่

มาถึงด้านหน้าของป้ายโฆษณา สิ่งที่สะท้อนเข้าไปนัยน์ตาของรพีพงษ์และอารียา คือ“งานประชุมศิลปะการต่อสู้” คำนี้

ด้านล่างเป็นการแนะนำเกี่ยวกับการประชุมศิลปะการต่อสู้ ห้าตระกูลใหญ่ทำแบบนี้เพื่อให้คนทั่วไปเข้าใจการประชุมใหญ่ศิลปะการต่อสู้นี้ได้ง่าย จึงได้พูดว่าเป็นการแข่งขันศิลปะการต่อสู้

ด้านล่างสุดของโฆษณา เขียนว่า “อยากเห็นนายใหญ่ของตระกูลลัดดาวัลย์ถูกต่อย ก็มาที่งานประชุมศิลปะการต่อสู้นี้!” จากนั้นก็เป็นสถานที่จัดงาน ที่ยิมเนเซียมหอการค้าที่ใหญ่ที่สุดของเกียวโต

แม้ตระกูลใหญ่ทั้งห้าจะตั้งหน้าตั้งตาในศิลปะการต่อสู้ แต่ทรัพย์สินของพวกเขาก็มากไม่ใช่น้อย ดังนั้นเช่าสถานที่จัดการแข่งขัน และทำโฆษณาถือว่าเป็นเรื่องที่ง่ายมาก

หลังจากที่รพีพงษ์เห็นประโยคสุดท้ายแล้วนั้น ก็ขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจว่าทำไมการประชุมศิลปะครั้งนี้ต้องลากตัวเองเข้ามาเกี่ยวข้อง

อารียาหันไปมองรพีพงษ์ กล่าว “การประชุมศิลปะการต่อสู้นี่มันไร้ยางอายเกินไปแล้วป้ะ เพื่อดึงดูดสายตาคน จึงต้องโฆษณาต่ำช้าแบบนี้”

รพีพงษ์นิ่งเงียบไปสักพัก แล้วหันมองวัยรุ่นที่อยู่ข้างๆ ถาม “สหาย คุณรู้ไหมว่างานประชุมศิลปะการต่อสู้นี่เป็นไง? ใครเป็นผู้จัด?”

วัยรุ่นมองไปที่รพีพงษ์ แม้รพีพงษ์มีชื่อเสียงในเมืองเกียวโต แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะรู้ว่ารพีพงษ์หน้าตาเป็นไง

“งานประชุมศิลปะการต่อสู้นี่ดังมากเลยนะ คุณไม่รู้หรอ ได้ยินมาว่าผู้จัดคือห้าตระกูลใหญ่ แล้วผู้คนของศิลปะการต่อสู้ทั้งหมดก็จะมาเข้าร่วมในงานนี้ ค่อนข้างมีลึกลับอยู่นะ ศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดเข้าไปแล้ว จะมีศิลปะการต่อสู้อะไรอีก แต่ฟังๆไปก็ดูน่าสนใจดีนะ ได้ยินมาว่านายใหญ่ของตระกูลลัดดาวัลย์ก็จะเข้าร่วม นายใหญ่ของตระกูลลัดดาวัลย์เป็นคนที่มีความสามารถ แต่งานศิลปะการต่อสู้นี้บอกว่าจะต่อยนายใหญ่ของตระกูลลัดดาวัลย์ ไม่รู้ว่าจริงเท็จแค่ไหน” วัยรุ่นกล่าว

ฟังวัยรุ่นพูดจบ รพีพงษ์ก็พยักหน้า ห้าตระกูลใหญ่นั้น น่าจะเหมือนกับตระกูลภูธน เขาไม่คาดคิดว่าตระกูลที่เหมือนตระกูลภูธน จะมีห้าตระกูล

และที่พวกเขาทั้งหมดมางานประชุมศิลปะการต่อสู้นี้ ตั้งใจเอาตัวเองทำโฆษณา น่าจะมาเพื่อตนเอง

“ปัญหาช่วงนี้เยอะจริงๆ แต่แบบนี้ก็ดี มีโอกาสได้ทดสอบพลังของตัวเอง ฝึกฝนฟรี ผมไม่รังเกียจอยู่แล้ว” รพีพงษ์ยิ้มพลางกล่าว

วัยรุ่นคนนั้นจ้องรพีพงษ์อย่างสงสัย รู้สึกว่าคนที่อยู่ตรงหน้านี้คุ้นๆ

“สหาย คุณทำงานอะไร ทำไมรู้สึกคุ้นหน้าคุณจัง?” วับรุ่นถาม

รพีพงษ์ยิ้ม กล่าว “รับจ้างชกต่อย”

พูดจบ เขาก็จับมืออารียา แล้วเดินจากไป

วัยรุ่นคนนั้นจ้องไปที่แผ่นหลังของรพีพงษ์ รู้สึกเดาไม่ถูก ผ่านไปไม่นาน เขาก็เริ่มนึกออก แล้วรีบกล่าวอย่างตะลึงว่า “นายใหญ่……ตระกูลลัดดาวัลย์! รพีพงษ์! พระเจ้า เมื่อกี๊ที่พูดกับผมคือนายใหญ่ของตระกูลลัดดาวัลย์!”

……

กลับมายังคฤหาสน์ใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์ ทุกคนของตระกูลลัดดาวัลย์ล้วนอยู่ในห้องโถงทั้งหมด กำลังพูดคุยกันเรื่องงานศิลปะการต่อสู้

“คนพวกนี้ไม่จบไม่สิ้น หมดไปหนึ่ง กลับมาอีกห้า ผู้คนของศิลปะการต่อสู้ของพวกคุณใจแคบกว่านักธุรกิจอย่างเราๆอีก ถึงขั้นต้นทำกันแบบนี้เลยหรอ” ชลาธิปกล่าวอย่างรำคาญ

ทุกคนก็เริ่มรำคาญ พวกเขาเห็นด้วยกับคำพูดของชลาธิป แต่เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับใจแคบไม่แคบแล้ว

พูดได้แค่ว่าผู้คนของโลกศิลปะการต่อสู้ ให้ความสำคัญกับการล้างแค้น

หลังจากที่รพีพงษ์กลับมาแล้วนั้น ก็ได้ทำความเข้าใจตระกูลใหญ่ทั้งห้าจากเวทัสและดำเกิง รู้ถึงเป้าหมายที่พวกเขาได้จัดงานศิลปะการต่อสู้ในครั้งนี้แล้ว ดูจากสถานการณ์ ห้าตระกูลกลัวว่าตัวเองจะทำให้โลกของศิลปะการต่อสู้เป็นอันตราย จึงหาเรื่องกำจัดเขาเสีย

“รุ่นพี่รพีพงษ์ คุณร่วมงานศิลปะการต่อสู้นี้ไม่ได้นะ ห้าตระกูลใหญ่ร่วมมือกัน นี่ไม่ใช่ตระกูลภูธนตระกูลเดียวเทียบได้นะ ถ้าคุณเข้าร่วมจริงๆ ก็ตกหลุมของพวกเขาแน่นอน แม้พวกเราจะขี้ขลาดไปหน่อย รีบติดต่ออาจารย์ ห้ามถูกพวกมันหลอกเด็ดขาดเลยนะ” ดำเกิงมองไปที่รพีพงษ์อย่างกังวล จึงขอร้อง

รพีพงษ์ยิ้ม กล่าว “เค้าเน้นย้ำให้ผมไปเข้าร่วม ถ้าผมไม่ไป ในสายตาของคนเกียวโต ก็ต้องมองผมเป็นตัวตลกนะสิ”

“แล้วไง เป็นตัวตลกก็ดีกว่าต้องเสียชีวิตนะ” ดำเกิงกล่าว

“สบายใจได้ แม้ผมเข้าร่วม ห้าตระกูลใหญ่นี้ ก็ทำอะไรผมไม่ได้” รพีพงษ์กล่าว

ดำเกิงรู้สึกว่ารพีพงษ์ประมาทเกินไป กำลังจะขอร้องเขา ก็มีคนวิ่งมาจากด้านนอก แล้วตะโกน “นายใหญ่ ด้านนอกมีคนหนึ่งที่เป็นนายใหญ่ของตระกูลคินกุลอยากพบท่าน”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท