พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่791 อานุภาพของกลวิธีลึกลับ

บทที่791 อานุภาพของกลวิธีลึกลับ

บทที่791 อานุภาพของกลวิธีลึกลับ

รพีพงษ์ไม่ได้ใช้กลวิธีลึกลับในช่วงแรก เขาต้องการเห็นพลังวิเศษเสนชั้นสูงของตนเองก่อนว่าในสภาพตามความเป็นจริงแล้วนั้นมีขีดความสามารถสูงสุดอยู่ที่ตรงไหน

หลังจากพวกของบดีศวรทั้งสี่คนกินยาเสร็จแล้วก็ได้เร่งรีบพุ่งตรงเข้ามาหารพีพงษ์โดยไม่ยอมสิ้นเปลืองเวลา

ชายทั้งสี่คนอยู่ในท่าล้อมรพีพงษ์ไว้ตรงกลาง รพีพงษ์เดินพลังวิเศษเสนทันที เขาใช้พลังนี้ปกคลุมผิวหนังทั่วทั้งตัว ก่อตัวเป็นการป้องกันแบบง่ายๆ

ด้วยศัตรูสี่ต่อหนึ่ง สิ่งสำคัญที่สุดคือการต้านทานการโจมตีของทุกคน รพีพงษ์ไม่ใช่ยอดมนุษย์ ดังนั้นจึงต้องพึ่งพาวิธีนี้ในการลดความเสียหายที่ตนเองจะได้รับเท่านั้น

ความจริงพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า วิธีการป้องกันที่บันทึกไว้ในหนังสือกลยุทธ์ยังคงมีประสิทธิภาพอย่างมาก อย่างน้อยที่สุดการโจมตีทั่วไปก็จะไม่สามารถสร้างความเสียหายต่อรพีพงษ์มากเกินไปนัก กลุ่มชายหนุ่มที่น่ารำคาญได้ลงมือต่อรพีพงษ์ รพีพงษ์ใช้พลังของตนเองในระดับสูงสุดอย่างรวดเร็ว โดยปิดกั้นการโจมตีของทุกคนในชั่วพริบตา หลังจากนั้นก็ออกหมัดต่อยลงไปบนตัวของบดีศวรอย่างรวดเร็ว

บดีศวรที่กินยาเม็ดนั้นมีปฏิกิริยาตอบสนองไม่ช้าไปกว่ารพีพงษ์ ตรงที่ที่เขาออกหมัดใส่โดยตรง ในเวลานี้การโจมตีของชเยศได้มาถึงบนหลังของรพีพงษ์แล้ว แต่รพีพงษ์ไม่ได้สนใจเลย

“ไอ้หนู ข้อบกพร่องร้ายแรงโผล่ออกมาตั้งแต่เริ่มต้นเลยนะ ดูเหมือนว่านี่จะเป็นขีดจำกัดของแกแล้ว รับความตายไปซะเถอะ!” ชเยศร้องตะโกนแล้วต่อยหมัดนั้นลงบนหลังของรพีพงษ์

ผลลัพธ์ที่ชเยศคิดเอาไว้ไม่ได้ปรากฏออกมาเลย เดิมทีเขาคิดว่าหลังจากที่รพีพงษ์ได้รับหมัดของเขาแล้วอย่างน้อยที่สุดต้องได้รับบาดเจ็บเล็กๆน้อยๆพอที่จะขัดแข้งขัดขาได้บ้าง แต่หลังจากที่รพีพงษ์ได้รับหมัดของเขาไปแล้วก็ดูเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย

“เป็นไปไม่ได้!” ชเยศร้องอุทานอย่างประหลาดใจ

ถึงแม้ว่าหมัดเมื่อกี้นี้ของเขาจะไม่ได้ใช้พลังทั้งหมด แต่ว่าหลังจากกินยาแล้วหมัดที่เขาสุ่มต่อยออกไปล้วนแต่มีพลังมหาศาล เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีผลกระทบต่อรพีพงษ์แม้แต่นิดเดียว

รพีพงษ์หันหน้าไปมองเขา ฉีกยิ้มแล้วพูดว่า : “จั๊กจี้ชะมัด คุณยังไม่ได้กินข้าวหรือไง?”

ชเยศหัวเสียอย่างมาก คิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะกล้าทำให้เขาอับอายขนาดนี้ สิ่งนี้มันทำให้เขาโกรธมาก

“ฉันไม่เชื่อว่าแกจะฝืนทนอย่างนี้ได้ตลอด ยังไงก็จะต้องถึงตอนที่แกยิ้มไม่ออก!”

ทั้งสี่คนโจมตีรพีพงษ์ทุกด้าน รพีพงษ์ที่อยู่ตรงกลางกำลังถูกรุมอย่างชัดเจน หนำซ้ำพวกเขายังกินยาอีกครั้ง ด้วยพลังที่ไม่อาจหยุดยั้งไว้ได้ เป็นครั้งแรกที่รพีพงษ์ได้เข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงรสชาติของสถานการณ์ที่ยากลำบาก

ผู้ชมทุกคนด้านล่างเวทีต่างพากันรู้สึกระทึกแทนรพีพงษ์ที่กำลังถอยหลังไปเรื่อยๆและทัศนคติในใจไม่ใช่แง่ดีมากนัก

“สี่รุมหนึ่ง ตาแก่พวกนี้ช่างไร้ยางอายจริงๆ น่ากลัวว่าครั้งนี้รพีพงษ์จะได้แขวนนวมแล้วจริงๆ”

“เขาไม่ได้ทำตัวเองรึไง เห็นได้ชัดว่าเป็นเขาที่ยืนกรานจะเอาทั้งสี่คนมารวมกัน ตอนนี้สู้ไม่ได้แล้วก็ทำได้แค่โทษตัวเองนั่นแหละ”

“จุ๊ๆๆ รพีพงษ์เป็นคนที่มีพรสวรรค์ขนาดนี้ คาดไม่ถึงเลยว่าสมองจะบ้าๆบอๆไปแล้ว น่าเสียดายจริงๆ ถึงจะเก่งกาจแค่ไหน คนก็จะจดจำเขาได้แค่ตอนที่มีชีวิตอยู่เท่านั้น เมื่อตายไป คนก็จะลืมเขาไปอย่างรวดเร็ว”

……

เวทัส ดำเกิงและคนอื่นๆเห็นว่ารพีพงษ์รพีพงษ์จะไม่สามารถต้านทานได้อีกในไม่ช้าอย่างเห็นได้ชัด สีหน้าของทุกคนก็เต็มไปด้วยความวิตกกังวล

“ไม่ได้การ เป็นอย่างนี้ต่อไป รุ่นพี่จะต้องถูกซัดจนตายอย่างแน่นอน พวกเราจะต้องขึ้นเวทีไปช่วยเขา ในเมื่อพวกเขาทำตัวหมาหมู่ได้ พวกเราก็ขึ้นเวทีไปช่วยเถอะ” ดำเกิงลุกขึ้นยืนโดยตรง

เวทัสรีบขวางเขาเอาไว้แล้วเอ่ยว่า “นายเป็นบ้าเหรอไง ผู้ที่อยู่บนสังเวียนล้วนแต่เป็นระดับปรมาจารย์ นายขึ้นไปก็มีแต่ไปตายเท่านั้น”

“แต่พวกเราก็ไม่สามารถมองดูรุ่นพี่ถูกตีจนตายแบบนี้ได้หรอกนะ” ใบหน้าของดำเกิงเต็มไปด้วยความกังวล

“พวกเราแจ้งให้อาจารย์ทราบแล้ว ถ้าฉันคำนวณเวลาไม่ผิด เขาน่าจะรีบมาที่นี่ในวันนี้ ตอนนี้พวกเราทำได้เพียงแค่ฝากความหวังไว้ที่อาจารย์เท่านั้น เรื่องอื่นๆ เราทำอะไรไม่ได้แล้ว” เวทัสเอ่ยปาก

ดำเกิงได้แต่กัดฟันเพราะสถานะของตัวเองแล้วทุบลงไปบนต้นขาอย่างหนัก เขาเกลียดที่พละกำลังของเขาอ่อนแอเกินไป ไม่มีทางที่จะช่วยรพีพงษ์ที่อยู่บนเวทีได้

“เจ้าหนูนี่น่าจะถึงขีดสุดแล้ว ถัดจากนี้ไปเขาน่าจะถูกปรมาจารย์ทั้งสี่ท่านนี้ร่วมมือกันฆ่าตาย เหอะๆ ไม่ว่าคุณจะมีความสามารถชนิดไร้คู่ต่อกร แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่สามารถหลบหนีจากความตายไปได้” ชายในเสื้อคลุมดำมองดูการต่อสู้บนเวทีประลอง ในใจรู้สึกเต็มไปด้วยความภาคภูมิ

หลังจากที่รพีพงษ์ถูกบดีศวรและชเยศทุบตีสองรอบตามลำดับ เขาก็ถอยหลังไปสองสามก้าวอย่างรวดเร็วแล้วเอื้อมมือมาเช็ดเลือดที่มุมปาก ในใจมีเสียงถูกรุมกลั่นแกล้ง

ในระหว่างการต่อสู้เมื่อกี้นี้ เขาได้รับบาดเจ็บแล้วเล็กน้อย แน่นอนว่าเขาการที่เขาใช้พลังวิเศษเสนชั้นสูงในสภาวะปกติเพื่อจัดการกับคนทั้งสี่เป็นเรื่องที่ฝืนบังคับตนเองเกินไป

“รพีพงษ์ วันนี้นายไม่สามารถเอาชนะได้หรอก ยอมจำนวนแต่โดยดีเถอะ นี่เป็นทางเลือกเดียวของนาย” บดีศวรจ้องไปที่รพีพงษ์แล้วพูดคำนี้ เขารู้สึกว่าเรื่องวันนี้ปลอดภัยเรียบร้อยแล้ว

มุมปากของรพีพงษ์ยกขึ้นจนเป็นองศาที่ดูยั่วเย้าแล้วเอ่ยปากว่า : “หรือพวกคุณคิดว่านี่คือขีดจำกัดของผมแล้วใช่ไหม? อย่าคิดว่ามีแต่พวกคุณเท่านั้นที่มีวิธีพัฒนาความแข็งแกร่ง!”

พูดจบ รพีพงษ์ก็ใช้กลวิธีลึกลับเพิ่มพละกำลังที่หมุนเวียนอยู่ภายในร่างกายโดยตรง เขารู้สึกว่าพลังวิเศษเสนทั่วทั้งตัวของเขาทุกอย่างเริ่มเดือดพล่านขึ้นมา กล้ามเนื้อทั่วร่างกายของเขาเริ่มดูดซับสิ่งที่ระเบิดออกมาจากพลังวิเศษเสน ในเวลานั้นเอง ผิวหนังของรพีพงษ์ก็เปลี่ยนเป็นสีแดง ราวกับเขาผ่านการลวกในน้ำเดือดมายังไงยังงั้น

พลังงานได้พุ่งตรงขึ้นไปปกคลุมทั่วทั้งโรงยิมในชั่วพริบตา โครงสร้างตัวอาคารภายในโรงยิมนั้นไม่มีลมพัดเข้ามาเลย แต่อย่างไรก็ตามเสื้อผ้าของทุกคนในเวลานี้ล้วนพัดปลิวไปตามกระแสลม นี่คือพลังงานบนตัวของรพีพงษ์ที่ควบแน่นจนกลายเป็นพายุหมุน!

พลังของรพีพงษ์คนเดียวปกคลุมอยู่สูงกว่าพลังของพวกบดีศวรสี่คนรวมกันทั้งหมดโดยสิ้นเชิง บังคับให้พวกของบดีศวรลืมตาไม่ขึ้น

รพีพงษ์รู้สึกเหมือนกับว่ามีเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์อยู่ในร่างกายของตนเอง มีพลังงานอันไร้ซึ่งขอบเขตวิ่งวนไปทั่วร่างกายของเขา

รพีพงษ์รู้ว่ากลวิธีลึกลับนี้สามารถเพิ่มระดับความแข็งแรงของเขาได้อย่างยิ่งใหญ่ แต่เขาคิดไม่ถึงเลยว่ากลวิธีลึกลับจะน่ากลัวขนาดนี้ เขารู้สึกว่าร่างกายของเขาใกล้จะระเบิดด้วยพลังที่เพิ่มขึ้น

พวกของบดีศวรทั้งสี่คนต่างจ้องมองไปที่รพีพงษ์อย่างตกตะลึง การเปลี่ยนแปลงบนตัวของรพีพงษ์ช่างน่ากลัวเกินไปแล้ว

ยังไงก็ตามพวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้เกิดขึ้นกับรพีพงษ์ในเวลานี้ได้

“เป็น…เป็นไปได้ยังไง? เจ้าหนูนี่ยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า?” นิรภาพจ้องมองไปที่รพีพงษ์แล้วพึมพำกับตัวเอง

“หรือ…หรือว่าเขาจะทะลุไปยังดินแดนนั้นแล้ว? การเปลี่ยนแปลงของร่างกายเขามีเพียงแค่คนในดินแดนนั้นที่สามารถทำได้ใช่ไหม?” บดีศวรเองก็มองตรงไปยังรพีพงษ์ด้วยเช่นกัน

ชายชุดดำในกลุ่มผู้ชมที่กำลังรอคอยให้รพีพงษ์ถูกฆ่า แต่เมื่อมองเห็นการเปลี่ยนแปลงของรพีพงษ์ เขาก็ลุกขึ้นยืนโดยตรง

“ให้ตายเถอะเป็นไปได้ยังไง! หรือว่าเจ้าหนูนี่แตะที่ธรณีประตูนั้นแล้ว?” ดำเกิงและคนอื่นๆที่ตอนแรกเป็นห่วงรพีพงษ์ต่างก็ตกตะลึงเมื่อมองเห็นการเปลี่ยนแปลงในตัวของรพีพงษ์

ดำเกิงมองไปที่รพีพงษ์เป็นเวลานานแล้วพึมพำกับตัวเอง : “ลูก…ลูกพี่จะระเบิดตัวเองงั้นเหรอ?”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท