พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่797 แดนดั่งเทพ

บทที่797 แดนดั่งเทพ

บทที่797 แดนดั่งเทพ

หลังจากที่รพีพงษ์ได้ยินคำพูดของอาจารย์แล้วนั้น ก็ชะงัก เขามองว่า พลังวิเศษเสนถ้าเทียบกับเน่ยจิ้ง แข็งแกร่งมากกว่าหลายเท่า นี่น่าจะเป็นวิชาที่ผู้เรียนศิลปะการต่อสู้อยากฝึกฝนมากที่สุด

ไม่ว่าฝีมือเป็นอย่างไร หลังจากที่รู้เกี่ยวกับพลังวิเศษเสนแล้วนั้น ต้องหาวิธีฝึกฝนมันแน่นอน เพราะเมื่อถ้ามีพลังวิเศษเสน นั่นหมายถึงฝีมือจะเก่งกาจกว่าคนอื่นถึงสิบเท่า แม้จะตั้งใจฝึกฝนเน่ยจิ้งมากเท่าไหร่ก็ไม่ได้แบบนี้

ตอนนั้นหลังจากที่ชินาธิปรู้ว่าในตัวรพีพงษ์มีพลังวิเศษเสนอยู่นั้น แม้แต่ความแค้นที่มีต่อนันยชก็ไม่ล้างแค้นแล้ว ร้องขอให้รพีพงษ์สอนพลังวิเศษเสนให้กับเขา แค่เท่านี้ก็รู้แล้วว่าพลังวิเศษเสนดึงดูดผู้คนมากมายขนาดไหน

แต่ทว่าตอนนี้รพีพงษ์อยากสอนพลังวิเศษเสนให้กับอาจารย์ แต่อาจารย์กลับปฏิเสธเขา นี่ทำให้เขามึนงงไปชั่วขณะ

“อาจารย์ เน่ยจิ้งเทียบไม่ได้กับความมหัศจรรย์ของพลังวิเศษเสนนั้น ถ้าคุณฝึกฝนพลังวิเศษเสน ความสามารถจะไม่ได้เพิ่มแค่ขั้นเดียวเท่านั้น แม้จะพูดว่านี่คือโอกาสของผม แต่อาจารย์เป็นคนสอนความสามารถให้ผมทั้งหมด ผมบอกวิธีการฝึกฝนพลังวิเศษเสนให้กับอาจารย์ เป็นเรื่องที่สมควรอยู่แล้ว” รพีพงษ์กล่าว

อาจารย์ยิ้ม แล้วกล่าว “แกมีความคิดนี้ก็พอแล้ว แต่พลังวิเศษเสนสำหรับฉัน ไม่ได้มีประโยชน์อะไรมากมายนักแล้ว” อาจารย์กล่าว

หลังจากที่รพีพงษ์ได้ยินคำพูดของอาจารย์ ก็เกิดตกใจขึ้นทันใด ที่อาจารย์พูดว่าพลังวิเศษเสนไม่มีประโยชน์อะไรกับเขาไม่นัก งั้นก็น่าจะเป็นไปได้ว่า ฝีมือของอาจารย์ได้ไปไกลกว่าระดับปรมาจารย์แล้ว ดังนั้นพลังวิเศษสำหรับอาจารย์แล้ว ความสามารถของเขาได้ไปถึงขั้นที่คนธรรมดาทั่วไปคิดไม่ถึงแล้ว ดังนั้นสำหรับเขาพลังวิเศษเสน ไม่มีประโยชน์อะไรมากแล้ว

ภายในระยะเวลาอันสั้น รพีพงษ์รู้สึกว่าอาจารย์ในสายตาเขา ได้มีความลึกลับเพิ่มขึ้นอีก

ตอนนั้นที่รพีพงษ์ถามอาจารย์ว่าเป็นยอดฝีมือระดับปรมาจารย์หรือไม่ อาจารย์ตอบว่านั้นเป็นเรื่องเมื่อกว่าสามสิบปีที่แล้ว กลับไม่ได้ยอมรับว่าตัวเองเป็นยอดฝีมือปรมาจารย์

รพีพงษ์คิดว่าฝีมืออาจารย์อยู่ระดับปรมาจารย์ เพราะตอนนั้นที่เขาเพิ่งรู้จักปรมาจารย์ จะไปคิดได้ไงว่ายังมีขั้นที่สูงกว่าระดับปรมาจารย์

ตอนนี้อาจารย์พูดแบบนี้ รพีพงษ์ก็มั่นใจ ว่าฝีมือของอาจารย์ ต้องสูงกว่าระดับปรมาจารย์อย่างแน่นอน

และก็ไม่รู้ว่าความสามารถของอาจารย์น่ากลัวมากมายขนาดไหน รพีพงษ์ยังหวังว่าจะมีโอกาสได้ดูอาจารย์แสดงฝีมืออย่างเต็มที่ออกมา ไม่รู้ว่าชาตินี้จะได้เห็นหรือไม่

“อาจารย์ ฝีมือของคุณ เกินกว่าระดับปรมาจารย์ ไปถึงขั้นที่สูงกว่าแล้วใช่หรือไม่?” รพีพงษ์ถาม

อาจารย์ยิ้ม กล่าว “สูงกว่าระดับปรมาจารย์ มีที่ระดับสูงกว่านั้นจริงๆ”

รพีพงษ์ได้ยินคำพูดนี้ของอาจารย์ แวบแรกก็คิดว่า อาจารย์ไม่ได้ตอบเขาโดยตรง นี่หมายถึง ยังมีระดับสูงกว่าปรมาจารย์จริงๆ แต่อาจารย์จะเป็นระดับนั้นไหม มิอาจรู้ได้

จากประสบการณ์ แม้ตอนนี้อาจารย์จะบอกว่าตัวเองอยู่ระดับสูงกว่าปรมาจารย์ รพีพงษ์ก็ไม่สงสัย

แต่อาจารย์พูดแบบนี้ เพราะไม่อยากบอกว่าตัวเองอยู่ระดับไหนแน่นอน ดังนั้นรพีพงษ์ก็ไม่กล้าถามคำถามนี้

“ฉันได้ดูวิดีโอที่วันนั้นแกต่อสู้กับบดีศวรแล้ว ในตอนสุดท้าย หมัดนั้นของแก เต็มเปี่ยมด้วยออร่า ใช่ไหม?” อาจารย์ถาม

รพีพงษ์พยักหน้า แม้ไม่รู้ว่าทำไมอาจารย์ถามคำถามนี้ แต่นี่ทำให้รพีพงษ์สงสัยเป็นอย่างมาก

ในเว็บไซต์สามารถเห็นวิดีโอนี้ได้ทั่วไปใช่ไหม รพีพงษ์ต้องคิดว่าตัวเองมโนไปอย่างแน่นอน

“เอาจริงๆ ผมแอบสงสัยว่าออร่าที่ถูกปล่อยออกไปนั้นเป็นความมโนของผมเองเสียอีก เพราะการต่อสู้ทั่วไป จะเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นได้อย่างไร” รพีพงษ์กล่าว

อาจารย์ยิ้มอย่างมีเลศนัย กล่าว “สิ่งที่แกเห็น ไม่ใช่จินตนาการ ดูที่มือฉัน”

รพีพงษ์มองอาจารย์อย่างตะลึง ไม่คาดคิดว่าอาจารย์จะมั่นใจว่าสิ่งที่เขาเห็นนั้นไม่ใช่จินตนาการ

เขาก็มหน้ามองที่มือของอาจารย์ อยากรู้ว่าอาจารย์จะให้เขาดูอะไร

นิ้วของอาจารย์ราวกับมีด แล้วชี้ไปที่โต๊ะที่อยู่ไม่ไกล ถาม “รับรู้อะไรได้บ้างไหม?”

รพีพงษ์ดูที่มือของอาจารย์อย่างขะมักขะเม่น พวกเขารับรู้ได้อย่างชัดเจนถึงสิ่งที่อยู่บนมือของอาจารย์ มีพลังมหาศาลรวมกันอยู่ พลังมหาศาล เกรงว่าจะมากกว่าวันนั้นที่รพีพงษ์ปล่อยออกมาเสียอีก

เขาตะลึง พลังที่ร้ายกาจขนาดนี้ อาจารย์สามารถควบคุมได้อย่างไร้ที่ติ เพียงแค่เรื่องการควบคุม ตอนนี้รพีพงษ์ก็เทียบไม่ได้แล้ว

ในขณะที่รพีพงษ์กำลังจ้องมองอยู่ที่มือของอาจารย์ ปากของอาจารย์ก็ทำมุมแสดงออกถึงการมีเลศนัย จากนั้น รพีพงษ์ก็ได้เห็นบนนิ้วสองนิ้วของอาจารย์ มีออร่าปรากฏขึ้นมาทันใด และยังดูชัดเจนอีกด้วย ชัดเจนกว่าที่เขาทำได้ในวันนั้นเป็นร้อยเท่า

“เป็น…..เป็นไปได้ไง!” รพีพงษ์ส่งเสียงตกใจ

อาจารย์ขยับนิ้วสองนิ้วนั้น ออร่าที่ราวกับมีดนั้นได้บางเบาลง มีเสียงดังกระหึ่มขึ้น จากนั้น รพีพงษ์ก็เห็นบนดินปรากฏช่องยาวๆ ทำเอาตะลึงไปตามๆกัน

รพีพงษ์ยืนขึ้น มองไปที่อาจารย์อย่างคาดไม่ถึง มีแต่เรื่องที่ทำให้เขาคิดไม่ถึงตอนนี้ก็ตะลึงจนอ้าปากค้าง

อาจารย์เห็นรพีพงษ์ตะลึง ก็กล่าว “เมื่อกี๊ฉันแค่แสดงให้แกดู แกคงไม่อยากให้ฉันซ่อมแซมสนามให้หรอกนะ?”

“ไม่……ไม่ครับ” รพีพงษ์จ้องอาจารย์อย่างตะลึง ไม่คาดคิดว่าอาจารย์ไม่มีแค่สามารถควบคุมออร่าในมือได้ ความสามารถนี้ทำให้คนตะลึงได้จริงๆ ไม่แปลกที่ตระกูลใหญ่ทั้งหกไม่อยู่ในสายตาของอาจารย์ การกระทำเมื่อกี๊ แม้จะเป็นยอดฝีมือประมาจารย์ ก็เกรงว่าจะเอาไม่อยู่

เดิมทีเขาคิดว่าพลังวิเศษเสนของเขาเก่งกาจแล้ว ตอนนี้เขารู้แล้วว่า เขายังห่างจากความเก่งกาจที่แท้จริง อยู่มาก

“อาจารย์ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไม การโจมตีของอาจารย์เมื่อกี๊ ชั่งน่ากลัวได้ขนาดนี้?” รพีพงษ์รีบถาม

อาจารย์ได้เก็บออร่าในนิ้วของตัวเอง ยิ้มพลางกล่าว “นี่ นี่คือความสามารถที่ระดับปรมาจารย์ทำได้ ในการต่อสู้ครั้งนั้นของแก ตอนสุดท้าย ได้ไปถึงขั้นนี้แล้วเล็กน้อย ดังนั้นในมือจึงได้มีออร่าเกิดขึ้นมา”

ทันใดนั้นรพีพงษ์ ก็ไม่คาดคิดว่าพลังของตัวเองจะไปถึงระดับที่น่าเกรงขามนี้แล้ว ยากนักที่จะเกิดปรากฏการณ์นี้ขึ้นได้

แต่เพียงแค่แม้หมัดนั้นจะร้ายกาจขนาดไหน ก็ไม่ร้ายกาจเท่าพลังที่อาจารย์แสดงออกมาอย่างใจชอบได้

“อาจารย์ นี่มันระดับไหนกันแน่? ทำไมถึงร้ายกาจได้ขนาดนี้?” รพีพงษ์พยายามกดความตื่นตระหนกที่มีในใจของตัวเองไว้ แล้วมองไปที่อาจารย์พลางถาม

“ระดับนี้คือแดนดั่งเทพ มาถึงแดนนี้ได้ ปล่อยเน่ยจิ้ง ฆ่าคนผ่านอากาศ และสามารถควบคุมเน่ยจิ้งได้ สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า”

“เน่ยจิ้งแปรสภาพ ยอดเยี่ยมที่สุด คือแดนดั่งเทพ”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท