พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่804 สำนักเทพยาเซียน

บทที่804 สำนักเทพยาเซียน

บทที่804 สำนักเทพยาเซียน

รพีพงษ์เห็นปฏิกิริยาของครองภพ ก็หันหน้าไปถามเขา ว่า “แกรู้จักสำนักเทพยาเซียน?”

ครองภพหยักหน้า กล่าว “ผมก็แค่เคยได้ยินข่าวลือบางอย่างเกี่ยวกับสำนักเทพยาเซียนมา กล่าวว่าสำนักเทพยาเซียนนี้เป็นสถานที่ที่อุดมสมบูรณ์ ที่นั่นมีวัตถุดิบล้ำค่าในการทำยาอย่างมากมาย หนึ่งในนั้นก็มีวัตถุดิบกว่าร้อยและพันปีอยู่ด้วย”

“นักกลั่นยาที่ฝีมือดีได้เปิดตำหนักอยู่ที่นั่น ได้ยินมาว่าสำนักเทพยาเซียนมีมากว่าร้อยกว่าปีแล้ว เป็นศูนย์รวมของยอดฝีมือ แล้วทุกคนก็ต่างผลิตยา แล้วสภาพแวดล้อมเป็นใจ บวกกับพวกเขามีพรสวรรค์ในการทำยา คนของสำนักเทพยาเซียนล้วยฝีมือเก่งกาจมาก แม้จะไม่มีคนที่มีพรสวรรค์ แต่พวกเขาก็สามารถพึ่งฝีมือของตัวเองผลักดันขึ้นไปได้

“ยาส่วนมากของสำนักเทพยาเซียนถูกขนานนามว่าเป็นยาวิเศษ มีคนใหญ่คนโตล้วนไปรักษาโรคที่สำนักเทพยาเซียน ได้ยินมาว่าเพียงแค่หาสิ่งของที่คนของสำนักเทพยาเซียนชอบ ก็สามารถแลกกับยาที่ตัวเองต้องการได้แล้ว”

“แต่นี่ก็เป็นเพียงข่าวลือ จริงหรือไม่ไม่มีใครรู้ ไม่คาดคิดว่าวันนี้จะมีคนเรียกตัวเองว่าคนของสำนักเทพยาเซียน”

หลังจากที่รพีพงษ์ได้ยินคำพูดของครองภพก็คิดว่า เพียงแค่ดูจากชายชุดดำมอบยาให้กับห้าตระกูลใหญ่ สำนักเทพยาเซียนนี้ ก็พอจะดูออกแล้วว่ามีฝีมือมากขนาดไหน

ชายชุดดำได้ยินครองภพเล่าเรื่องเกี่ยวกับสำนักเทพยาเซียนแล้วนั้น ก็รู้สึกภูมิใจ รู้สึกว่าภูมิใจมากที่ตัวเองเป็นคนของสำนักเทพยาเซียน

“ความเก่งกาจของสำนักเทพยาเซียน ข่าวลือนี้ไม่ใช่จะอธิบายได้ทั้งหมด เหมือนกับตระกูลใหญ่ศิลปะการต่อสู้ทั้งหลาย ในสายตาฉันของสำนักเทพยาเซียน ก็เป็นแค่ตัวตลกเท่านั้นแหละ” ชายชุดดำกล่าว

ครองภพไม่พูดพร่ำทำเพลงตบไปที่หน้าของชายชุดดำหนึ่งฉาด กล่าว “กูให้มึงพูดหรอ?”

แม้ข่าวลือของสำนักเทพยาเซียนที่ได้ยินมาจะดูเก่งกาจจริง แต่ชายชุดดำนี้เป็นคนที่ถูกครองภพคาดคั้น ถ้าอยากตีก็ต้องตี มิเช่นนั้นถ้าความรุนแรงออกลงมา จะบีบยากแล้ว

ชายชุดดำอดกลั้น คิดว่าถ้าไม่ใช่เพราะตอนนี้ตัวเองใช้พลังไม่ได้ แล้วจะเห็นเน่ยจิ้งขั้นกลางได้ไงกัน

เน่ยจิ้งขั้นกลาง ของสำนักเทพยาเซียน ดูแลเรื่องทั่วไปแทนเขา

รพีพงษ์จ้องไปที่ชายชุดดำ ถาม “ในเมื่อเทพยาเซียนของพวกแกร้ายกาจขนาดนี้ มียอดฝีมือแดนดั่งเทพมั้ย?”

“แดนดั่งเทพ? คืออะไร?” ชายชุดดำชะงัก ดูออกว่าไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับแดนดั่งเทพมาก่อน

รพีพงษ์เห็นปฏิกิริยาของชายชุดดำ ก็อดหัวเราะไม่ได้ เขาคิดว่าคนของเทพยาเซียนที่หยิ่งยโสขนาดนี้ จะต้องเป็นแดนที่เก่งกาจแน่นอน แต่ไม่คาดคิดว่าชายชุดดำนี้จะไม่รู้ว่ามีแดนดั่งเทพอยู่ นั่นก็หมายถึงสำนักเทพยาเซียนเก่งกว่าตระกูลใหญ่ศิลปะการต่อสู้โบราณเล็กน้อยเท่านั้น

อาจเพราะจำนวนยอดฝีมือแดนปรมาจารย์ของพวกเขามากกว่าตระกูลใหญ่พวกนั้นแค่เท่านั้นเอง

สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้เลยคือ ยาของสำนักเทพยาเซียนบางทีอาจจะยอดเยี่ยมมากจริงๆก็ได้นะ สามารถให้คนธรรมดาพึ่งยานี้ดันขึ้นไปได้

ในขณะเดียวกันก็แสดงว่าแดนดั่งเทพที่หายาก สำนักเทพยาเซียนนี้มีความพิเศษแต่กลับไม่มีแดนดั่งเทพ ดังนั้นจะเห็นได้ชัดว่าแดนดั่งเทพไม่มีทางพึ่งภายนอกได้

“บอกมาว่าสำนักเทพยาเซียนของแกมีแดนปรมาจารย์ทั้งหมดกี่คน” รพีพงษ์กล่าว

“สำนักเทพยาเซียนของฉันมีแดนประมาจารย์ทั้งหมดยี่สิบเอ็ดคน หนึ่งในนั้นมียอดฝีมือขั้นสุดยอดอยู่ห้าท่าน แบบฉันก็สิบคน แล้วก็เพิ่งเข้าแดนปรมาจารย์อีกห้าคน แม้จะบวกกับยอดฝีมือแดนปรมาจารย์ทั้งหมดของหกตระกูลใหญ่ ก็ไม่เยอะเท่ากับสำนักเทพยาเซียนของฉัน” ชายชุดดำกล่าวอย่างสะใจ

รพีพงษ์และครองภพได้ยินแล้วนั้น ก็ไม่คาดคิดว่าสำนักเทพยาเซียนจะมียอดฝีมือแดนปรมาจารย์มากมายขนาดนี้ นี่มันเกือบครึ่งของวงการบู๊แห่งหัวเซี่ยแล้ว

ความจริงรพีพงษ์คิดว่าสำนักเทพยาเซียนจะเก่งกาจ มียอดฝีมือแดนปรมาจารย์สักเจ็ดแปดคนก็แน่นแล้ว ไม่คาดคิดว่าจะมีถึงยี่สิบเอ็ดคน ดูๆไปการพึ่งยา เพิ่มเพิ่มพลัง มันง่ายอย่างนี้นี่เอง

“ลูกพี่ สำนักเทพยาเซียนน่ากลัวไปแล้ว มียอดฝีมือแกนปรมาจารย์ตั้งยี่สิบกว่าคน ถ้าสำนักเทพยาเซียนเพ่งเล็งพวกเราล่ะก็ จบเห่แน่ ไม่งั้นเราปล่อยมันไปดีมั้ย?” ครองภพพูดกับรพีพงษ์เบาๆ

ชายชุดดำเห็นครองภพตกใจกับสำนักเทพยาเซียน ก็มองไปรอบๆ แล้วกล่าว “ฉันว่าแกรีบปล่อยฉันไปจะดีกว่า ฉันจะไม่ติดใจอะไร เรื่องครั้งนี้ถือว่าพอแค่นี้ มิเช่นนั้นเมื่อคนของสำนักเทพยาเซียนรู้ว่าฉันถูกพวกแกจับตัวไว้ แล้วยังโดนดูถูกขนาดนี้ พวกเขาจะต้องมาทำลายล้างตระกูลลัดดาวัลย์เล็กๆของแกแน่นอน!”

รพีพงษ์บึนปาก มองไปที่ชายชุดดำ ถาม “บอกฉันหน่อยได้มั้น คนของสำนักเทพยาเซียน จะรู้ได้ไงว่าแกถูกจับ?”

ชายชุดดำชะงัก ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้ไตร่ตรองเรื่องนี้ ตอนนี้รพีพงษ์ถามอย่างกะทันหัน เขาไม่รู้จะตอบอย่างไร

สำนักเทพยาเซียนแค่ได้ยินชื่อก็รู้แล้วว่าเป็นที่ที่ตัดขาดจากโลก ห่างจากเกียวโตเป็นหลายพันไมล์ เรื่องที่ชายชุดดำถูกจับนั้นแม้จะลือไปถึงที่นั่นก็ต้องรออีกหลายวันกว่าจะมาถึง

ยิ่งไปกว่านั้นไมมีใครรู้ว่าเขาถูกจับ ตอนที่รพีพงษ์จับเขาก็เป็นชานเมืองว่างเปล่า เขาเป็นคนเลือกสถานที่เอง แม้สำนักเทพยาเซียนมั่นใจว่าเขาหายตัวไป มาค้นหา ก็ไม่มีทางรู้ได้ว่ารพีพงษ์จับเขาไว้

แม้แต่จะล้างแค้นให้ชินาธิป นี่ก็เป็นเรื่องส่วนตัวของชายชุดดำ คนของสำนักเทพยาเซียนไม่มีใครรู้ว่าเขามาเกียวโต เพื่อฆ่ารพีพงษ์

ชายชุดดำสิ้นหวัง ไม่คาดคิดว่าตนเองจะติดกับดักเสียแล้ว

รพีพงษ์เห็นปฏิกิริยาของชายชุดดำ ก็เข้าใจแล้วว่าคนของสำนักเทพยาเซียนไม่มีทางรู้ได้ว่าเขาอยู่ในมือของรพีพงษ์ ดังนั้นเขาจึงไม่มีอะไรต้องเป็นกังวล

“ฝีมือของสำนักเทพยาเซียนของพวกแกไม่ธรรมดา แต่ในสายตาอของฉัน ไม่มีอะไรที่น่าหวั่นเกรง แม้พวกเขาจะรู้ว่าแกอยู่ในมือของฉัน ก็แค่แก็ไขปัญหาอีกครั้งก็แค่นั้น” รพีพงษ์กล่าว

เขาไม่ได้โอ้อวด แต่หลังจากที่ได้ผ่านการต่อสู้ครั้งที่แล้วมา รพีพงษ์รู้ความสามารถของตัวเองดี บวกกับที่อาจารย์ได้อยู่ที่ตระกูลลัดดาวัลย์สองวันที่ผ่านมา รพีพงษ์ได้ผ่านอาจารย์เกี่ยวกับเน่ยจิ้งภายนอกไว้เยอะ รพีพงษ์ก็รับรู้ได้ ว่าฝีมือได้ก้าวไปข้างหน้าแล้ว

ยอดฝีมือยี่สิบเอ้ดคนถึงแม้ฟังแล้วน่ากลัว แต่ถ้ารพีพงษ์ต้องเผชิญกับพวกเขา ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ อย่างน้อย ถ้าสู้ไม่ได้ อยากจะหนี ก็ไม่มีใครห้ามไว้ได้

ยิ่งไปกว่านั้นยอดฝีมือทั้งหมดของแดนปรมาจารย์ของสำนักเทพยาเซียนมาหาเรื่องรพีพงษ์ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้

“ที่แกมาเกียวโต ก็เพื่อล้างแค้น?” รพีพงษ์ถามอีกครั้ง

นัยน์ตาของชายชุดดำเป็นประกาย แต่ไม่ได้ตอบรพีพงษ์

รพีพงษ์สังเกตุเห็นกระดาษบนโต๊ะที่วางซ้อนๆกันอยู่ ก็เดินเข้าไป แล้วเปิดดู

บนกระดาษเป็นรูปของเด็กผู้หญิง สวยงามมาก ด้านล่างภาพวาด เขียนว่า อุเอสึงิ ฮารุ

นัยน์ตารพีพงษ์เล็กลง อุเอสึงินามสกุลนี้ เป็นนามสกุลของตระกูลประเทศญี่ปุ่นที่มีหยกโยงจิต

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท