พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่809 ความจริง

บทที่809 ความจริง

บทที่809 ความจริง

รพีพงษ์จ้องไปที่อุเอสึงิ ยูกิที่ล้มอยู่กับพื้น ชี้ไปที่รายการหน้าสุดท้าย ถาม “พวกแกต้องการของสิ่งนี้ไปทำอะไร? ทำไมต้องไปที่สำนักเทพยาเซียนเพื่อของพวกนี้? แม้พวกแกต้องการ ก็เอาคนของตระกูลอุเอสึงิไปเลยไม่ไ่ด้หรือไง?”

อุเอสึงิ ยูกิรู้ว่าตัวเองมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ไหวแล้ว ได้ยินคำถามของรพีพงษ์ ก็ยิ้มพลางกล่าวว่า “ของพวกนี้จะใช้คนของพวกฉันได้ไงกัน แม้แต่คนของประเทศญี่ปุ่น พวกเราก็ไม่ใช้ ถ้าจะใช้ต้องใช้คนของประเทศจีนของพวกแก”

“คนประเทศจีนเป็นคนที่เลวทรามต่ำช้า เกิดมาเพื่อรับใช้คนของประเทศญี่ปุ่น ยิ่งไปกว่านั้นประเทศคนของแกคนมากขนาดนั้น พวกฉันก็แค่ต้องการเด็กสิบกว่าคนก็เท่านั้น หาจากพวกแกสะดวกกว่าเยอะ”

ได้ยินคำพูดของอุเอสึงิ ยุกิ รพีพงษ์ก็เกรี้ยวกราด จึงได้ถีบไปที่อกของอุเอสึงิ ยูกิอีกครั้ง

อุเอสึงิ ยูกิกระอักเลือดออกมา สีหน้าขาวโพลน

“แม้แกจะฆ่าฉันก็ไร้ประโยชน์ ครั้งนี้ไม่สามารถเอาของจากสำนักเทพยาเซียนได้ คนของตระกูลอุเอสึงิของฉันก็สามารถหาของพวกนี้จากที่อื่นได้ ตอนนี้นายใหญ่ของตระกูลฉันกำลังหาทางอยู่ ถ้าเขาทำสำเร็จ ชนชั้นต่ำอย่างพวกแกก็ต้องอยู่ใต้อานัดของเขาแล้ว!” อุเอซึงิ ยูกิตะคอก

รพีพงษ์ดูแคลน กล่าว “หยุดฝันหวานได้ล่ะ พวกเราชาวจีน ประเทศเล็กๆอย่างพวกแกเทียบไม่ได้หรอก ฉันหนึ่งคน จะล้างบางตระกูลอุเอสึงิของพวกแกเอง!”

พูดจบ รพีพงษ์ก็ก้มลงไปบีบคอของอุเอสึงิ ยูกิ ใช้แรง หักคอเขาโดยตรง

สำหรับสัตว์ประหลาดที่จิตใจไม่ปกติ รพีพงษ์ไม่จำเป็นต้องอ่อนข้อใ้ห้

หลังจากที่รู้แล้วว่าตระกูลอุเอสึงิทำเรื่องไม่ดีไม่งามแบบนี้แล้วนั้น รพีพงษ์ไม่คิดจะเกรงใจตระกูลอุเอสึงิอีกต่อไป แค่คำพูดที่อุเอสึงิ ยูกิพูดนั้น แม้เขาจะไปล้างบางตระกูลอุเอสึงิก็ไม่ถือว่าทำเกินไป ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่จะไปแย่งหยกโยงจิตเลย

แล้วสิ่งที่ทำให้รพีพงษ์คิดไม่ถึงก็คือ สำนักเทพยาเซียนตกลงการแลกเปลี่ยนแบบนี้กับตระกูลอุเอสึงิ ทำให้รพีพงษ์รู้สึกรังเกียจสำนักเทพยาเซียนอย่างเข้าไส้

แล้วตอนนี้รพีพงษ์ก็ไม่รู้ว่าสำนักเทพยาเซียนได้เตรียมของที่ตระกูลอุเอสึงิต้องการไว้หรือยัง นี่เกี่ยวข้องกับชีวิตของเด็ก ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นด้วยเหตุผลอะไร รพีพงษ์จำเป็นต้องไปที่สำนักเทพยาเซียนสักครั้ง

หากสำนักเทพยาเซียนเป็นสำนักที่ร้ายกาจแบบนี้ รพีพงษ์ก็จะเปิดโปงสำนักเทพยาเซียนนี้อย่างไม่หยุดยั้ง

เสียงการต่อสู้ของทั้งสองเมื่อกี๊ค่อนข้างดัง อุเอสึงิ ฮารุที่อยู่ไม่ไกลเริ่มสังเกตเห็นเรื่องการณ์ตั้งนานแล้ว ดังนั้นจึงรีบเดินมา

ตอนที่เธอมาถึง ได้เห็นนพรพีพงษ์กำลังบีบคออุเอสึงิ ยูกิพอดี จากนั้นก็ส่งเสียงตกใจ หยิบมีดสั้นออกมาจากชุด ปาไปที่รพีพงษ์

“แกฆ่าลุงฉันทำไม แกกำลังหลอกพวกเราจริงๆ ฉันไม่ควรเชื่อแกเลย!” อุเอสึงิ ฮารุตะคอกใส่รพีพงษ์

รพีพงษ์กำลังเกรี้ยวกราด เห็นอุเอสึงิ ฮารุพุ่งเข้ามา ก็โบกมือ ปัดเธอออกไป

อุเอสึงิ ฮารุล้มลงกับพื้น มองรพีพงษ์ด้วยความโกรธแค้น แล้วกล่าว “ทำไมแกต้องทำแบบนี้! พวกเราไม่มีความแค้นกับแก คนที่จะฆ่าแกคือคนของสำนักเทพยาเซียน ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเรา ทำไมแกน่ารังเกียจขนาดนี้!”

“ผมน่ารังเกียจ? ยังมีหน้าพูดแบบนี้อีกนะ! ทำไมผมฆ่าเขาคุณไม่รู้หรือไง? ตระกูลอุเอสึงิของพวกคุณ เป็นแค่สัตว์ประหลาดเล่นไสยศาสตร์ก็เท่านั้น ยังกล้าที่จะเอาเด็กของประเทศจีน ผมไม่สับเขาเป็นชิ้นๆก็บุญขนาดไหนแล้ว!” รพีพงษ์กล่าวอย่างเกรี้ยวกราด

“เด็ก? เด็กอะไร? พวกเราจะเอาเด็กของประเทศจีนตั้งแต่เมื่อไหร่?” อุเอสึงิ ฮารุสงสัย

“หยุดเสแสร้งได้แล้ว คุณในฐานะของคนตระกูลอุเอสึงิ ไม่รู้ถึงรายละเอียดของการแลกเปลี่ยนกับสำนักเทพยาเซียนในครั้งนี้หรือไง?” รพีพงษ์จ้องไปที่อุเอสึงิ ฮารุอย่างใจจดใจจ่อ

อุเอสึงิ ฮารุไม่เข้าใจ แล้วกล่าว “ครั้งนี้ที่พวกเรามาสำนักเทพยาเซียน ก็แค่มาเอาวัตถุดิบยาก็เท่านั้น ผิดมากหรือไง?”

รพีพงษ์เห็นอุเอสึงงิ ฮารุท่าทีจริงจัง ราวกับว่าเธอไม่รู้เนื้อหาในการแลกเปลี่ยนในครั้งนี้จริงๆ บวกกับระหว่างทางที่อุเอสึงิ ยูกิและอุเอสึงิ ฮารุดูไม่ค่อยปกติ รพีพงษ์จึงเดาว่าอุเอสึงิ ฮารุไม่น่าจะรู้เกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนในครั้งนี้จริงๆ

เขาโยนใบรายการนั้นไปด้านหน้าของอุเอสึงิ ฮารุ แล้วกล่าว “ผิดไม่ผิด คุณดุเอาเองแล้วกัน!”

อุเอสึงิ ฮารุหยิบใบรายการนั้นขึ้นมา ดูอย่างละเอียด ด้านหน้าเธอไม่รู้สึกว่าไม่มีอะไรไม่ชอบมาพากล แต่เมื่อเธอเห็นหน้าสุดท้าย เธอก็ตาโตขึ้น หน้าซีดโพลน

“นี่……นี่มันเป็นไปได้ไง ทำไม มีของแบบนี้อยู่ด้วย?” อุเอสึงิ ฮารุพึมพำ

“ตระกูลอุเอสึงิของพวกคุณเป็นอะไรกันแน่ ทำไมต้องทำไสยศาสตร์อะไรแบบนี้ วันนี้ถ้าคุณไม่บอกผม งั้นคุณก็รอตายทั้งเป็นได้เลย” รพีพงษ์กล่าว

อุเอสึงิ ฮารุมองไปที่รพีพงษ์ กล่าว “ตระกูลอุเอสึงิของฉันไม่เคยทำเรื่องอะไรที่มันน่ารังเกียจแบบนี้ เนื้อหาที่อยู่ในใบรายการนี้ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น ตอนที่ฉันมา พวกเขาบอกแค่ให้ฉันมาเอาวัตถุดิบยา วัตถุดิบยาพวกนี้มีน้อย มีแค่สำนักเทพยาเซียนเท่านั้นที่มี”

“ถึงตอนนี้แล้วคุณยังจะตอแหลอีก ลักษณะของสัตว์ประหลาดตัวนี้ยังบอกอะไรไม่ได้อีกหรือไง?” รพีพงษ์จ้องอุเอสึงิ ฮารุแล้วกล่าว

อุเอสึงิ ฮารุมองไปที่อุเอสึงิ ยูกิ เมื่อกี๊เธอร้อนใจ จึงไม่ได้ดูลักษณะของอุเอสึงิ ยูกิ

มองอุเอสึงิ ยูกิที่พยาบาทแล้วนั้น อุเอสิงิ ฮารุก็ตกใจ แสดงท่าทีที่คาดไม่ถึงออกมา

“ทำ……ทำไมกัน? ทำไมถึงเป็นแบบนี้? ทำไมเขาถึงเปลี่ยนเป็นแบบนี้? ตระกูลอุเอสึงิของฉัน ไม่มีใครเล่นไสยศาสตร์แบบนี้” อุเอสึงิ ฮารุกล่าวอย่างคาดไม่ถึง

รพีพงษ์เห็นท่าทีตกใจของอุเอสึงิ ฮารุแล้วนั้น เหมือนกับเพิ่งรู้เรื่องของตระกูลอุเอสึงิอย่างไรอย่างนั้น ก็รู้สึกสงสัยขึ้นมา

ความจริง ตระกูลอุเอสึงิให้เธอมาทำการแลกเปลี่ยนกับสำนักเทพยาเซียนครั้งนี้ เธอต้องรู้ถึงเนื้อหาการแลปกเปลี่ยนแน่นอน มิเช่นนั้นเธอเน่ยจิ้งขั้นกลาง ก็ไม่จำเป็นต้องมา อุเอสึงิ ยูกิมาคนเดียวก็ได้แล้ว

ตระกูลอุเอสึงิไม่จำเป็นต้องจัดคนที่ไม่รู้เนื้อหาของการแลกเปลี่ยนมา ฝีมือก็ไม่ถือว่าดีมาก ถ้าพูดว่าตระกูลอุเอสึงิให้อุเอสึงิ ฮารุมาฝึกฝน รพีพงษ์ก็ไม่มีทางเชื่อ

“คุณหยุดแสดงละครได้แล้ว ถ้าคุณไม่รู้อะไรเลย แล้วตระกูลอุเอสึงิให้หญิงที่เป็นแค่เน่ยจิ้งขั้นกลางมาทำไม?” รพีพงษ์ถาม

อุเอสึงิ ฮารุรู้ว่ารพีพงษ์กำลังสงสัยอะไรอยู่ เธอก็ถอนหายใจ เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เธอก็ไม่จำเป็นต้องซ่อนอะไรอีกแล้ว

เธอเงยหน้ามองรพีพงษ์ เล่าเหตุผลที่ทำไมเธอต้องมาให้ฟังทั้งหมด

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท