พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่811 พี่น้อง

บทที่811 พี่น้อง

บทที่811 พี่น้อง

ระหว่างทางไปสำนักเทพยาเซียน

รพีพงษ์เดินนำไปข้างหน้า อุเอสึงิ ฮารุเดินตามอยู่ด้านหลังอย่างเฉลียวฉลาด รพีพงษ์เดินเร็วหล่อนก็เดินเร็ว รพีพงษ์เดินช้า หล่อนก็เดินช้า ไม่กล้าละเลยแม้แต่น้อย

ในวัฒนธรรมของประเทศญี่ปุ่น ยังมีสิ่งที่เชื่อว่าผู้ชายเหนือกว่าผู้หญิงอยู่ ในเมื่ออุเอสึงิ ฮารุได้รับปากจะมอบชีวิตของตัวเองให้รพีพงษ์ ถ้าอย่างนั้นหล่อนปฏิบัติต่อรพีพงษ์ ก็ต้องเชื่อฟังทำตามทุกอย่าง

ที่สำคัญความเข้าใจในระหว่างทางนี้ อุเอสึงิ ฮารุค้นพบว่ารพีพงษ์ก็เป็นคนที่รักษาสัญญาเช่นกัน ในระหว่าง รพีพงษ์ไม่มองไปที่อุเอสึงิ ฮารุแม้แต่แวบเดียว และไม่ได้กลับคำในสิ่งที่ตัวเองเคยพูดไว้ แต่บอกอุเอสึงิ ฮารุกับสิ่งที่ต้องทำหลังจากที่ไปถึงสำนักเทพยาเซียน

ในโลกที่ผ่านมาของอุเอสึงิ ฮารุ ผู้ชาย เรียกได้ว่ามีความหมายเหมือนกันกับความเจ้าเล่ห์และพึ่งพาไม่ได้ เนื่องจากตั้งแต่เล็กจนโต ผู้ชายส่วนใหญ่ที่หล่อนสัมผัสใกล้ชิดมา รวมทั้งพ่อของหล่อน ต่างก็เหมือนๆกันหมด

แต่รพีพงษ์ทำให้หล่อนเกิดมุมมองที่แตกต่างออกไปเกี่ยวกับผู้ชาย

รพีพงษ์และอุเอสึงิ ฮารุตกลงกันว่า ไปถึงสำนักเทพยาเซียน พวกเขาทั้งสองคนแสร้งทำเป็นว่าเป็นคนที่ตระกูลอุเอสึงิส่งมา และไปทำข้อตกลงแลกเปลี่ยนกับผู้อาวุโสใหญ่ สำหรับทิศทางที่ชายในเสื้อคลุมดำไป รพีพงษ์คิดเรื่องนี้ไว้แล้ว ก็บอกว่าไปเกียวโตเพื่อล้างแค้นให้ชินาธิป

ท้ายที่สุดแล้วนี่ก็ไม่ใช่เรื่องโกหก แต่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง

รพีพงษ์รับรู้มาจากอุเอสึงิ ฮารุว่าผู้อาวุโสใหญ่ของสำนักเทพยาเซียนไม่ทราบว่าคนของตระกูลอุเอสึงิที่มาพร้อมกับอุเอสึงิ ฮารุเป็นใคร รู้เพียงว่าเป็นสองคน สิ่งนี้ทำให้แผนของ รพีพงษ์มีความเป็นไปได้

หากครั้งนี้ถูกจับได้ตั้งแต่เริ่มแรก รพีพงษ์ก็จะใช้หมัดพูดคุยเหตุผลกับคนของสำนักเทพยาเซียน เพื่อดูว่าพวกเขาได้รวบรวมดวงตาและเลือดเนื้อของเด็กหรือเปล่า และชาตินี้จะไม่เล่นละครตบตาคนอื่นอีก

อุเอสึงิ ฮารุบอกว่าตัวเองมีพี่ชายหลายคน รพีพงษ์ค่อนข้างคล้ายกับหนึ่งในนั้น ดังนั้นแนะนำให้รพีพงษ์ปลอมเป็นพี่ชายของตัวเอง รพีพงษ์รู้สึกว่าไม่มีปัญหาอะไร จึงตอบตกลง

ทั้งสองคนเดินไปเรื่อยๆตามถนนบนภูเขา ถนนบนภูเขาแห่งนี้เดินไม่ได้ยากมากนัก ดูเหมือนว่าจะตั้งใจเปิดเป็นพิเศษให้ผู้คนเดินทางต่อไป ดูท่าทางจะมีผู้มาเยี่ยมเยือนสำนักเทพยาเซียน จำนวนไม่น้อย

หลังจากที่เดินมาได้ไม่นาน ทั้งสองคนก็เห็นร่างหลายร่างเดินไปด้านหน้าอย่างช้าๆ หนึ่งในนั้นเดินตามปกติ ในขณะที่สี่คนที่เหลือกำลังยกเสลี่ยง บนเสลี่ยง มีหญิงสาวคนหนึ่ง

รพีพงษ์คาดไม่ถึงจะได้พบกับคนอื่นๆในระหว่างทางไปสำนักเทพยาเซียน ดูท่าทางของกลุ่มคนพวกนี้แล้ว ที่มาน่าจะไม่ธรรมดา เพียงแค่การกระทำของหญิงสาวที่นอนอยู่บนเสลี่ยงและปล่อยให้คนอื่นแบกขึ้นไปตามทางภูเขา ก็ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะสามารถทำออกมาได้

รพีพงษ์สังเกตดูทั้งสี่คนอย่างรอบคอบ พบว่าทั้งสี่คนนี้มีความแข็งแกร่งของเน่ยจิ้งชั้นต้น

ผู้ชายที่เดินอยู่ด้านข้าง ก็มีความแข็งแกร่งเป็นเน่ยจิ้งชั้นต้นเหมือนกัน

หลังจากนั้นไม่นาน รพีพงษ์พวกเขาทั้งสองคนก็เดินเข้ามาใกล้กับพวกกลุ่มคนที่อยู่ข้างหน้า

“พี่ชาย อีกนานแค่ไหนจะถึงสำนักเทพยาเซียน แสงแดดที่นี่ก็ร้อนมากขนาดนี้ เครื่องสำอางบนหน้าของฉันตากแดดไหม้เกรียมไปหมดแล้ว”หญิงสาวที่เอนกายอยู่บนเสลี่ยงบ่น

ชายคนนั้นหันหน้ามองไปหญิงสาวแวบหนึ่ง แล้วพูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า: “เธอก็พอเถอะ ตลอดทางมานี้เธอเดินไม่ถึงหนึ่งพันก้าว พวกเขาทั้งสี่คนยังไม่มีใครพูดอะไรเลย แต่เธอกลับเอาแต่บ่นมาตลอดทาง”

“เชอะ ฉันจ่ายค่าจ้างให้พวกเขา นี่คืองานของพวกเขา พวกเขามีอะไรต้องบ่น ฉันเป็นหญิงสาวที่บอบบาง ถนนหนทางของภูเขานี้เดินยากลำบากขนาดนี้ เกิดล้มขึ้นมา พ่อของพี่คงจะรู้สึกเป็นทุกข์”หญิงสาวพูดอย่างไม่สนใจ

ชายคนนั้นดูเหมือนจะพูดไม่ออก แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีกต่อไป และยังคงเดินไปด้านหน้า

“ทุกท่าน พวกคุณก็ไปที่สำนักเทพยาเซียนใช่มั้ย?”หลังจากที่รพีพงษ์เดินตามไปถึงด้านหลังของคนหลายคน จึงเอ่ยปากถาม

ชายคนนั้นและหญิงสาวรีบหันกลับมา เมื่อเห็นทั้งสองคนที่ไม่รู้ว่าปรากฏตัวขึ้นมาตอนไหน ต่างก็ตกใจ

หญิงสาวอุทานอย่างตรงไปตรงมามากขึ้น: “พระเจ้าช่วย พวกนายมาตามหลังพวกเรามาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน พวกนายสี่คนรีบวางฉันลงมา ไปจับตัวพวกเขาทั้งสองคนที่ไม่รู้จักที่มาไว้”

ทั้งสี่คนนั้นวางหญิงสาวลงทันที และต้องการจะลงมือกับรพีพงษ์และอุเอสึงิ ฮารุทั้งสองคน

เมื่ออุเอสึงิ ฮารุเห็นสิ่งนี้ ก็ยืนอยู่ขวางตรงหน้ารพีพงษ์โดยไม่ได้คิดอะไรเลย จ้องมองคนเหล่านี้ตรงหน้าอย่างเย็นชา

ที่ผ่านมา อุเอสึงิ ฮารุได้รับการฝึกฝนให้เป็นนักฆ่ามืออาชีพ ที่สำคัญหล่อนยังมีความแข็งแกร่งเน่ยจิ้งขั้นกลาง ประสิทธิภาพในการต่อสู้ไม่ได้ต่ำอย่างแน่นอน

เพียงเพราะการเผชิญหน้ากับรพีพงษ์ ดังนั้นอุเอสึงิ ฮารุจึงไม่มีโอกาสได้แสดงความแข็งแกร่งใดๆออกมา

และคนเหล่านี้ที่อยู่ตรงหน้าก็เป็นเพียงแค่เน่ยจิ้งชั้นต้นเท่านั้นเอง อยู่ตรงหน้าอุเอสึงิ ฮารุก็ยังไม่ถือว่าเป็นปัญหาอะไร

ชายคนนั้นเห็นว่าทั้งสองฝ่ายกำลังจะต่อสู้กันขึ้นมา รีบขวางตรงหน้าทั้งสี่คนไว้ และพูดกับรพีพงษ์และอุเอสึงิ ฮารุว่า: “ทั้งสองคน ขอโทษด้วย น้องสาวของฉันหุนหันพลันแล่นไปบ้าง พวกเราไม่ได้มีเจตนาความหมายที่จะลงมือกับพวกคุณ”

รพีพงษ์พยักหน้า เมื่อเห็นว่าชายคนนี้ไม่ได้เป็นคนที่ไม่มีเหตุผล จึงไม่ได้ถือสา

“พวกคุณสองคนก็จะไปที่สำนักเทพเซียนเหรอ?”ชายคนนั้นเอ่ยปากถาม

รพีพงษ์พยักหน้า

“ในเมื่อเส้นทางเดียวกัน ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็เดินทางไปด้วยกันดีกว่า ก็สามารถดูแลซึ่งกันและกันได้ง่าย”ชายคนนั้นกล่าวด้วยรอยยิ้ม

รพีพงษ์ไม่ได้ปฏิเสธ รู้สึกว่าถ้าไปพร้อมกับคนเหล่านี้ ถึงตอนนั้นมันก็จะง่ายที่จะเข้าไปที่สำนักเทพยาเซียน

หลังจากที่หญิงสาวคนนั้นได้ยินคำพูดของพี่ชาย ก็รีบเอ่ยปากอย่างรวดเร็วว่า: “พี่ชาย พี่รู้มั้ยว่าพวกเขาเป็นใครก็จะเดินทางไปพร้อมกับพวกเขา ป่าเขาที่แห้งแล้งไร้ผู้คนแบบนี้ เกิดพวกเขาสองคนแอบวางแผนชั่ว เกิดพวกเขาสองคนมุ่งมาที่ตระกูลพิมลนัทชาของพวกเราล่ะ”

ชายคนนั้นเขม็งตาใส่หญิงสาวทันที และตะโกนว่า: “ถ้าเกิดเธอยังพูดจาเหลวไหลอีก ฉันก็จะโยนเธอทิ้งไว้ที่ป่าเขาที่แห้งแล้งไร้ผู้คนที่นี่ ปล่อยให้เธอรอเป็นอาหารของหมาป่าอยู่ที่นี่”

หญิงสาวถึงได้ควบคุมคำพูดไปบ้าง แต่สายตาที่มองไปที่รพีพงษ์และอุเอสึงิ ฮารุทั้งสองคนก็ไม่ค่อยจะดี

ชายคนนั้นขอโทษรพีพงษ์และอุเอสึงิ ฮารุ จากนั้นก็เดินไปข้างหน้าด้วยกัน

หญิงสาวคนนั้นลงจากเสลี่ยงแล้ว ไม่ค่อยดีที่จะให้คนแบกต่อไป ดังนั้นจึงเดินอยู่ข้างๆชายคนนั้น มองไปที่รพีพงษ์และอารียาทั้งสองคนทั้งแต่หัวจรดเท้า

ผ่านการสนทนา รพีพงษ์ได้รู้ว่าคนเหล่านี้ล้วนเป็นคนของตระกูลพิมลนัทชาจากเกาะทองขาว สำนักศิลปะการต่อสู้บนเกาะทองขาวอ้างตัวเองว่าอยู่ในสายเลือดเดียวกัน และไม่มีการติดต่อใดๆกับแวดวงศิลปะการต่อสู้กับจีนแผ่นดินใหญ่ ดังนั้นรพีพงษ์ไม่รู้แน่ชัดว่าตระกูลพิมลนัทชามีความแข็งแกร่งแค่ไหน

แต่เมื่อเห็นว่ายอดฝีมือเน่ยจิ้งชั้นต้นก็เพียงแค่แบกเสลี่ยงให้หญิงสาวคนนี้ ก็สามารถรู้ได้ว่าความแข็งแกร่งของตระกูลพิมลนัทชาน่าจะไม่อ่อนแอ และการรู้ตำแหน่งของสำนักเทพยาเซียน เป็นเรื่องหนึ่งที่ตัวเองสามารถที่จะบรรลุถึงระดับที่รับรู้ได้

ชายหนุ่มมีชื่อว่าดรัณ หญิงสาวมีชื่อว่าเพ็ญรตี ทั้งสองคนเป็นพี่น้องแท้ๆ ครั้งนี้มาที่สำนักเทพยาเซียน คือทำตามคำสั่งของพ่อของพวกเขา มาหายาเพิ่มความแข็งแกร่งที่นี่

ตามที่รพีพงษ์ได้ตกลงกับอุเอสึงิ ฮารุไว้ ปลอมเป็นพี่น้องที่มาจากประเทศญี่ปุ่น

หลังจากที่ดรัณสองคนพี่น้องได้ยินว่ารพีพงษ์มาจากประเทศญี่ปุ่น ก็ไม่แปลกใจเลย เนื่องจากคนจากทั่วทุกมุมโลกมาสำนักเทพยาเซียน ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

เพ็ญรตีจ้องมองอุเอสึงิ ฮารุเป็นเวลานาน เดิมทีหล่อนรู้สึกว่ารูปร่างหน้าตาของตัวเองถือได้ว่าค่อนข้างดี จัดอยู่ในประเภทที่สวย แต่หลังจากที่หล่อนเห็นรูปร่างหน้าตาของอุเอสึงิ ฮารุ ก็รู้สึกอับอายกับรูปร่างหน้าตาของตัวเองในทันที ความอิจฉาริษยาในใจก็ค่อยๆแผ่ซ่านออกมา

เป็นเวลานาน หล่อนกลอกตาไปมา จ้องมองไปที่อุเอสึงิ ฮารุแล้วเอ่ยปากถาม: “ฉันได้ยินมาว่าผู้หญิงที่สวยๆจากประเทศญี่ปุ่นของพวกเธอชอบถ่ายทำหนังAV เธอสวยมากขนาดนี้ คงจะไม่ใช่ว่าเคยถ่ายทำหนังแบบนั้นมานะ?”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท