พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่810 คุณถอดเสื้อผ้าทำไมหรอ

บทที่810 คุณถอดเสื้อผ้าทำไมหรอ

บทที่810 คุณถอดเสื้อผ้าทำไมหรอ

“นายใหญ่พูดว่าการที่ครั้งนี้มาสำนักเทพยาเซียนเพื่อเอาวัตถุดิบยานั้นสำคัญกับตระกูลอุเอสึงิมาก ห้ามเกิดข้อผิดพลาดใดๆ แต่ผู้อาวุโสของสำนักเทพยาเซียนที่จะทำการแลกเปลี่ยนกับพวกเรานั้นเป็นคนลามก เขารู้ถึงตัวตนของฉัน ดังนั้นตอนที่ต่อรองกัน ผู้อาวุโสนั้นเน้นย้ำให้ฉันตามมาด้วย ทำตามคำขอร้องของเขา เพียงแค่ฉันทำให้เขาพอใจ เขาจึงจะให้วัตถุดิบยาเหล่านั้นมา”

อุเอสึงิ ฮารุ เซ็ง

“ตอนแรกฉันคิดว่านายใหญ่ไม่มีทางตกลงเงื่อนไขนี้ แต่เขาไม่คิดเลยเสียด้วยซ้ำแล้วก็ตอบตกลงไป เมื่อกี๊หลังจากที่ดูใบรายการแล้ว ฉันเพิ่งจะเข้าใจว่าทำไมนายใหญ่ถึงตอบตกลงง่ายขนาดนี้ ที่แท้สิ่งที่พวกเขาจะแลกเปลี่ยนกัน ก็คือของพวกนี้”

เมื่อได้ยินคำพูดของอุเอสึงิ ฮารุ รพีพงษ์ก็ขมวดคิ้ว แล้วกล่าว “คุณเป็นคนของอุเอสึงิ พวกเขาจะยอมสละคุณเพื่อของพวกนี้”

อุเอสึงิ ฮารุสิ้นหวัง แล้วกล่าว “แม้ฉันจะนามสกุลอุเอสึงิ แต่ฉันก็เป็นแค่คนใช้ของตระกูลอุเอสึงิเท่านั้น พวกเขาให้ฉันทำอะไร ฉันก็ต้องทำ ที่ฉันมีชีวิตอยู่ได้ ก็เพราะบุญคุณของตระกูลอุเอสึงิ ดังนั้นคำสั่งของพวกเขา ฉันไม่ทำไม่ได้”

และ แม่ของฉันก็อยู่ในมือของพวกเขา ถ้าฉันไม่ฟังคำสั่งของพวกเขา ชีวิตของแม่ฉันก็อยู่ในอันตราย ฉันไม่มีทางดูแม่เป็นอันตรายได้”

จากนั้นอุเอสึงิ ฮารุก็เล่าสิ่งที่ตนได้เผชิญมาให้กับรพีพงษ์ฟัง

ที่แท้อุเอสึงิ ฮารุเป็นเพียงลูกสาวของนายใหญ่และคนใช้คนหนึ่งของตระกูลอุเอสึงิ ภรรยาของนายใหญ่ตระกูลอุเอสึงิเป็นหญิงแกร่ง ไม่มีทางรับได้ที่สามีของตัวเองไปมีลูกกับคนอื่น ดังนั้นตอนที่คนใช้คลอดอุเอสึงิ ฮารุ พวกเธอทั้งสองต้องตาย

แต่ต่อมาถูกคนใช้เก่าแก่ของตระกูลอุเอสึงิขวางไว้ คนใช้เก่าแก่นั้นคิดว่าพวกเธอทั้งสองมีชีวิตอยู่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีคุณค่า ในฐานะที่เป็นตระกูลอันดับต้นๆของประเทศญี่ปุ่น บางครั้งก็ต้องแต่งงานกับตระกูลอื่นเพื่อผลประโยชน์

ภรรยาของนายใหญ่ตระกูลอุเอสึงิไม่อยากให้ลูกของตัวเองเป็นเครื่องมือในการแต่งงาน มีอุเอสึงิ ฮารุไว้ ก็เผื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น

เพราะนายใหญาของอุเอสึงิเลี้ยงอุเอสึงิ ฮารุไว้ ก็เหมือนกับเลี้ยงหมา

ดังนั้นสองแม่ลูกก็ได้มีชีวิตอยู่ต่อไป

แล้วอุเอสึงิ ฮารุก็เริ่มใช้ชีวิตอย่างทรมาน ที่นายใหญ่ปล่อยเธอให้มีชีวิต ก็เพราะเธอมีประโยชน์ในบางเวลา เธอเหมือนเครื่องมือ ที่ไหนต้องการ ก็ใช้ที่นั่น

เพื่อให้เครื่องมือนี้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ตระกูลอุเอสึงิเริ่มเลี้ยงดูเธอ ให้เธอฝึกฝนอย่างเข้มงวด บวกกับภรรยาของนายใหญ่ตระกูลอุเอสิงิเห็นเธอแล้วไม่เข้าตา ก็มักจะให้คนที่ฝึกฝนเธอด่าทอเธอ ถึงขั้นเพิ่มเนื้อหาในการฝึกฝนเข้าไปอีก มีหลายครั้ง ที่อุเอสึงิ ฮารุเกือบตายในระหว่างการฝึกฝน

แต่โชคดีที่ อุเอสิงิ ฮารุทนมาได้ แล้วไปเป็นเน่ยจิ้งขั้นกลางที่อายุน้อยที่สุดของตระกูลอุเอสึงิ

ตอนแรกเธอคิดว่าจะได้ใช้สิ่งที่เรียนมา เพื่อทำประโยชน์ให้กับตระกูลอุเอสึงิบ้าง แต่กลับคิดไม่ถึงว่าภารกิจแรก ก็คือไปสำนักเทพยาเซียน ใช้ร่างกายตัวเองแลกเปลี่ยนกับความชอบพอของผู้อาวุโสของสำนักเทพยาเซียน

แม่ยังอยู่ในมือของตระกูลอุเอสึงิ เธอก็ทำได้เพียงทำตามคำสั่งเท่านั้น

แม่ เป็นความหวังเดียวบนโลกนี้ของอุเอสึงิ ฮารุ ความรู้ ความอ่อนโยน แม่ของเธอเป็นผู้สอนทั้งหมด ดังนั้นแม้ต้องแลกด้วยชีวิต เธอก็ไม่อยากให้แม่ของตัวเองต้องตกทุกข์ได้ยากเพราะเธอ

เมื่อฟังอุเอสึงิ ฮารุพูดจบ รพีพงษ์ก็รู้สึกสงสาร แต่ก็เท่านั้น

รพีพงษ์ไม่รู้ว่าสิ่งที่อุเอสึงิ ฮารุพูดนั้นจริงเท็จแค่ไหน แม้เธอจะพูดให้ซาบซึ้งขนาดไหน ก็ดูไม่ออกว่ากำลังดกหกอยู่ รพีพงษ์ต้องเตรียมตัวเตรียมใจไว้

เขาไม่ได้ฆ่าอุเอสึงิ ฮารุ เพราะตอนที่ไปสำนักเทพยาเซียนต้องให้เธอร่วมมือด้วย

และอุเอสึงิ ฮารุจำต้องรู้เกี่ยวกับตระกูลอุเอสึงิมากมายแน่นอน ถ้าฆ่าเธอล่ะก็ รพีพงษ์ก็จะพลาดโอกาสไปเลย

“ผมไม่คิดมาก่อนว่าตระกูลอุเอสึงิจะทำการแลกเปลี่ยนด้วยชีวิตคนแบบนี้ แล้วก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าคนของตระกูลอุเอสึงิจะเล่นไสยศาสตร์แบบนี้ ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน คุณก็ฆ่าฉันให้ตายเสียตอนนี้เลย ฉันไม่ไมีทางโกรธแค้นใดๆ” อุเอสึงิ ฮารุกล่าว

รพีพงษ์ยิ้ม กล่าว “ผมเชื่อที่คุณพูด ผมจะไว้ชีวิตคุณ แต่คุณต้องฟังผม ถ้าคุณคิดจะทำอะไร ผมจะเอาชีวิตคุณด้วยเร็ว คุณน่าจะรู้ดีถึงฝีมือของผมนะ”

“และถ้าคุณทำดี ต่อไปผมก็จะมั่นใจได้ว่าสิ่งที่คุณพูดมาเป็นความจริง ผมอาจคิดที่จะช่วยแม่ของคุณออกจากตระกูลอุเอสึงิได้ คิดว่าไง?”

อุเอสึงิ ฮารุมองรพีพงษ์อยู่ไม่นาน ก็ตาเป็นประกาย สักพัก เธอก็พยักหน้า กล่าว “ได้ ฉันฟังคุณ”

พูดจบ เธอก็ถอดเสื้อผ้าของตัวเองออก

รพีพงษ์เห็นดังนั้น ก็แปลกใจ ถาม “คุณถอดเสื้อผ้าทำไม?”

อุเอสึงิ ฮารุมองไปที่รพีพงษ์ กล่าว “ชีวิตของฉันอยู่ในมือของคุณชาย ฉันรู้ว่าแม้ฉันจะพูดแบบนี้มันค่อนข้างเข้าข้างตัวเอง แต่ตั้งแต่เล็กจนโต ผู้ชายที่เห็นฉันล้วนอยากทำเรื่องนั้นกับฉัน ถ้าไม่ใช่เพราะฉันมีแบ็คเป็นตระกูลอุเอสึงิ เกรงว่าฉันคงจะถูกขายไปตามผับบาร์แล้ว ตอนนี้ฉันจะฟังคุณชายทุกอย่าง สิ่งแรกที่จะทำคือ ทำให้คุณชายผ่อนคลาย”

หลังจากที่รพีพงษ์ได้ยินแล้วนั้น ก็ไม่เข้าใจว่าอุเอสึงิ ฮารุเป็นคนแบบนี้หรือผู้หญิงประเทศญี่ปุ่นเป็นแบบนี้ทุกคน

“ขอโทษนะ แม้คุณจะสวย แต่ผมไม่ชอบคุณ ผมมีเมียแล้ว แล้วยังมีลูกสาวที่น่ารักอีกด้วย” รพีพงษ์กล่าว

อุเอสึงิ ฮารุชะงัก ผู้ชายที่เธอพบเจอมา มีครึ่งหนึ่ง ที่มีลูกมีเมยแล้ว ดังนั้นเธอจึงมองว่า ต้องไม่ต่อต้านเรื่องนี้สิจึงจะถูก

“คุณชายวางใจได้ ฉันจะปริปากเงียบ ไม่มีทางให้ลูกและเมียของคุณรู้เรื่องนี้เป็นอันขาด” อุเอสึงิ ฮารุพูดจบ ก็ถอดชุดต่อ

รพีพงษ์เซ็ง ชักตาไปที่อุเรสึงิ ฮารุ กล่าว “ถ้าคุณยังทำแบบนี้ อย่าหาว่าผมไม่เตือนนะ”

อุเอสึงิ ฮารุรับรู้ได้ถึงอารมร์ของรพีพงษ์ รู้ว่าเขาไม่ได้ล้อเล่น จึงได้หยุดถอดเสื้อ

“ยืนขึ้นเตรียมพร้อม อีกไม่กี่ยอดเขา ก็จะถึงสำนักเทพยาเซียนแล้ว ถึงตอนนั้นต้องการการร่วมมือจากคุณ ผมอยากรู้ ว่าในสำนักเทพยาเซียนมีเทพเซียนยังไง ถึงได้ทำเรื่องที่น่าโมโหได้ขนาดนี้”

พูดจบ รพีพงษ์ก็เดินไปด้านหน้าของอุเอสึงิ ฮารุ หยิบไฟแช็คขึ้นมา แล้วจุดไฟเผาชุดเขา

อุเอสึงิ ฮารุมองแผ่นหลังของรพีพงษ์ นัยน์ตา ไม่เคยเป็นประกายแบบนี้มาก่อน

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท