พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่814 ทดสอบความแข็งแกร่ง

บทที่814 ทดสอบความแข็งแกร่ง

บทที่814 ทดสอบความแข็งแกร่ง

ศิษย์พี่คนนั้นพารพีพงษ์และคนอื่นๆเดินไปด้านใน ทุกคนจ้องมองไปที่ทิวทัศน์ในสำนักเทพยาเซียนด้วยความอยากรู้อยากเห็น บนใบหน้าก็ปรากฏความประหลาดใจออกมาเป็นครั้งเป็นคราว

สำนักเทพยาเซียนสมกับที่เป็นทำเลทองตามหลักฮวงจุ้ยที่มีกลิ่นอายอันอุดมสมบูรณ์ ในระหว่างทาง สามารถพบเห็นทุ่งสมุนไพรดกอยู่ทุกหนทุกแห่ง มีการปลูกวัตถุดิบยาต่างๆเป็นจำนวนมาก มีการเจริญเติบโตที่งอกงาม

ยิ่งเดินเข้าไปข้างใน ทุกคนจะได้กลิ่นของสมุนไพรที่เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ เมื่อได้กลิ่นเป็นเวลานาน ก็ยิ่งรู้สึกกลิ่นหอมสดชื่นตลบอบอวล

“ฉันได้ยินผู้อาวุโสใหญ่บอกว่า ก่อนหน้านั้นที่ไปพบปะกับพวกคุณคือผู้อาวุโสธนัทของสำนักเทพยาเซียนของพวกเรา ทำไมเขาไม่มาพร้อมกับพวกคุณล่ะ?”ศิษย์พี่คนนั้นเอ่ยปากถาม

รพีพงษ์เอ่ยปากทันทีว่า: “คนคนนั้นบอกว่าจะไปเกียวโตเพื่อล้างแค้นให้กับเพื่อนที่ดีที่สุดของตัวเอง เป็นเพราะเวลาที่คับขัน และโอกาสที่หาได้ยาก ดังนั้นเขาจึงบอกตำแหน่งที่ตั้งของสำนักเทพยาเซียนให้พวกเรา ให้พวกเรามาด้วยตัวเอง”

จากประสบการณ์ที่ผ่านมา รพีพงษ์ไม่ได้คล้อยตามคำพูดของเขาที่บอกว่าผู้อาวุโสธนัทเป็นอย่างไร แต่ใช้คนคนนั้นเป็นตัวแทนที่ เกิดคนนี้กำลังลวงเขาอยู่ อย่างนั้นละครนี้ก็ไม่สามารถเล่นต่อไปได้

หลังจากที่ศิษย์พี่คนนี้ฟังแล้ว ก็ถอนหายใจ และกล่าวว่า: “ผู้อาวุโสธนัทเป็นคนมีนิสัยชอบสันโดษและเอาแต่ใจตนเอง ชีวิตนี้ก็มีชินาธิปเป็นเพื่อนเพียงคนเดียว จากลักษณะอุปนิสัยของเขาแล้ว สามารถทำเรื่องแบบนี้ได้จริงๆ”

เมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูด รพีพงษ์ก็อดไม่ได้ที่จะโล่งอก เมื่อรู้ว่าตัวเองผ่านด่านการหลอกล่อนี้ไปแล้ว

“ชินาธิป? ก็คือปรมาจารย์ที่ถูกชายหนุ่มที่ชื่อว่ารพีพงษ์ฆ่าใช่มั้ย?”เพ็ญรตีเอ่ยปากถาม

ศิษย์พี่คนนั้นพยักหน้า แล้วพูดว่า: “ถูกต้อง ก็คือเขา ชินาธิปมีชื่อเสียงมานานหลายปี อยู่ในแวดวงศิลปะการต่อสู้ก็เป็นปรมาจารย์ท่านหนึ่งที่เป็นที่เคารพศรัทธานับถือเป็นอย่างมาก แต่กลับคาดไม่ถึงว่าสุดท้ายจะตายด้วยน้ำมือของชายหนุ่มที่อายุเพียงยี่สิบกว่า”

“ชายหนุ่มที่ชื่อว่ารพีพงษ์ก็เป็นคนมีความสามารถที่หาพบได้ยากเช่นกัน ได้ยินมาว่าเมื่อไม่นานนี้ห้าตระกูลใหญ่ในแวดวงศิลปะการต่อสู้ร่วมมือกันเพื่อจัดการกับเขา ปรากฏว่าเขาต่อสู้เพียงคนเดียวก็ทำให้พ่ายแพ้ยับเยิน ความสามารถของคนคนนี้ ช่างน่ากลัวจริงๆ”

แม้ว่าเพ็ญรตีสองพี่น้องจะเป็นคนเกาะทองขาว แต่พวกเขาก็เคยได้ยินเรื่องนี้เช่นกัน สำหรับรพีพงษ์แล้ว ในใจของพวกเขาก็ยังชื่นชมเลื่อมใส เนื่องจากดรัณอายุยี่สิบกว่าก็สามารถบรรลุถึงเน่ยจิ้งชั้นต้นได้ ก็ถือได้ว่าเป็นคนที่มีความสามารถหาพบได้ยากแล้ว แต่รพีพงษ์กลับฆ่าปรมาจารย์อย่างต่อเนื่องได้ในอายุเท่านี้ ถือได้ว่าเป็นปีศาจที่มีอยู่ในแวดวงศิลปะการต่อสู้จริงๆ

“รพีพงษ์คนนี้แข็งแกร่งจริงๆ ที่สำคัญเพิ่งจะอายุยี่สิบกว่า น่าจะเป็นคนสุภาพมีสติปัญญาความรู้แต่ชอบอิสระ เป็นชายหนุ่มรูปหล่อที่มีความสามารถ ถึงตอนนั้นฉันจะต้องเป็นคนเริ่มไล่จีบเขาก่อน ด้วยภูมิหลังของตระกูลพิมลนัทชาจากเกาะทองขาว ก็เพียงพอคู่ควรกับเขาแล้ว”เพ็ญรตีเอ่ยปากอย่างบ้าผู้ชาย

เมื่อได้ยินคำพูดของเพ็ญรตี รพีพงษ์อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

เมื่อเพ็ญรตีเห็นรพีพงษ์หัวเราะ ก็เขม็งตาใส่เขาทันที เอ่ยปากว่า: “นายหัวเราะอะไร จะบอกนายให้ ถ้าฉันสามารถตามจีบรพีพงษ์ได้จริงๆ ถึงตอนนั้นเรื่องแรกก็คือให้เขามาทุบตีสั่งสอนนาย”

รพีพงษ์ยักไหล่ แสดงออกมาว่าไม่สนใจ อย่างไรก็ตาม เขาไม่มีทางที่จะชอบคนแบบเพ็ญรตี

อุเอสึงิ ฮารุที่เดิมตามรพีพงษ์อยู่ข้างๆก็มองไปที่รพีพงษ์ด้วยท่าทางที่ซับซ้อน ถ้าหล่อนจำไม่ผิด ตอนนี้คนที่เล่นละครเป็นพี่ชายของเขา ชื่อก็คือรพีพงษ์

หลังจากนั้นไม่นาน ทุกคนก็เห็นว่ากลุ่มหมู่บ้านที่ก่อสร้างขึ้นมามากมายปรากฏตัวขึ้นในหุบเขา สถานที่เหล่านั้นน่าจะเป็นสถานที่พักอาศัยอยู่ของผู้คนในสำนักเทพยาเซียน

มองจากตรงนี้ไป ที่ตรงนั้นดูเหมือนหมู่บ้านเล็กๆ มองดูแล้วเงียบสงบ แต่ก็เป็นที่ที่ดีมากสำหรับการอยู่อย่างสันโดษ

“ทุกท่าน ถ้าต้องการเข้าไปที่สำนักเทพยาเซียนของเรา จะต้องผ่านการทดสอบความแข็งแกร่งหนึ่งครั้ง พวกเราจำเป็นต้องรับรู้ข้อมูลความแข็งแกร่งที่ถูกต้องของพวกคุณ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดเรื่องราวที่ไม่สามารถควบคุมได้ ดังนั้นหวังว่าทุกท่านจะให้ความร่วมด้วย”ก่อนที่จะเดินไปถึงที่ห้องสำนักเทพยาเซียน ศิษย์พี่เอ่ยปากพูดขึ้นมา

หลังจากนั้นหลายคนก็ถูกพาเข้าไปในหุบเขา ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีสายน้ำลำธารไหลผ่าน

“ที่นี่เป็นสถานที่ที่ทดสอบความแข็งแกร่งของสำนักเทพยาเซียนของพวกเรา ตอนนี้พวกคุณผลัดเปลี่ยนกันใช้พลังทั้งหมดโจมตีไปที่หินก้อนใหญ่ตรงนั้น หินก้อนใหญ่นี้ได้รับการดัดแปลงเป็นพิเศษจากสำนักเทพยาเซียนของเรา สามารถดูดซับเน่ยจิ้งได้ ใช้วิธีการสั่นสะเทือนถ่ายทอดพลังเน่ยจิ้งออกมา สั่นกระจายน้ำในลำธารด้านหลังออก น้ำยิ่งสั่นกระจายมากเท่าไหร่ ความแข็งแกร่งก็จะยิ่งแข็งแกร่งเท่านั้น แน่นอนว่า คนที่ไม่ได้บรรลุถึงระดับเน่ยจิ้งย่อมไม่มีผลใดๆ ทุกท่านโปรดเรียงตามลำดับมาเถอะ”

รพีพงษ์และคนอื่นๆมองไปที่หินก้อนใหญ่ตรงหน้า รู้สึกแปลกประหลาดเป็นพิเศษ คาดไม่ถึงว่าจะสามารถทดสอบความแข็งแกร่งด้วยวิธีนี้ได้

ดรัณกระตือรือร้นที่จะลอง จึงยืนอยู่ตรงหน้าหินเป็นคนแรก จากนั้นใช้พลังทั้งหมด ฟาดไปที่บนก้อนหินก้อนนั้น

หลังจากนั้น ทุกคนก็เห็นในลำธารด้านหลังปรากฏมีคลื่น ทำให้น้ำด้านในสั่นเป็นระยะทางประมาณสิบเซนติเมตร

“เน่ยจิ้งชั้นต้น ไม่เลว อายุเท่านี้สามารถบรรลุความแข็งแกร่งถึงระดับนี้ ก็ถือได้ว่าเป็นคนมีความสามารถคนหนึ่ง”ศิษย์พึมพำเอ่ยปาก

เมื่อได้ยินคำชมของศิษย์พี่สำนักเทพยาเซียน ดรัณก็แสดงสีหน้าท่าทางภาคภูมิใจออกมาทันที เห็นได้ชัดว่าพอใจกับความแข็งแกร่งเป็นอย่างมากเช่นกัน

หลังจากนั้นยอดฝีมือเน่ยจิ้งชั้นต้นสี่คนที่มาพร้อมกับดรัณทั้งสองพี่น้องก็เดินไปข้างหน้า ใช้พลังทั้งหมดฟาดไปที่บนก้อนหินก้อนนั้น ส่วนใหญ่ก็ระยะทางเกือบสิบเซนติเมตร

เนื่องจากสำนักเทพยาเซียนจำเป็นต้องรับรู้ถึงความแข็งแกร่งของทุกคนที่เข้ามา เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายในสำนักเทพยาเซียนจากคนที่เจตนาไม่ดี ดังนั้นต่อให้เพ็ญรตีจะบอกว่าตัวเองเป็นคนธรรมดา ก็ต้องเข้ารับการทดสอบ ผลการทดสอบไม่เคลื่อนไหวอย่างแน่นอน

หลังจากที่เพ็ญรตีทดสอบเสร็จ ก็ถึงอุเอสึงิ ฮารุและรพีพงษ์ทั้งสองคน เพ็ญรตีจ้องมองพวกเขาสองคนแวบหนึ่ง พูดอย่างดูถูกว่า: “มองแวบเดียวก็รู้ว่าพวกเขาสองไม่มีความแข็งแกร่ง ต่อให้ทดสอบก็คงจะเหมือนกันกับฉันอย่างแน่นอน”

แม้ว่าดรัณจะเป็นคนดี แต่ในใจของเขาก็คิดว่ารพีพงษ์และอารียาไม่มีความแข็งแกร่ง เนื่องจากคนที่มีความสามารถยังหาได้ยากมาก เป็นไปไม่ได้ที่ทุกคนจะเป็นเหมือนเขา

รพีพงษ์ให้อุเอสึงิ ฮารุไปทดสอบก่อน อุเอสึงิ ฮารุยืนอยู่ตรงหน้าก้อนหิน จากนั้นใช้พลังทั้งหมดของตัวเองที่มี ฟาดไปที่บนก้อนหิน

เห็นเพียงน้ำในลำธารด้านหลังสั่นกระจายออกห่างไปประมาณห้าสิบเซนติเมตรอย่างกะทันหัน

ฉากนี้ทำให้ทุกคนประหลาดใจ ต่างก็คาดไม่ถึงว่าความแข็งแกร่งของอุเอสึงิ ฮารุจะทรงพลังขนาดนี้

“โดยปกติแล้วระยะทางสามสิบเซนติเมตร สามารถแสดงถึงระดับเน่ยจิ้งขั้นกลางได้ เมื่อกี้นี้คุณสั่นกระจายออกไปได้เกือบจะห้าสิบเซนติเมตร ซึ่งแสดงให้เห็นว่าคุณอยู่ในระดับยอดฝีมือเน่ยจิ้งขั้นกลาง ก็ถือว่ามีความสามารถโดดเด่นเหนือคนอื่นอยู่ คนมีความสามารถแบบคุณ ฉันไม่เคยพบเห็นมาหลายปีแล้ว”ศิษย์พี่พูดอย่างตื่นเต้น

อุเอสึงิ ฮารุเพียงแค่ยิ้มให้เขา จากนั้นก็ไปยืนอยู่ข้างๆรพีพงษ์ ไม่ได้ภาคภูมิใจแม้แต่น้อย ในใจของหล่อนรู้ดีว่า เมื่อเทียบกับรพีพงษ์แล้ว หล่อนยังห่างไกลอีกมาก

เดิมทีดรัณสองพี่น้องที่คิดว่าอุเอสึงิ ฮารุไม่มีความแข็งแกร่งอะไรในตอนนี้ก็ยิ่งตกตะลึง

เพ็ญรตีรู้สึกว่าบนใบหน้าของตัวเองร้อนผ่าว เป็นเพราะอุเอสึงิ ฮารุสวยงาม ในใจของหล่อนก็อิจฉาริษยา ดังนั้นเพ็ญรตีคิดว่าอุเอสึงิ ฮารุเป็นเพียงแจกกันดอกไม้ นอกจากความสวยงามแล้ว ก็ไม่มีอะไรดี

แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า หล่อนต่างหากที่เหมือนกับแจกันดอกไม้

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท