พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่820 กลลวงตาที่ปรากฏใหม่อีกครั้ง

บทที่820 กลลวงตาที่ปรากฏใหม่อีกครั้ง

บทที่820 กลลวงตาที่ปรากฏใหม่อีกครั้ง

เมื่อรพีพงษ์เห็นท่าทางของจิรภัทรและปัณณธรทั้งสองคน ยิ่งเชื่อว่ายาในมือของตัวเองเป็นของจริง

เขาไม่ลังเลแม้แต่น้อย ใส่ยาเข้าไปในปากของตัวเองในทันที เม็ดยาละลายในปาก รพีพงษ์รู้เพียงว่าเส้นลมปราณในร่างกายของตัวเองสดชื่น ต่อจากนั้น ร่างกายของเขาก็เริ่มร้อนขึ้นมา

จิรภัทรและปัณณธรทั้งสองคนก็ไม่ชักช้าอีกต่อไป และต่างคนต่างกินยาในมือของตัวเองอย่างรวดเร็ว

พลังอานุภาพที่แข็งแกร่งทั้งสามก็พุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า แม้ว่ายาที่จิรภัทรและปัณณธรทั้งสองคนกินจะสู้ยาชั้นเลิศไม่ได้ แต่ก็เป็นผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดในบรรดายา ก็มีผลต่ออานุภาพในการเพิ่มความแข็งแกร่งเช่นกัน

เพียงแต่ว่าพลังอานุภาพของพวกเขาเมื่อเทียบกับรพีพงษ์แล้ว สุดท้ายแล้วยังแย่กว่ามาก ทั้งสำนักเทพยาเซียน ถูกปกคลุมไปด้วยพลังอานุภาพที่เปล่งออกมาจากบนตัวรพีพงษ์

ลูกศิษย์ของสำนักเทพยาเซียนสัมผัสถึงพลังอานุภาพของรพีพงษ์ บางคนที่ความแข็งแกร่งต่ำก็สั่นสะเทือนขึ้นมาทันที

รพีพงษ์รู้สึกว่าสภาพของตัวเองเหมือนกับใช้วิธีลับ พลังที่กำลังจะหมดลงในร่างกายก็พลันเต็มเปี่ยมขึ้นไปในทันที

เพียงแต่พลังของเม็ดยานั้นอ่อนแอกว่าวิธีลับไปบ้าง ที่สำคัญวิธีลับคือการบีบศักยภาพของร่างกาย แต่ยาเม็ดเป็นเพียงพลังภายนอกทั้งหมด ดังนั้นตอนนี้รพีพงษ์ไม่รู้สึกว่าร่างกายกำลังจะระเบิดเหมือนตอนที่ใช้วิธีลับ

เขารู้สึกถึงพลังของตัวเองอย่างละเอียด และได้สัมผัสกับความรู้สึกถึงขีดจำกัดของแดนปรมาจารย์อีกครั้ง

เขาในตอนนี้ ระยะทางแดนดั่งเทพที่อาจารย์บอก อยู่ห่างออกไปเพียงหนึ่งก้าว

เขามองไปที่จิรภัทรและคนอื่นๆ รู้สึกว่าแม้ว่าพวกเขาจะมีแดนปรมาจารย์มากกว่าสิบคน ตัวเองในตอนนี้ก็ไม่กลัวแม้แต่น้อย

“เด็กคนนี้มียาชั้นเลิศด้วย จะประมาทเด็กคนนี้ไม่ได้ พวกเราลุยพร้อมกัน ใช้พลังทั้งหมดปราบเขาไว้!”จิรภัทรเอ่ยปากตะโกน

จากนั้นเขาและปัณณธรทั้งสองคนก็เป็นผู้นำพุ่งไปทางรพีพงษ์

แววตาของปัณณธรที่มองไปที่รพีพงษ์เปลี่ยนเป็นความโลภ เขาทำข้อตกลงแลกเปลี่ยนกับตระกูลอุเอสึงิ ก็เพื่อได้ใบสั่งยาของยาชั้นเลิศมา ต้องการที่จะกลั่นยาชั้นเลิศออกมา ก็ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายดาย

จิรภัทรเป็นเจ้าสำนักของสำนักเทพยาเซียนมานานหลายปีขนาดนี้ มีเพียงครั้งเดียวในชีวิตที่สามารถกลั่นยาชั้นเลิศออกมาได้

แต่ตอนนี้อยู่บนตัวของรพีพงษ์กลับปรากฏยาชั้นเลิศ สิ่งนี้ทำให้ปัณณธรคาดเดาว่ายังมียาชั้นเลิศอยู่บนตัวรพีพงษ์

ถ้าหากยังมีอยู่จริง ถ้าอย่างนั้นวันนี้พูดอะไร เขาก็จะฆ่ารพีพงษ์ทิ้ง แล้วแย่งยาชั้นเลิศมาจากตัวเขา

ทุกคนเริ่มต่อสู้กันอีกครั้ง เพียงแต่ตอนนี้รพีพงษ์กลายเป็นง่ายดาย ภายใต้การค้ำจุนพลังของยาเม็ด ความเร็วของเขาก็เร็วขึ้นบ้าง นอกจากจิรภัทรและปัณณธรทั้งสองคนแล้ว ยอดฝีมือแดนปรมาจารย์ที่เหลือก็ยากที่จะไล่ตามเขาได้

“ฝ่ามือดาวฟ้า!”

“ฝ่ามือเชิญพระจันทร์!”

“ฝ่ามือธันเดอร์!”

……

ในขณะที่การต่อสู้ดำเนินไป กระบวนท่วงท่าเหล่านั้นของรพีพงษ์ก็ฟาดไปบนตัวของยอดฝีมือแดนปรมาจารย์ และคนที่ไม่สามารถทนต่อพลังของรพีพงษ์ได้ก็ตกลงมาจากหลังคาทันที

หลังจากนั้นไม่นาน ยอดฝีมือแดนปรมาจารย์ที่ยังคงต่อสู้กับรพีพงษ์ก็เหลือเพียงแปดคน

ในการต่อสู้ครั้งนี้รพีพงษ์ใช้ประโยชน์จากพื้นที่ที่เหนือกว่าอย่างเต็มที่ ไม่ได้ยืนนิ่งเฉยให้คนทุบตีเหมือนเสาไม้อยู่ที่เดิม แต่ต่อสู้ไปรอบๆกับพวกเขา พยายามห่างกันให้มากที่สุด เผชิญหน้าครั้งละสองถึงสามคนเท่านั้น ถึงสามารถทำให้พวกเขาพ่ายแพ้ได้ทีละคน

หากการต่อสู้ในเวลานี้เกิดขึ้นบนเวทีประลอง รพีพงษ์ไม่มีทางที่จะสุขุมขนาดนี้

เนื่องจากเวทีประลองก็ใหญ่แค่นั้น รพีพงษ์คนเดียวเผชิญหน้ากับยอดฝีมือแดนปรมาจารย์สิบกว่าคน เพียงแค่ต้านทานกับท่วงท่าที่พวกเขาฟาดมา ก็ยุ่งวุ่นวายจนไม่มีเวลา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการโจมตีกลับ

โชคดีที่ความแข็งแกร่งของยอดฝีมือแดงปรมาจารย์ในสำนักเทพเซียนยาไม่เท่ากัน รพีพงษ์อาศัยความเร็วสลัดออกไปได้ไม่น้อย หากอยู่ในระดับเหมือนกับจิรภัทรและปัณณธร ต่อให้จากมีการปลุกเสกจากยาเม็ด ตอนนี้รพีพงษ์ก็คงจะล้มลงไปแล้ว

เมื่อเห็นว่าปรมาจารย์ที่เหลืออีกแปดคนยังคงไล่ตามอย่างไม่มีที่สิ้นสุด รพีพงษ์ก็ใคร่ครวญ รู้สึกว่าไม่สามารถเป็นแบบนี้ต่อไป ไม่อย่างนั้นต่อให้ช่วงหลังๆจะถ่วงเวลาก็อาจถ่วงจนตายอยู่ในเงื้อมมือของคนเหล่านี้

เหตุการณ์การต่อสู้กับบดีศวรพวกเขาทั้งสี่ปรากฏขึ้นในความคิดของเขา การโจมตีสุดท้ายของเขา ใช้พลังทั้งหมด โจมตีให้บดีศวรพวกเขาทั้งสี่คนบินออกจากนอกเวทีประลองทันที และในบรรดานั้นก็คร่าชีวิตไปสองคน

ตามการคาดเดาของรพีพงษ์ ท่วงท่านั้นของเขาอาจทำให้เกิดความเสียหายที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้น แต่ในขณะนั้นบนเวทีประลองมีเพียงบดีศวรพวกเขาทั้งสี่คนเท่านั้น ดังนั้นจึงมองไม่ออกท่วงท่านั้นมีขีดจำกัดอยู่ที่เท่าไหร่

ในเวลานี้เขายังต้องเผชิญกับยอดฝีมือแดนปรมาจารย์ที่เหลืออยู่อีกแปดคน ไม่รู้ว่าหลังจากที่ใช้ช่วงท่านี้ออกมาแล้ว แดนปรมาจารย์ทั้งแปดคนนี้จะเหลืออีกกี่คนที่ยังคงยืนอยู่ได้

โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย รพีพงษ์ได้ถ่ายทอดพลังทั้งหมดในร่างกายของตัวเองลงในฝ่ามือ เริ่มหลบขึ้นไปบนหลังคาอย่างรวดเร็วเพื่อสะสมพลัง

“ให้ตายเถอะ เด็กคนนี้เร็วเกินไป ไม่มีทางไล่ตามทัน”ปัณณธรสบถอย่างลับๆในใจ

ในเวลานี้เขาสังเกตเห็นว่าพลังอานุภาพบนตัวรพีพงษ์เริ่มเกิดการเปลี่ยน เหมือนราวกับลูกศรอันแหลมคมที่จะถูกยิงออกมา กระบวนการสะสมพลังงานก็เริ่มขึ้น

เขามีความรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ค่อยดี อดไม่ได้ที่จะชะลอความเร็วลงไปบ้าง

หลังจากหายใจไม่กี่ครั้ง รพีพงษ์ก็สะสมพลังได้สำเร็จ จากนั้นก็หันกลับไปอย่างกะทันหัน ยิ้มอย่างมีเลศนัยให้กับยอดฝีมือแดนปรมาจารย์ทั้งแปดที่ไล่ตามมาจากด้านหลัง

“ท่วงท่าสุดท้าย ดูว่าพวกคุณทั้งแปด จะสามารถต้านทานได้หรือเปล่า!”

หลังจากพูดเสร็จ ฝ่ามือของเขาก็ฟาดออกไปทางด้านหน้า พายุไซโคลนขนาดใหญ่รอบตัวๆก็ปรากฏขึ้น จากนั้นผู้คนที่ดูความครึกครื้นเห็นฝ่ามือที่รพีพงษ์ฟาดออกไปกะทันหัน ฝ่ามือลวงตาขนาดใหญ่ที่โผล่ออกมากลางอากาศ

“ฝ่ามือธันเดอร์!”

“ไม่ดี ทุกคนรีบกระจายตัว! ความแข็งแกร่งของเด็กคนนี้แข็งแกร่งกว่าที่เราคิดไว้มาก!”ในเวลานี้จิรภัทรตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติ ซ่อนตัวไปทางด้านข้างด้วยความเร็ว

ปัณณธรคาดการณ์ไว้ก่อนอยู่แล้ว ก่อนที่จิรภัทรจะตะโกน ก็กำลังจะหลบหลีก

หลังจากที่ยอดฝีมือปรมาจารย์ที่เหลืออยู่แปดคนได้ยินคำพูดของจิรภัทรต่างก็หยุดลงมาทันที พยายามซ่อนตัวไปด้านข้าง

อย่างไรก็ตามในเวลานี้ท่วงท่าของรพีพงษ์ก็ได้ฟาดออกมาแล้ว พวกเขาต้องการหลบในเวลานี้ มันก็สายเกินไปแล้ว

กลลวงตาฝ่ามือนั้นฟาดตรงไปบนตัวยอดฝีมือแดนปรมาจารย์ทั้งแปดคนของสำนักเทพยาเซียน กระแสพลังที่มองไม่เห็นก็พัดเข้าหาบนตัวพวกเขา วินาทีต่อมา พวกเขาทั้งหมดสูญเสียจุดศูนย์ถ่วง และตกลงไปสู่พื้นดิน

เสียงร้องโอดโอยดังขึ้น ยอดฝีมือแดนปรมาจารย์ทั้งหลายที่ล้มลงกับพื้นก็กระอักเลือดออกมา

มีเพียงจิรภัทรและปัณณธรทั้งสองคนเท่านั้นที่พลังแข็งแกร่ง รวมทั้งกินยาเม็ด หลังจากล้มลงบนพื้นแทบจะไม่รักษารูปร่างให้คงอยู่ต่อไป แต่สีหน้าของทั้งสองคนก็เปลี่ยนเป็นซีดเซียวลง สุดท้ายก็ไม่อดกลั้นไว้ไม่ได้ เลือดก็ปรากฏที่มุมปาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท