พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่828 แดนครึ่งดั่งเทพ

บทที่828 แดนครึ่งดั่งเทพ

บทที่828 แดนครึ่งดั่งเทพ

อุเอสึงิ ฮารุมองไปที่เหตุการณ์นี้ ด้วยสีหน้าตกใจอย่างสุดขีด แม้ว่ายอดฝีมือเน่ยจิ้งขั้นกลางสามารถบดขยี้หินด้วยมือเปล่าได้ แต่ฝ่ามือเมื่อกี้นี้ที่ผ่อนคลายของรพีพงษ์ กลับกระแทกก้อนหินนั้นให้แตกกระจายไปทั่ว แตกเป็นก้อนกรวดเล็กๆไปทั่วบนพื้นเดียวกัน เมื่อเทียบกับเน่ยจิ้งขั้นกลางที่แบ่งก้อนหินออกเป็นครึ่งหนึ่ง ซึ่งน่ากลัวมากกว่า

ยิ่งไปกว่านั้นอุเอสึงิ ฮารุค่อนข้างแน่ใจว่า เมื่อกี้นี้หล่อนเห็นแสงสีขาวบนฝ่ามือของรพีพงษ์ สามารถทำให้เกิดปรากฏการณ์แบบนี้ได้ เกรงว่าจะมีแต่พลังผีสางเทวดา

รพีพงษ์หายใจเข้าลึกๆ มองไปที่ฝ่ามือของตัวเองด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย ฝ่ามือเมื่อกี้นี้ เขาแค่ฟาดออกไปตามใจ แต่พลังนั้นเหนือกว่าระดับฝ่ามือธันเดอร์ที่แสดงออกมาจากสถานะใช้วิธีลับหลายเท่า ซึ่งนี่ทำให้รพีพงษ์ตกใจจริงๆ

ในช่วงครึ่งเดือนของการแช่ตัวในบ่อน้ำแห่งนี้ รพีพงษ์ได้ไหลเวียนพลังวิเศษเสนนับไม่ถ้วนในร่างกายทุกวัน ฤทธิ์ยาที่ดูดซึมเข้าสู่ร่างกายจากน้ำในบ่อน้ำจะถูกส่งไปยังทุกส่วนของร่างกาย ฤทธิ์ยาในน้ำบ่อส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของร่างกายมนุษย์ เรียกได้ว่าเป็นของแท้จริงในการเปลี่ยนแปลงสมรรถภาพทางกายรวมถึงศักยภาพ

ภายในครึ่งเดือน ร่างกายของรพีพงษ์เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมหัศจรรย์ อย่างน้อยความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแข็งแกร่งเพิ่มมากกว่าที่ผ่านหลายเท่า

ยิ่งไปกว่านั้นฤทธิ์ยาที่รุนแรงเหล่านั้นต้องไหลเวียนไปมาในเส้นลมปราณของรพีพงษ์ คล้ายกับฝึกฝนอย่างรุนแรงในเส้นลมปราณของรพีพงษ์ หลังจากผ่านไปครึ่งเดือน เส้นลมปราณของรพีพงษ์เปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งอย่างมาก พลังที่สามารถแบกรับได้ก็นำมาเปรียบเทียบไม่ได้

ร่างกายเป็นตัวนำพาพลัง สาเหตุที่แดนปรมาจารย์แข็งแกร่งมากกว่าเน่ยจิ้งขั้นกลาง ก็เป็นเพราะว่าความแข็งแกร่งทางร่างกายของแดนปรมาจารย์นั้นมากกว่าเน่ยจิ้งขั้นกลาง

กำลังที่แฝงอยู่ในร่างกายของคนเราสามารถออกแรงได้มากน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับพลังที่ร่างกายสามารถแบกรับได้มากน้อยเพียงใด ตอนนี้ร่างกายของรพีพงษ์แข็งแกร่งขึ้น และเพิ่มถึงขีดจำกัด ดังนั้นแดนของเขาก้าวหน้าไปอีกขั้นกว่าก่อนหน้านั้น

ในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมา รพีพงษ์เพื่อที่จะต้านทานความเจ็บปวดที่เกิดจากการล้างร่างกายด้วยฤทธิ์ยาจากในบ่อน้ำ ทำให้ตัวเองเข้าสู่สภาวะของการทำสมาธิ ระลึกถึงสิ่งสำคัญของพลังวิเศษเสนอย่างละเอียด โดยหวังว่าจากโอกาสนี้สามารถเพียงพอ ที่จะก้าวหน้าได้

อย่างไรก็ตามเขาประเมินความยากของพลังวิเศษเสนชั้นสูงบรรลุถึงพลังวิเศษเสนชั้นยอดต่ำไป แม้ว่าน้ำในบ่อของสำนักเทพยาเซียนจะทำให้เขาแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นมาก แต่เขากับระยะทางพลังวิเศษเสนชั้นยอด ยังคงห่างไกลกันครึ่งก้าว

รพีพงษ์ได้คาดเดาไว้ก่อนหน้านี้ เมื่อตอนนี้ที่พลังวิเศษเสนชั้นยอด ก็จะสามารถเพียงพอบรรลุถึงแดนดั่งเทพที่อาจารย์เคยกล่าวไว้ ยังไม่พอตอนนี้เขาอยู่ห่างจากพลังวิเศษเสนชั้นยอดไปครึ่งก้าว ดังนั้นแดนของตอนนี้ น่าจะเท่ากับระดับแดนครึ่งดั่งเทพ

ที่เรียกว่าแดนครึ่งดั่งเทพ ก็คือความสามารถเพียงพอที่จะปลดปล่อยพลังในร่างกายของตัวเองเข้าสู่ร่างกายภายนอกได้ แต่ไม่สามารถทำให้พลังของในร่างกายออกจากร่างกายได้เหมือนกับแดนดั่งเทพ

ตอนนี้รพีพงศ์ทำได้เพียงยึดติดพลังวิเศษเสนของร่างกายไปกับพื้นผิวของฝ่ามือ ซึ่งทำให้พลังของพลังวิเศษเสนออกแรงได้ยิ่งใหญ่ที่สุด แม้ว่าตอนนี้เขาจะสามารถควบคุมรูปร่างที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมหัศจรรย์ของพลังวิเศษเสนที่ปลดปล่อยสู่ร่างกายภายนอกได้ แต่ก็ไม่มีผลมากนัก เพราะไม่ว่ารพีพงษ์จะเปลี่ยนแปลงรูปร่างออกมาเป็นแบบไหน ตราบใดที่พลังวิเศษเสนไม่สามารถออกจากร่างกายได้ ความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมดอันที่จริงก็เหมือนกัน

อย่างไรก็ตามรพีพงษ์มีความรู้สึกในใจว่า ในสถานะนี้เขาสามารถส่งผ่านฝ่ามือของเขาได้ ส่งพลังวิเศษเสนผ่านการสื่อสารบางอย่าง

แม้ว่าเขาจะไม่สามารถใช้พลังวิเศษเสนเปลี่ยนแปลงเป็นดาบฆ่าคนได้ตรงๆ อาจารย์ของเขาสามารถถือดาบได้หนึ่งเล่ม จากนั้นโดยผ่านฝ่ามือ ส่งพลังวิเศษเสนไปที่บนตัวดาบ แบบนี้ดาบก็สามารถเพียงพอที่จะพัฒนาขยายพลังของพลังวิเศษเสนให้ใหญ่สุด พลังก็จะไม่แย่กว่ายอดฝีมือแดนดั่งเทพที่แท้จริงมากนัก

เนื่องจากพลังวิเศษเสนของรพีพงษ์มีสภาพแวดล้อมคอยเป็นใจคอยอำนวย ยอดฝีมือแดนดั่งเทพเหล่านั้นผ่านเน่ยจิ้งเข้าสู่การเปลี่ยนแปลง โดยพื้นฐานของพลังแล้ว รพีพงษ์จะต้องแข็งแกร่งออกมาไม่น้อย ต่อให้มีช่องว่างในแดนก็ตาม ก็ยังคงสามารถอาศัยความเป็นใหญ่ของพลังวิเศษเสนซ่อมแซม

นอกเหนือจากความแข็งแกร่งที่ไม่สามารถออกจากร่างกายได้แล้ว รพีพงษ์รู้สึกว่าถ้าตัวเองเผชิญหน้ากับยอดฝีมือแดนดั่งเทพแท้จริง ต่อสู้กันหนึ่งครั้งก็ยังไม่มีปัญหา แน่นอนว่า ต่อสู้ไวหรือเปล่าค่อยว่ากัน แต่หลบหนีไม่ใช่ปัญหาอย่างแน่นอน

จุดสำคัญที่สุดคือ แต่ตอนนี้รพีพงษ์เกือบจะเป็นพลังวิเศษเสนชั้นยอด ก็คือเหมือนกันกับระดับแดนปรมาจารย์ และสามารถพอที่จะแสดงความแข็งแกร่งของยอดฝีมือเน่ยจิ้งแดนดั่งเทพออกมา

ซึ่งนี่เกือบจะเทียบเท่ากับยับยั้งยอดฝีมือเน่ยจิ้งไปได้หนึ่งแดนใหญ่ ข้อได้เปรียบนี้ยังค่อนข้างน่ากลัวมาก

ไม่รู้จริงๆว่าหลังจากรพีพงษ์บรรลุถึงพลังวิเศษเสนชั้นยอดแล้ว ก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง จะบรรลุถึงแดนแบบไหน กลัวแต่ว่าแดนดั่งเทพตอนนั้น อยู่ในสายตาของรพีพงษ์ ก็เหมือนราวกับมดเท่านั้นเอง

เมื่อดึงความคิดของเขากลับมา รพีพงษ์ปล่อยพลังวิเศษเสนอีกครั้ง เมื่อมองไปที่แสงสีขาวจางๆ รพีพงษ์อยู่ในนั้นรู้สึกถึงความผันผวนของพลังที่น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง

ตามที่อาจารย์ได้กล่าวไว้ แดนดั่งเทพและแดนปรมาจารย์เป็นคนล่ะอย่าง แดนปรมาจารย์ก้าวหน้าถึงแดนดั่งเทพ ไม่ใช่เพียงแค่เพิ่มแดน แต่เป็นการเพิ่มพลังขั้นพื้นฐาน

คนที่บรรลุถึงแดนดั่งเทพ สามารถที่จะมองแดนปรมาจารย์ทั้งหมดเป็นมดได้ ต่อให้จะมีความสามารถมากแค่ไหน ไม่ว่าจะมีฝีมือมากแค่ไหนก็ตาม ถูกเรียกได้ว่าเป็นแดนปรมาจารย์ที่ไม่มีใครสู้ได้ อยู่ในสายตาของยอดฝีมือแดนดั่งเทพ ก็เป็นเพียงมดที่แข็งแกร่งขึ้นเล็กน้อยก็เท่านั้น

ดังนั้นแม้ว่ารพีพงษ์จะมีเพียงความแข็งแกร่งของแดนครึ่งดั่งเทพ ยังคงสบประมาทยอดฝีมือแดนปรมาจารย์ทั้งหมดได้

ตอนนี้ต่อให้รพีพงษ์จะถูกยอดฝีมือแดนปรมาจารย์ยี่สิบกว่าคนรุมโจมตี ก็ยังสามารถเผชิญหน้ากับมันได้อย่างสงบ ที่สำคัญมั่นใจได้ว่าจะได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน

นี่คือความเชื่อมั่นที่มาพร้อมกับพลังที่แท้จริง

เมื่อเก็บพลังวิเศษเสนกลับไป รพีพงษ์ก็ถอนหายใจยาวออกมา ร่างกายที่ไม่ได้เคลื่อนไหวมาครึ่งเดือน เขาก็รู้สึกอ่อนเพลียด้วย ดังนั้นจึงยืดกระดูกกล้ามเนื้อ

ในตอนนี้เขาสังเกตเห็นอุเอสึงิ ฮารุที่จ้องมองมาที่เขาอย่างตกตะลึงอยู่ไม่ไกล บนใบหน้าปรากฏรอยยิ้ม จากนั้นก็เดินเข้าไปหาหล่อน

เดิมทีเขาคิดว่าอุเอสึงิ ฮารุจะใช้ประโยชน์จากตอนที่เขาเพิ่มความแข็งแกร่งอยู่ในบ่อน้ำ ฉวยโอกาสออกไป คาดไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนี้จะซื่อสัตย์ขนาดนี้ ดูเหมือนว่าเรื่องที่ตัวเองรับปากกับหล่อน ก็ต้องทุ่มเทสุดกำลังทำให้ได้

“มืดค่ำขนาดนี้แล้ว ทำไมเธอยังอยู่ที่อีก ไม่กลับไปพักผ่อน?”รพีพงษ์เอ่ยปาก

ทันใดนั้นอุเอสึงิ ฮารุก็รู้สึกประหม่าเล็กน้อย ไม่รู้ว่าจะตอบรพีพงษ์อย่างไร หล่อนคงจะไม่สามารถพูดได้ว่าช่วงนี้หล่อนถือว่ารพีพงษ์เป็นคู่รักระบายความในใจมาโดยตลอด ทุกคืนจะมาพูดคุยกับเขามากมาย

ในตอนนี้ อุเอสึงิ ฮารุเพิ่งสังเกตเห็นปัญหาที่มองข้ามไปเพราะหล่อนตกใจเกินไป

บนตัวรพีพงษ์ไม่ได้สวมเสื้อผ้าเลย!

ที่สำคัญรพีพงษ์เองก็ดูเหมือนจะเป็นเพราะอยู่ในน้ำเป็นเวลานานเกินไป และลืมปัญหานี้ไปแล้ว

แก้มของอุเอสึงิ ฮารุเปลี่ยนเป็นสีแดงในทันที รพีพงษ์เดินวางมาดมาทางหล่อน ทุกสิ่งที่ควรเห็นหรือไม่ควรเห็นหล่อนก็เห็นทั้งนั้น

หล่อนรีบใช้มือปิดตาตัวเอง และเอ่ยปากว่า: “คุณ….คุณชาย เสื้อผ้าของคุณ…..”

ในเวลานี้เองรพีพงษ์ถึงได้รู้ตัวว่าตัวเองออกมาจากบ่อน้ำโดยที่ยังไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้า บนใบหน้าก็ปรากฏความกระอักกระอ่วน รีบกระโดดไปหลังก้อนหินอย่างรวดเร็ว

“ขอโทษด้วย เวลานานเกินไป ฉันลืมไปเลย”เสียงของรพีพงษ์ดังขึ้นมา ซึ่งนี่เป็นช่วงเวลาที่กระอักกระอ่วนที่สุดในชีวิตของเขา

เมื่ออุเอสึงิ ฮารุเห็นรพีพงษ์ซ่อนตัวอยู่หลังหิน ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกอย่างเงียบๆ แต่มีรอยยิ้มสวยงามปรากฏขึ้นบนใบหน้า

“คุณชายรออยู่ที่นี่ก่อน ฉันจะไปเอาเสื้อผ้าให้คุณชายเดี๋ยวนี้

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท