พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่831 ความเคยชินคือบ่อเกิดแห่งความชำนาญ

บทที่831 ความเคยชินคือบ่อเกิดแห่งความชำนาญ

บทที่831 ความเคยชินคือบ่อเกิดแห่งความชำนาญ

ประเทศญี่ปุ่น เมืองโตเกียว

ณ ร้านที่ได้รับความนิยมร้านหนึ่งในห้าง

รพีพงษ์พาอุเอสึงิ ฮารุมายังด้านหน้าร้านเสื้อผ้าแบรนด์เนมร้านหนึ่ง อุเอสึงิ ฮารุกำลังมองเสื้อผ้าที่สวยงามที่วางอยู่เต็มไปหมด ถึงกับมิอาจละสายตาไปได้

แม้จะเป็นคุณหนูของตระกูลอุเอสึงิ แต่อุเอสึงิ ฮารุก็ใช้ชีวิตอย่างคนทั่วไป แม้ตระกูลอุเอสึงิจะมีเงิน เธอก็ไม่ได้ใช้อยู่ดี ดังนั้นเหมือนร้านเสื้อผ้าแบรนตด์เนมนี้ อุเอสึงิ ฮารุไม่เคยมองก่อนเลย

“คุณชาย ไม่งั้นพวกเราไปดูร้านเสื้อผ้าค้าส่งที่อยู่ด้านนอกดีกว่า เสื้อผ้าที่นี่แพงไป ฉันไม่อยากคุณชายเปลืองเงิน” อุเอสึงิ ฮารุมองไปที่รพีพงษ์แล้วกล่าว

รพีพงษ์ได้ยินคำพูดของอุเอสึงิ ฮารุจึงยิ้มออกมา แล้วกล่าว “ไปซื้อที่ร้านค้าส่งหรือซื้อที่นี่สำหรับผมแล้วก็ไม่ต่างกัน แต่ในเมื่อจะซื้อชุดใหม่ ก็ต้องซื้อที่มันดูดีหน่อย สบายใจได้ ซื้อเสื้อผ้าไม่กี่ชุดสำหรับผมแล้วยังไม่ถือว่าเปลืองเงินนะ”

ที่รพีพงษ์พูดแบบนี้ก็แค่โอ้อวดก็เท่านั้น เพราะสำหรับรพีพงษ์ที่ในบัตรมีเงินหมื่นล้าน จ่ายห้าล้านหรือห้าหมื่น ก็ไม่ได้ต่างกันมากจริงๆ

บัตรธนาคารของรพีพงษ์ใช้ได้ทั่วโลก ตอนที่รูดบัตรจะคิดตามอัตราแลกเปลี่ยนแล้วหักลบเอา ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องไปธนาคารเพื่อแลกเงินเยน

อุเอสึงิ ฮารุได้ยินรพีพงษ์พูดแบบนี้ ก็ไม่ปฏิเสธ ดังนั้นจึงได้พยักหน้าให้รพีพงษ์ แล้วเดินไปที่ร้านนั้นพร้อมกับรพีพงษ์

ราคาที่อยู่บนป้ายของชุดในร้านนี้ใช้สกุลเงินดอลล่าร์ ชุดที่ถูกที่สุด ก็ราคาพันดอลล่าร์อัพ แม้จะเป็นญี่ปุ่นประเทศที่พัฒนาแล้ว แต่ที่นี่ก็เป็นที่ๆของคนรวยเท่านั้นที่จะอยู่ได้

เพราะคนที่มาซื้อของในร้านมีจำนวนน้อย ปกติคนที่เข้ามาก็แค่มาดู ดังนั้นพนักงานในร้านจึงไม่มีอะไรทำ เห็นรพีพงษ์และอุเอสึงิ ฮารุเข้ามา ไม่ได้มีการเข้ามาแนะนำแต่อย่างใด

แล้วเมื่อพนักงานเหล่านั้นเห็นการแต่งกายของรพีพงษ์และอุเอสึงิ ฮารุว่าแย่มากแล้ว จึงไม่อยากเข้ามาแนะนำพวกเขาแต่อย่างใด

ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ก็ต้องมีการเหยีดหยามเกิดขึ้น แต่สิ่งที่ประเทศญี่ปุ่นและประเทศจีนต่างกันคือ เมื่อพนักงานของประเทศญี่ปุ่นเห็นลูกค้าใส่ชุดธรรมดาเข้ามา จะไม่ไล่พวกเขาออก เพราะพวกเขาไม่อยากเสียอารมณ์กับคนจน อีกอย่างก็คือขี้เกียจจะใส่ใจ

แต่ถ้าเป็นพนักงานร้านแบนด์เนมเห็นคนสวมใส่ชุดข้างทาง จะรีบไล่พวกเขาออกไปในทันใด

รพีพงษ์รู้สึกคุ้นเคยกับเรื่องแบบนี้ไปแล้ว ดังนั้นจึงไม่ถือสา พาอุเอสึงิดูชุดในร้าน

ผ่านไปไม่นาน อุเอสึงิชอบกระโปรงที่สวยงามมากตัวหนึ่ง รพีพงษ์เอาประโปรงตัวนั้นออกมา ให้อุเอสึงิ ฮารุลองใส่ดู

พนักงานเห็นดังนี้ ก็รีบเดินเข้ามา

“ขอโทษค่ะ พวกคุณจะลองชุดใช่ไหม?” พนักงานใช้ภาษาญี่ปุ่นคุยกับรพีพงษ์

รพีพงษ์พยักหน้า

“ขอโทษค่ะ เสื้อผ้าของร้านเราต้องซื้อก่อนถึงจะลองได้ ถ้าพวกคุณไม่ซื้อ ก็อย่าลอยเลย” พนักงานกล่าว

ความจริงพวกเขาไม่มีกฎนี้ เธอเพียงแค่คิดว่ารพีพงษ์และอุเอสึงิ ฮารุไม่มีทางซื้อ ถ้าให้พวกเขาลองชุด เกิดทำสกปรกขึ้นมาเธอจะมีปัญหา

“คุณชาย งั้นพวกเราไม่เอาแล้วดีกว่า ความจริงซื้อข้างนอกก็เหมือนกันนะ” อุเอสึงิ ฮารุเห็นพนักงานร้านดูถูกพวกเขา จึงได้ถอยตัวออก

ในขณะเดียวกันนี้มีชายหนึ่งหญิงหนึ่งเดินมาจากด้านนอก สองคนนี้เป็นนักท่องเที่ยวที่มาจากประเทศจีน ครอบครัวมีฐานะ ชอบเข้าร้านแบรนด์เนม ไปทุกๆที่ จะต้องเข้าร้านแบรนด์เนมทุกครั้ง ลิ้มลองการเป็นพระเจ้าสักหน่อย

พวกเขาทั้งสองได้ยินรพีพงษ์และอุเอสึงิ ฮารุพูดภาษาจีน ได้และสังเกตท่าทีของพนักงานร้าน รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เกิดความหยามเหยียดขึ้นในใจ ยิ้มพลางเดินไปที่พวกเขา

“โอ๊ะโอ๊ะ คิดไม่ถึงจริงๆ ไม่คาดคิดว่าคนที่สวมใส่ชุดข้างถนนจะกล้าเข้ามาในร้านแบรนด์เนม เพราะฉันตามไม่ทัน หรือเป็นเพราะพวกคุณไม่รู้สถานะตัวเองกันแน่นะ?” ฝ่ายหญิงประชดประชัน

ฝ่ายชายจ้องไปที่รพีพงษ์ ยิ้มพลางกล่าว “เด็กน้อย คุณน่าจะเป็นคนจีนสินะ ถ้าจะให้ผมพูด ออกมานอกประเทศ อย่าทำให้คนจีนเสียหน้าสิ คุณไม่เห็นหรอว่าพนักงานไม่อยากพูดกับพวกคุณแล้วหนะ?”

รพีพงษ์มองทั้งสองอย่างเซ็ง คิดไม่ถึงว่าไม่ว่าตัวเองจะไปที่ไหน ก็ต้องเจอกับพวกที่น่ารำคาญอย่างนี้ตลอดเลย

ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมา รพีพงษ์ไม่ให้โอกาสทั้งสองได้เหยียดหยามตัวเองต่อ จึงได้ถามผู้ชายคนนั้นไปว่า “งั้นคุณคิดว่า อะไรที่จะถือว่าไม่ทำให้คนจีนเสียหน้าล่ะ?”

“คืองี้ เรื่องแบบนี้ ไม่เกี่ยวกับปัญหา แต่เกี่ยวกับตัวบุคคล ไม่ว่าทำอะไรก็จะทำให้คนจีนเสียหน้าหมดแหละ ผมสูงส่งขนาดนี้ ไม่ว่าทำอะไร ล้วนดูดีกว่าคนทุกเมื่อ เข้าใจไหม?” ฝ่ายชายกล่าว

รพีพงษ์พยักหน้า กล่าว “โอเค หวังว่าคุณจะสูงส่งได้ตลอดรอดฝั่งนะ”

จากนั้นเขาก็หันหลังไปมองพนักงานคนนั้น เอาบัตรธนาคารของตัวเองออกมา แล้วยื่นไป กล่าว “ช่วยเติมเงินสมาชิกล้านดอลล่าร์ให้ผมหน่อย แล้วเอาชุดที่เราดูเมื่อกี้เตรียมไว้ให้ด้วย ขอบคุณ”

พนักงานชะงัก แล้วแสดงออกด้วยสายตาตื่นเต้น ถามกลับไปว่า “แน่……แน่ใจหรอคะ?”

รพีพงษ์พยักหน้า

สายตาของพนักงานคนนั้นมองไปที่รพีพงษ์อย่างไม่เหมือนเดิม เธอรีบหยิบบัตรของรพีพงษ์ไปทำบัตรสมาชิก

ชายหญิงคู่นั้นเห็นดังนี้ ก็อ้าปากค้าง ตอนแรกพวกเขาอยากจะเหยียดหยามรพีพงษ์เสียหน่อย กลับกลายเป็นว่ารพีพงษ์เติมเงินเข้าไปในบัตรสมาชิกล้านดอลล่าร์เสียอย่างนั้น ใครจะสู้ไหว?

“จริงหรือเปล่า หลอกกันป่ะเนี่ย?” ฝ่ายหญิงพึมพำกับตัวเอง

ฝ่ายชายพยักหน้า รู้สึกว่าน่าจะเป็นไปได้

แต่ทว่าห้านาทีหลังจากนั้น เห็นพนักงานยื่นบัตรธนาคารให้อย่างยินดีปรีดา รวมทั้งเตรียมชุดไว้ให้เรียบร้อย คู่ชายหญิงคู่นั้นถึงกับพูดไม่ออกเลยทีเดียว

รพีพงษ์รับบัตรธนาคารกลับมา หันไปแล้วยิ้มให้กับคู่นั้น กล่าว “ผมจนขนาดนี้ แต่เติมเงินสมาชิกไปล้านดอลล่าร์ เพื่อแสดงความสูงส่งของพวกคุณ พวกคุณต้องเติมมากกว่าผมมั้ย?”

ฝ่ายชายเหงื่อไหลไม่หยุด แม้เขามีทรัพย์สินของตระกูลอยู่บ้าง แต่เติมเงินสมาชิกล้านดอลล่าร์ง่ายๆแบบนี้ แล้วยังเป็นดอลล่าร์อีก ให้ตายเขาก็ไม่กล้า

“น้อง……น้องชาย เมื่อกี๊พวกเราบ้าบิ่นไปหน่อย อย่าถือสาเลย ทิ้งเบอร์ติดต่อไว้หน่อยมั้ย เดี๋ยวผมจะเลี้ยงข้าวชดเชยความผิด” ฝ่ายชายยิ้มแหยๆ

“ชั่งเหอะ ผมกลัวว่าคนจนอย่างผม ไม่เหมาะกับอาหารของคนสูงส่งอย่างพวกคุณ”

พูดจบ รพีพงษ์ก็หยิบชุด พาอุเอสึงิ ฮารุ เดินออกไปข้างนอก

อุเอสึงิ ฮารุมองเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างตาค้าง ไม่คาดคิดว่ารพีพงษ์จะจัดการเรื่องนี้ได้อย่างง่ายดาย เหมือนผ่านการอบรมมาแล้วอย่างไรอย่างนั้น

“คุณชาย ทำไม คุณใช้เวลาอันสั้น แสดงอำนาจให้สองคนเห็นได้อย่างเร็ว? คุณชั่งร้ายกาจจริงๆ!” อุเอสึงิ ฮารุกล่าว

รพีพงษ์หันไปยิ้มพลางมองอุเอสึงิ ฮารุ แล้วกล่าว “เพราะ……ความเคยชินคือบ่อเกิดแห่งความชำนาญ”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน