พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่834 เขาคือชายเลว

บทที่834 เขาคือชายเลว

บทที่834 เขาคือชายเลว

“คง……คงไม่ใช่ดูผิดหรอกนะ เขาบอกว่าตัวเองรักเดียวใจเดียวตลอดไม่ใช่หรอ ตอนนั้นฉันอยู่กับเขาตั้งนาน ถึงขั้นนอนห้องเดียวกันตั้งนาน เขาไม่ทำอะไรฉันเลย แล้วจะพาหญิงอื่นเปิดโรงแรมได้ไงกัน” ฝนสุดาพูดกับตัวเอง

ผู้ชาย พาผู้หญิงเข้าโรงแรม สามารถรู้ได้ ว่าพวกเขามาทำอะไรกัน

ดังนั้นฝนสุดาจึงสงสัยว่าคนที่ตัวเองเห็นเป็นรพีพงษ์หรือไม่

“แต่ใบหน้าเมื่อกี๊ ต้องเป็นเขาแน่ๆ ฉันไม่มีทางจำผิด” ฝนสุดาให้ความมั่นใจตัวเองอีกครั้ง

หากชายเมื่อกี้เป็นรพีพงษ์จริงๆล่ะก็ ฝนสุดาพบว่าตัวเองยอมรับเรื่องราวในครั้งนี้ไม่ได้

“แกไอ้ต่ำช้า ตอนนั้นแกบอกว่าแกมีอารีคนเดียวในใจไม่ใช่หรอ ทำไมตอนนี้มาที่ประเทศเรา แล้วเปิดห้องกับหญิงอื่นอีก?”

“แกไอ้หลอกลวง ในเมื่อแกกล้าพาหญิงคนอื่นมา ทำไมตอนแรกไม่กล้ามีอะไรกับฉัน แกรังเกียจฉันหรอ?”

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ฝนสุดาก็ร้องไห้ออกมา เรื่องการแต่งงานกับตระกูลอุเอสึงิทำให้เธอกดดันอย่างหนัก และแล้วความศรัทธาสุดท้าย กลับพาหญิงคนอื่นเข้าโรงแรม ทำให้ใจเธอพังลงทันใด

“ฮือฮือฮือ แกไอ้เลว ฉันถูกบังคับแต่งงาน แกกลับพาหญิงเข้าโรงแรม แกโกหกได้โล่ห์ ฉันตาบอดจริงๆ ชอบคนเลวๆอย่างแกได้ไงกัน”

ฝนสุดานั่งร้องบนพื้น

ผ่านไปไม่นาน เธอยืนขึ้นมาทันใด มองไปที่รพีพงษ์ที่กำลังเดินเข้าไปในห้อง แล้วกล่าว “ไม่ได้ ฉันไม่มีทางปล่อยไอ้เลวนี่ให้หญิงอื่น แม้มันจะเลว ฉันก็ต้องเอามันให้ได้!”

ด้วยนิสัยของฝนสุดา ไม่มีทางยอมแพ้ง่ายๆแบบนี้อยู่แล้ว ในเมื่อพระเจ้าให้เธอเจอรพีพงษ์ที่นี่ แสดงว่าพระเจ้าได้ให้โอกาสเธออีกครั้ง

เธอเงยหน้าเช็ดน้ำตาตัวเอง แล้วกล่าว “รพีพงษ์ ครั้งนี้ฉันจะปล้ำแก ดูว่าแกจะพูดว่าอะไรอีก!”

พูดจบ เธอก็เดินไปที่ห้องของรพีพงษ์และอุเอสึงิ ฮารุอย่างรวดเร็ว

ในห้อง รพีพงษ์เพิ่งนั่งรถบนโซฟา ในสมองเต็มไปด้วยความคิดที่ว่าจะหาฝนสุดาเจอได้อย่างไร อุเอสึงิ ฮารุยืนอยู๋ข้างๆ ก็ยังคงอยากถามว่ารพีพงษ์กับฝนสุดามีความสัมพันธ์กันอย่างไร

ในขณะที่อุเอสึงิ ฮารุกำลังรวบรวมความกล้า จะถามรพีพงษ์นั้น

ประตูห้องได้ถูกถีบออก ฝนสุดาที่เกรี้ยวกราดได้พุ่งเข้ามา เห็นรพีพงษ์นั่งอยู่บนโซฟา และอุเอสึงิ ฮารุสาวงามที่อยู่ข้างๆแล้วนั้น ก็ยิ่งโมโหเข้าไปอีก ชี้รพีพงษ์แล้วด่า

“แกไอ้หน้าคดใจซื่อ! แกบอกว่าแกรักเมียแกคนเดียวหนิ ทำไมตอนนี้พาหญิงอื่นเข้าโรงแรม? แล้วยังมาที่ประเทศญี่ปุ่นของฉันอีก กลัวเมียรู้หรือไง?”

“ถ้าแกเป็นชายโฉดก็ช่้าง แต่ทำไมตอนที่แกอยู่กับฉัน แกไม่ทำอะไรฉันเลย? แกรังเกียจฉันหรือไง? หรือฉันไม่สวยเท่าสาวนี่?”

ฝนสุดามองไปที่อุเอสึงิ พบว่าตัวเองกับอุเอสึงิ ต่างกันอยู่บ้างจริงๆ จึงรู้สึกอับอายขึ้นมา จากนั้นก็ด่ารพีพงษ์ในใจว่าเป็นไอ้จอมปลอม ไม่ตกหลุมพรางของเธอ แล้วยังหลงใหลให้กับความงามอย่างมากอีกด้วย

เอ๊ะ? ทำไมรู้สึกว่าผู้หยิงคนนี้คุ้นๆนะ? เหมือนกับเคยเจอที่ไหนมาก่อน?

รพีพงษ์ดูฝนสุดาที่พุ่งเข้ามา ก็รู้สึกประหลาดใจ เมื่อกี้เขายังคาดเดาอยู่เลยว่าหลังจากที่ฝนสุดาได้หนีออกมาจากตระกูลฉารุฮิแล้วนั้น จะไปอยู่ไหน สุดท้ายนาทีถัดมาหญิงคนนี้ก็ปรากฏตัวต่อหน้าเขาทันใด ทำให้คนคาดไม่ถึงจริงๆ

ฟังคำพูดที่ฝนสุดาตะคอกใส่ตน รพีพงษ์พอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมเธอถึงได้ตื่นตระหนกขนาดนั้น จึงรู้สึกพูดไม่ออก

เขายืนขึ้นจากโซฟา เดินไปยังด้านหน้าของฝนสุดา ยื่นมาไปจับที่ไหล่ของเธอ ให้เธอนั่งลงบนโซฟา

“แก……แกจะทำอะไร? แกคงไม่ใช่เพราะจะถูกฉันปล้ำ แล้วจะฆ่าปิดปากฉันหรือกนะ?” ฝนสุดามองไปที่รพีพงษ์อย่างเคร่งเครียด

“ผมอยากให้คุณใจเย็นๆหน่อย” รพีพงษ์กล่าว

“ฉันจะใจเย็นได้ไง ฉันพูดผิดหรือไง แกไอ้ชายโฉด!” ฝนสุดาตะคอก

อุเอสึงิ ฮารุที่อยู่ข้างๆรู้สึกแปลกใจกับฝนสุดาที่จู่ๆก็ปรากฏกายออกมา เธอรู้ว่าฝนสุดาหน้าตาเป็นอย่างไร ดังนั้นจึงรู้ว่าหญิงที่อยู่ตรงหน้าคือใคร

และดูจากการกระทำของฝนสุดาที่มีต่อรพีพงษ์ เหมือนกับแฟนสาวกระทำต่อฝ่ายชายอย่างไรอย่างนั้น อุเอสึงิ ฮารุก็เกิดความสงสัยขึ้นมาทันใด

คุณชื่อบอกว่าในใจมีแต่ภรรยากับลูกสาวไม่ใช่หรอ? ทำไมคุณฝนสุดากลับปฏิบัติต่อเขาเหมือนแฟนเลยล่ะ?

หรือเหมือนอย่างที่คุณฝนสุดาได้กล่าวไว้ ว่าคุณชายเป็น……ชายโฉดจริงๆ?

เห็นอุเอสึงิ ฮารุก็มองเขาอย่างมีคำถามเช่นกัน รพีพงษ์รู้สึกปวดหัวขึ้นมา จึงให้อุเอสึงิ ฮารุนั่งลงบนโซฟาเช่นเดียวกัน

หญิงทั้งสองเกิดอาการที่เป็นปฏิปักษ์ต่อกันอย่างทันใด ราวกับเอาอีกฝั่งเป็นศัตรูหัวใจของตนไปแล้ว ดูภายนอกเหมือนสงบ แต่มองจากสายตา ได้สู้รบกันไปจนนับไม่ถ้วนแล้ว

“อธิบายก่อนเลยแล้วกัน ผมกับเธอ ไม่ได้มาที่นี่เพื่อมีอะไรกัน คุณเข้าใจผิดไปเอง ผมมีแค่ภรรยากับลูกเท่านั้นจริงๆ เรื่องนี้ไม่ต้องสงสัยเลย” รพีพงษ์กล่าว

“ถ้าพวกแกไม่ไ่ด้มาทำอะไรกันแล้วทำไมนอนห้องเดียวกัน? รพีพงษ์ หยุดโกหกได้แล้ว!” ฝนสุดาไม่เชื่อ

รพีพงษ์เซ็ง ทำได้เพียงบอกเหตุผลที่เขาและอุเอสึงิ ฮารุต้องอยู่ห้องเดียวกัน เพราะห้องชุดนี้มีสองห้องนอน เขากับอุเอสึงิ ฮารุไม่ได้นอนเตียงเดียวกันสักหน่อย

ฝนสุดาเพิ่งจะนึกตัวตนของอุเอสึงิ ฮารุออก เมื่อก่อนเธอเคยเห็นอุเอสึงิ ฮารุอยู่บ้าง และรู้เกี่ยวกับอุเอสึงิ ฮารุ แต่ยังไงเธอก้ไม่คาดคิด ว่ารพีพงษ์จะอยู่กับคุณหนูของตระกูลอุเอสึงิได้

“รพีพงษ์ คุณคงไม่ใช่เป็นคนของตระกูลอุเอสึงิจัดมาให้จับฉันหรอกนะ?” ฝนสุดาจ้องรพีพงษ์อย่างสงสัย

รพีพงษ์บอกเหตุผลที่ตนต้องมาประเทศญี่ปุ่น แล้วบอกเธอถึงเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเขาและอุเอสึงิ ฮารุให้ฟัง และบอกเธอถึงเหตุผลที่แท้จริงว่าทำไมตระกูลอุเอสึงิต้องเอาเธอเป็นนางบำเรอ

ฝนสุดายิ่งฟังยิ่งประหลาดใจ ไม่คาดคิด ว่าการแต่งงานของตน จะซับซ้อนซ่อนเงื่อนขนาดนี้

“ถ้า……ถ้าแบบนี้ ที่พวกคุณทั้งสองอยู่ที่นี่ ก็เพราะช่วยฉัน ไม่ใช่มาลักลอบสมสู่กัน?

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท