พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่839 ชะงัก

บทที่839 ชะงัก

บทที่839 ชะงัก

ฝนสุดาได้ยินคำพูดนี้ของฮารุฮิ กันตะ หันมองรพีพงษ์ ตอนนี้รพีพงษ์เป็นลูกพี่ของเธอ จากนั้นจะทำอะไรต่อ ก็ต้องฟังลูกพี่เป็นธรรมดา

รพีพงษ์ดื่มเหล้าสักหน่อย รู้สึกเริ่มน่าสนใจ เมื่อได้ยินฮารุฮิ กันตะจะเรียกปรมาจารย์มา ก็รู้สึกชอบใจ

ตอนนี้ยังไม่ดึก เล่นกับฮารุฮิ กันตะต่อไปคงไม่เป็นไร

“ปรมาจารย์ที่แกพูดถึงนั้น คงไม่ใช่คนที่เก่งกว่าอันธพาลนิดหน่อยใช่มั้ย?” รพีพงษ์ถาม

ฮารุฮิ กันตะกล่าวอย่างดูแคลน ว่า “ความสามารถของปรมาจารย์ดีกว่าพวกสวะพวกนี้เยอะ จะบอกให้นะ ปรมาจารย์ท่านี้มาจากประเทศจีน ที่ประเทศจีน พวกเขาล้วนเรียกเขาว่าปรมาจารย์ ฝีมือของเขา เกินกว่าที่คนธรรมดาจะจินตนาการได้ แกกล้าให้ฉันเรียกเขามาป่ะล่ะ?”

รพีพงษ์ยักคิ้ว ไม่คาดคิดว่าจะมีปรมาจารย์ จึงยิ้มพลางกล่าวว่า “งั้นฉันรอที่นี่แล้วกัน แกเรียกเขามา”

ฮารุฮิ กันตะเห็นรพีพงษ์ตกหลุมพรางคำท้าทายของเขา ก็ดูแคลน ไม่พูดพร่ำทำเพลงหยิบมือถือของตัวเองขึ้นมา โทรไปหาบดีศวร

เขามองว่า เพียงแค่บดีศวรมา ก็สามารถจัดการรพีพงษ์ผู้ที่อวดเก่งได้แล้ว

“ฉันบอกกับปรมาจารย์แล้ว ปรมาจารย์จะมาอย่างรวดเร็ว ถ้าแกกล้าพอ ก็รออยู่นี่อย่าไปไหน” ฮารุฮิ กันตะพูดกับรพีพงษ์อย่างเสียงดัง

รพีพงษ์เดินไปที่บาร์ แล้วนั่งลง

ฝนสุดารีบเดินไป นั่งข้างๆรพีพงษ์ แล้วถาม “ปรมาจารย์ที่เขาพูดถึง ใช่แดนปรมาจารย์ที่อาจารย์พูดในตอนนั้นหรือเปล่า?”

ตอนนั้นที่ฝนสุดาและรพีพงษ์ทำสมาธิกับอาจารย์บนเขา ก็รู้เกี่ยวกับการแบ่งขั้นของวงการบู๊อยู่บ้าง

ตอนนั้นเธอรู้ว่ายอดฝีมือแดนปรมาจารย์น่าเกรงขาม ตอนนี้ได้ยินฮารุฮิ กันตะพูดแบบนี้ ก็รู้สึกกังวลใจขึ้นมา

รพีพงษ์พยักหน้า กล่าว “น่าจะใช่”

“งั้นพวกเราจะรอบ้าอะไรที่นี่ รีบไปสิ ยอดฝีมือแดนปรมาจารย์น่ากลัวมาก ถ้ามาจริงๆ พวกเราก็จบเห่ดิ?” ฝนสุดาตาโต เธอไม่รู้ว่าตอนนี้รพีพงษ์ฝีมือระดับไหน

อุเอสึงิ ฮารุที่อยู่ข้างๆยิ้มออกมา กล่าว “คุณฝนสุดา คุณไม่ต้องเป็นห่วง คุณชายเก่งกาจมาก แม้จะมีแดนปรมาจารย์ล้อมเขาไว้สิบกว่าคน คุณชายก็เอาตัวรอดได้”

ฝนสุดามองรพีพงษ์อย่างตะลึง กล่าว “แดนปรมาจารย์สิบกว่าคนล้อมไว้? จริงป้ะเนี่ย?”

“จริงที่สุด ฉันเห็นมากับตา” อุเอสึงิ ฮารุกล่าวอย่างจริงจัง

ฝนสุดาอึ้งไปชั่วขณะ เธอไม่รู้เลยว่าไม่ได้เจอรพีพงษ์นานขนาดนี้ แล้วฝีมือจะเก่งกาจไปถึงระดับไหนแล้ว

“กินเหล้าต่อดีกว่า รอให้จัดการกับปรมาจารย์ท่านั้นแล้ว พวกเราก็ควรจะกลับได้แล้ว” รพีพงษ์ยิ้มพลางกล่าว

……

ในระหว่างทางไปคลับโกเบริเวอร์

บดีศวรพาลูกศิษย์ของตระกูลวัชรชัยไปหลายคน ท่าทางโหดเหี้ยม

“ไม่คาดคิดว่าวันนี้พวกเราเพิ่งจะคุยเรื่องร่วมมือกับตระกูลฮารุฮิสำเร็จ แล้วจะมีโอกาสได้แสดงฝีมือ นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันออกโรง ต้องเคลียร์ปัญหาให้หมดทุกอย่าง มิเช่นนั้นคนของตระกูลฮารุฮิจะต้องสงสัยในฝีมือของพวกเราแน่” บดีศวรพูดกับศิษย์ของตระกูลวัชรชัย

ศิษย์เหล่านั้นพยักหน้า หนึ่งในนั้นยิ้มพลางกล่าวว่า “ประเทศญี่ปุ่นไม่เหมือนประเทศจีน ที่นี่ไม่มีศิลปะการต่อสู้ แม้จะมีพวกนินจาอยู่บ้าง ก็ลึกลับทั้งนั้น ปกติจะไม่เปิดเผยตัวทางโลก ฉันรู้สึกว่าครั้งนี้ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ถึงเวลานั้นพวกเราออกหน้าก็พอแล้ว นายใหญ่มองดูก็พอแล้ว”

ศิษย์คนอื่นๆพยักหน้าตามๆกัน เห็นด้วยความคิดนี้อย่างมาก

บดีศวรก็ไม่รู้สึกว่าคำพูดของศิษย์คนนี้จะเกินไปหรือยังไง สิ่งที่เขาพูดเป็นความจริง ดังนั้นจึงไม่ต้องขัดคอใดๆ

“เดี๋ยวถึงแล้ว พวกแกลงมือก่อน ถ้าจัดการไม่ได้ ฉันค่อยออกโรงเอง นี่เป็นโอกาสที่จะแสดงฝีมือให้คนของตระกูลฮารุฮิ พวกเราต้องทำให้ดี” บดีศวรกล่าว

ศิษย์ทั้งหลายพยักหน้า ด้วยสายตาตื่นเต้น

ในผับ

ฮารุฮิ กันตะมองไปที่รพีพงษ์ทั้งสามคนที่กำลังนั่งชิลๆอย่างโมโห แป๊ปๆก็ด่าออกมา

“เดี๋ยวรอให้ปรมาจารย์มาถึง ดูว่าพวกแกยังจะชิลได้อีกมั้ย”

ไม่นาน บดีศวรก็พาลูกศิษย์มาถึงในคลับโกเบริเวอร์ พวกเขาเห็นฮารุฮิ กันตะที่กำลังโมโหยืนอยู่ ศิษย์ของตระกูลวัชรชัยอยากทำออกมาให้ดี จึงรีบเดินไปด้านหน้าของฮารุฮิ กันตะ

“คุณชายฮารุฮิ กันตะ มิทราบว่าใครหาเรื่องคุณชาย ให้เป็นหน้าที่ของพวกเรา เรื่องนี้ เราจะจัดการแทนคุณเอง” หนึ่งในลูกศิษย์กล่าว

ฮารุฮิ กันตะเห็นคนของตระกูลวัชรชัยมา ก็ยิ้มออก แล้วกล่าว “พวกคุณมาถึงสักที คนที่อวดเก่งต่อหน้าผมอยู่นั้น ขอพวกคุณกรุณาจัดการมันให้ผมด้วย มิเช่นนั้นศักดิ์ศรีของตระกูลฮารุฮิ จะถูกย่ำยี”

พูดพลาง ฮารุฮิ กันตะก็ชี้ไปที่รพีพงษ์

“คุณชายฮารุฮิ กันตะสบายใจได้ นี่เป็นสิ่งที่พวกเราควรทำอยู่แล้ว”

ลูกศิษย์พวกนั้นหันไปมองทางรพีพงษ์ เตรียมตัวต่อสู้

แต่หลังจากที่พวกเขาเห็นว่าคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นเป็นใครแล้วนั้น ก็ต้องชะงักทันที

เดิมทีเท้าที่จะก้าวเดินออกไปก็แข็งทื่ออยู่กับที่

“ร……รพีพงษ์? เป็นเขาได้ไงกัน?”

คนของตระกูลวัชรชัยเหล่านี้แม้จะลืมกำพืดของตัวเอง แต่ก็ไม่มีทางลืมลักษณะของรพีพงษ์ได้

คนนี้แหละ ที่ทำให้ตระกูลวัชรชัยเจอกับวิกฤต ถ้าไม่ใช่เขา ตระกูลวัชรชัยก็ไม่มีทางถูกบีบมาที่ประเทศญี่ปุ่นได้

แต่ทว่าโลกบังเอิญพรหมลิขิต พวกเขาได้เจอกับรพีพงษ์ที่นี่อีกแล้ว แล้วยังเป็นภารกิจแรกที่คุณชายตระกูลฮารุฮิให้พวกเขาทำด้วย

คนของตระกูลวัชรชัยรู้ดีอย่างมากเกี่ยวกับฝีมือของรพีพงษ์ ตอนนั้นรพีพงษ์ต่อกรกับคนของวงการบู๊ของจีนเพียงลำพัง พวกเขาเห็นมันมากับตา ไม่มีใครรู้ดีถึงความน่ากลัวของรพีพงษ์เท่าพวกเขาอีกแล้ว

ตอนนี้ฮารุฮิ กันตะให้พวกเขาไปต่อสู้กับรพีพงษ์ พวกเขากลัวจนก้าวเท้าไม่ออกแล้ว

ฮารุฮิ กันตะเห็นพวกศิษย์ของตระกูลวัชรชัยไม่ลงมือ ก็เกิดความสงสัยขึ้นมา จึงถาม “มีปัญหาอะไรมั้ย?”

ศิษย์ของตระกูลวัชรชัยเหงื่อออกตามตัว ตอนนี้ไม่ใช่มีปัญหาธรรมดา แต่เป็นปัญหาระดับโลกแล้วล่ะ คนที่นั่งอยู่ตรงนั้นมันคือนักฆ่าเลยนะ ถ้าพวกเขาไปล่ะก็ เกรงว่าจะไม่มีชีวิตผ่านพ้นคืนนี้ไปได้

ขณะนี้บดีศวรเดินมายังด้านหน้าของฮารุฮิ กันตะ เห็นศิษย์ของตระกูลวัชรชัยเหล่านี้ไม่ขยับ ก็รู้สึกแปลกใจ

ฮารุฮิ กันตะเห็นบดีศวรมา จึงรีบเดินไป แล้วกล่าว “ปรมาจารย์บดีศวร ผมต้องการให้พวกคุณแก้ไขปัญหา ที่นั่งอยู่ตรงนั้นไง ศิษย์ของคุณไม่รู้เป็นอะไร ยืนอยู่กับที่ไม่ไปไหน ไม่งั้นคุณลงมือเองมั้ย ด้วยฝีมือของคุณ จัดการไอ้เด็กนั่น ก็น่าจะเป็นเรื่องแค่เศษเสี้ยววินาทีเท่านั้น”

บดีศวรพยักหน้า กล่าว “คุณชายฮารุฮิ กันตะวางใจได้ ผมจะจัดการแทนคุณเอง”

พูดจบ เขาก็เดินไปที่รพีพงษ์

เมื่อเห็นหน้าของรพีพงษ์ ปฏิกิริยาของรพีพงษ์ ก็เปลี่ยนไปเหมือนกับศิษย์ของตระกูลวัชรชัยพวกนั้น

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน