พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่844 ร้อยล้านดอลล่าร์

บทที่844 ร้อยล้านดอลล่าร์

บทที่844 ร้อยล้านดอลล่าร์

“ว้าว ดาบนี้สวยจัง แค่ดูแบบนี้ ก็รู็สึกมีพลังอำนาจเหลือล้น ไม่แปลกที่เป็นดาบที่มีชื่อที่สุดของประเทศญี่ปุ่น” อุเอสึงิ ฮาระจ้องไปที่ดาบในกล่องแล้วอุทานขึ้นมา

รพีพงษ์ก็ได้เห็นตอนที่พนักงานนำดาบขึ้นมา แว็บเดียวก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมา แล้วนั่งหลังตรงขึ้นมา จ้องไปที่ดาบกล่องอย่างละเอียด

ดูจากภายนอก รพีพงษ์ก็รับรู้ได้ถึงความคมของมัน สำหรับมีดาบที่ดี คนจีนจะเปรียบกับการเรียกนี้คือตัดเหล็กเหมือนโคลน มุรามาสะนี่แหละทำให้คนมีความรู้สึกแบบนี้

รพีพงษ์รับรู้ได้ ถ้าตนเองมีดาบนี้ไว้ในครอบครอง จะทำให้การระเบิดพลังของพลังวิเศษเสน เพิ่มขึ้นอย่างมาก

ดูๆไปครั้งนี้ถูกแล้วที่มา

ฮารุฮิ กันตะที่อยู่ข้างๆเห็นความสนใจของรพีพงษ์ทั้งสามคนอยู่กับดาบเล่มนี้ ก็เดาออกว่าคืนนี้ที่มาเป็นเพราะดาบเล่มนี้

เขาหันไปยิ้มต่อรพีพงษ์ กล่าว “ไง ชอบดาบนี้หรอ? ตกลงกับฉันก่อน แล้วฉันจะประมูลดาบนี้ให้แก ไง?”

รพีพงษ์ยิ้มกแล้วกล่าว “ไม่จำเป็น ฉันซื้อเอง”

ฮารุฮิ กันตะเหยียดหยาม กล่าว “ดาบนี้ชื่อมุรามาสะ เป็นดาบที่ดีที่สุดของประเทศญี่ปุ่น แกรู้มั้ยว่าดาบนี้ราคาเริ่มต้นที่เท่าไหร่ ที่กล้าพูดว่าจะซื้อเองหนะ”

รพีพงษ์ยักไหล่ ไม่สนใจเขา

หลังจากที่มุรามาสะได้ถูกลากขึ้นมา พิธีกรก็แนะนำที่มา ข่าวลือ และสุดท้ายคือการผลิต ความพิเศษและรายละเอียดของมุรามาสะอย่างยินดีปรีดา ล้วนทำให้คนตะลึง แปลกประหลาดใจ

“โอเค เราจะไม่พูดมาก จากนี้ไปจะเป็นการประมูลของมุรามาสะ ราคาเริ่มต้นของดาบเล่มนี้คือสิบล้านดอลล่าร์ สหายที่ชอบสะสมดาบห้ามพลาดโอกาสนี้เด็ดขาด” พิธีกรยิ้มพลางกล่าว

ได้ยินราคาประมูลเริ่มต้น คนจำนวนไม่น้อยเริ่มถอนหายใจออกมา สิบล้านดอลล่าร์ เปลี่ยนเป็นเงินหยวน ก็เกือบเจ็ดสิบล้านแล้วถ้าแลกเป็นเงินเยน พันล้านเยนยิ่งน่าตกใจยิ่งกว่า

แม้ในงานส่วนใหญ่จะเป็นเศรษฐี มีงานนี้ได้ น้อยสุดก็มีสิบล้านดอลล่าร์ แต่นี่เป็นราคาเริ่มประมูลของมุรามาสะ สุดท้ายดาบนี้จะประมูลได้ในราคาเท่าไหร่ ยังไม่รู้ แต่ลองคิดๆดูก็พอจะรู้ ว่าราคาจะต้องทำให้คนจำนวนไม่น้อยล้มละลายแน่นอน

แต่ในงานก็มีคนจำนวนมากที่มีทรัพย์สินเกินกว่าจำนวนนี้ ดังนั้นจึงทำให้คนอยากลองประมูลดู

หลังจากที่พิธีกรบอกราคาเริ่มต้นประมูลแล้วนั้น ฮารุฮิ กันตะได้มองไปที่รพีพงษ์ พบว่ารพีพงษ์สงบนิ่ง ราวกับไม่สะทกสะท้านต่อราคาแต่อย่างใด ก็ยิ้มอย่างไม่พอใจออกมา

“ไม่คิดว่าแกจะเสแสร้งได้เก่งขนาดนี้ แต่นี่ก็แค่เริ่มต้น เดี๋ยวเริ่มแข่งประมูล จึงจะเริ่มมีสีสันขึ้นมา ดูสิว่าถึงเวลานั้นแล้วแกจะยังเสแสร้งได้อีกมั้ย” ฮารุฮิ กันตะดูแคลน

จากการชักจูงของพิธีกร ในงานเริ่มมีคนเสนอราคา อยากจะได้ดาบมารที่มีชื่อเสียงนี้

ไม่ถึงห้านาที ราคาของดาบนี้ไปถึงสามสิบล้านดอลล่าร์

ผู้คนที่อยากลองประมูลดูในตอนแรกนั้นตอนนี้เริ่มวางมือ ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่อยากได้มีด แต่ราคานี้มันน่าตะลึงเกินไป พวกเขารับไม่ได้

ฮารุฮิ กันตะหันมองรพีพงษ์ ยิ้มพลางกล่าว “แกอยากได้ดาบนี้ไม่ใช่หรอ? ทำไมไม่เสนอราคาล่ะ? หรือจะบอกว่า ราคานี้ แกรับไม่ได้?”

พูดจบ ฮารุฮิ กันตะก็ยกป้ายในมือขึ้น ตะโกน “สามสิบห้าล้าน!”

ผู้คนในงานส่งเสียงโหวกเหวก ทุกสายตาจับจ้องไปที่ฮารุฮิ กันตะ ด้วยความอิจฉา

“ไม่แปลกที่เป็นคุณชายของตระกูลฮารุฮิ ทีหนึ่งก็เพิ่มห้าล้านดอลล่าร์ ความกล้านี่ ไม่ใช่ใครจะมีนะ”

“ในเมื่อคุณชายฮารุฮิ กันตะเริ่มเสนอราคา งั้นวันนี้พวกเราไม่น่าจะมีความหวังแล้วล่ะ ในงานจะมีใครชนะเขาได้อีกล่ะ”

“แค่ราคาของดาบเล่มเดียวแทบจะเท่าราคาหุ้นในตลาดหุ้นของบริษัทแล้ว เทียบกันไม่ได้จริงๆ ไม่แปลกที่ตระกูลฮารุฮิเป็นตระกูลชั้นนำของโลก ผลาญเงินเหมือนผลาญดินแบบนี้ ช่างน่าอิจฉาจริงๆ”

……

รพีพงษ์ได้ยินคำพูดของฮารุฮิ กันตะแล้วก็บึนปาก ที่เขาไม่เสนอราคาในตอนแรกนั้น เพราะรู้ว่าตอนนี้ถ้าแข่งราคาก็มีแต่เสียเวลาเปล่า เขาเพียงรอให้ถึงราคาที่สูงที่สุดแล้วค่อยเสนอราคา เท่านี้ก็ไม่มีใครแข่งกับเขาแล้ว

ตอนนี้เห็นฮารุฮิ กันตะเริ่มเสนอราคา รพีพงษ์ก็ไม่รีรอ

เขายกป้ายในมือขของตัวเองขึ้น แล้วกล่าว “ห้าสิบล้าน!”

ทุกคนในงานตะลึงอีกครั้ง แต่ระดับการตะลึงในครั้งนี้ มากกว่าเมื่อกี๊หลายเท่าตัว ถ้าพูดว่าฮารุฮิ กันตะแว็บเดียวก็เพิ่มราคาเป็นห้าล้านแล้วถือว่ากล้าแล้ว งั้นรพีพงษ์ที่เพิ่มขึ้นไปสิบห้าล้านดอลล่าร์จะอธิบายยังไง?

ทุกคนมองรพีพงษ์อย่างคาดไม่ถึง คิดไม่ถึงว่าเวลานี้จะมีม้ามืดมา

“พระเจ้า บ้าไปแล้วหรือเนี่ย? อ้าปากก็ห้าสิบล้านดอลล่าร์ นี่มันไม่ให้โอกาสคนอื่นเลยนะเนี่ย!”

“ไอ้นั่นมันมาพร้อมกับคุณหนูของฮารุฮิไม่ใช่หรอ คนนี้พวกเราไม่เคยเห็นมาก่อน หรือเขาไม่ใช่จะพึ่งคุณหนูตระกูลฮารุฮิถีบตัวเองขึ้นไปหรอ ทำไมตอนนี้เริ่มแข่งกับคุณชายฮารุฮิ กันตะแล้วล่ะ? หรือพวกเราเดาผิดไป?”

“ดูๆไปที่มาของเด็กนี้ไม่ธรรมดาอย่างที่เราคิดไว้นะ ที่เขานั่งแถวแรกได้ น่าจะไม่ใช่พึ่งคุณหนูของตระกูลฮารุฮิและตระกูลอุเอสึงิสองตระกูลนี้แล้วล่ะ มิเช่นนั้นตอนนี้ไม่มีทางแข่งกับคุณชายตระกูลฮารุฮิหรอก แล้วอ้าปากก็บวกเพิ่มไปสิบห้าล้านดอลล่าร์ ชั่งน่ากลัวจริงๆ”

“น่ากลัวฉะมัด ไม่รู้ว่าเขากับคุณชายฮารุฮิ กันตะ สุดท้ายใครจะได้มีดนี้ไป จากนิสัยของคุณชายฮารุฮิ กันตะ ไม่น่าจะยอมแพ้ง่ายๆ”

……

ตอนนี้ฮารุฮิ กันตะก็มองรพีพงษ์อย่างไม่คาดคิด ตอนแรกเขาคิดว่าที่รพีพงษ์ไม่เสนอราคา เพราะว่าราคาสูงเกินไป เขาจึงไม่กล้าเอ่ยปาก

แต่นี่รพีพงษ์เอ่ยปากก็ทำให้เขาตกใจเป็นอย่างมาก ทำเอาเขาอึ้งไปตามๆกัน

แต่ไม่นาน ฮารุฮิ กันตะก็นิ่งลง ในเมื่อเด็กนี่จะแข่งกับตน งั้นตนก็จะไม่เกรงใจอีก เรื่องเงิน เขาไม่เคยกลัวใครอยู่แล้ว

“หกสิบล้าน!” ฮารุฮิ กันตะตะโกน

จากนั้นเขาก็หลับตาไปมองรพีพงษ์ ดูแคลนแล้วกล่าวว่า “เด็กน้อย แกจะแข่งกับฉันไม่ใช่หรอ วันนี้พวกเรามาดูกัน ว่าใครจะหัวเราะที่หลังดังกว่า”

รพีพงษ์มองเขาอย่างเซ็ง ดาบเล่มนี้รพีพงษ์ต้องได้มันมา นี่จะทำให้เขาพัฒนาไปอีกขั้นได้ เทียบกับเงิน ดาบนี้มีค่าเกินกว่าจะประเมินราคาได้ ดังนั้นรพีพงษ์ไม่มีทางยอมคนอื่นแน่

ตอนนี้ฮารุฮิ กันตะจะแข่งกับรพีพงษ์ ก็มีแต่จะเสียเวลา

เขามองฮารุฮิ กันตะ แล้วกล่าว “หวังว่าต่อจากนี้ไปแกจะยังกล้าเสนอราคา”

พูดจบ รพีพงษ์ก็ยกป้ายในมือขึ้น แล้วตะโกน

“ร้อยล้านดอลล่าร์

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท