พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่848 กลายเป็นครอบครัวเดียวกัน

บทที่848 กลายเป็นครอบครัวเดียวกัน

บทที่848 กลายเป็นครอบครัวเดียวกัน

“แก……แกเป็นใครกันแน่? ทำไมมีพลังที่น่าเกรงขามได้ขนาดนี้?” ฮารุฮิ สินมองไปที่รพีพงษ์ด้วยความเฝ้าระวัง ขณะนี้ เขาต้องให้เกียรติรพีพงษ์แล้ว

รพีพงษ์เก็บมุรามาสะ แล้วกล่าวอย่างช้าๆว่า “ผมชื่อลลินดา มาจากประเทศจีน หรือคุณจะเรียกผมว่า……นายน้อยเทือกเขากิสนา”

นายน้อยเทือกเขากิสนาออกมาจากปากเขา ฮารุฮิ กันตะและคนของตระกูลฮารุฮิก็ตะลึง แม้ตอนนี้มีหลายตระกูลหรือหลายบริษัทที่ไม่ค่อยรู้จักเทือกเขากิสนา พวกเขาคิดว่าเทือกเขากิสนาก็แค่สวนสนุกหรูหราเท่านั้น

แต่ตระกูลฮารุฮิรู้ถึงความน่าเกรงขามของเทือกเขากิสนา ที่นี่มีคอนเน็คชั่นมาก มากพอที่จะล้างบางตระกูลชั้นนำอย่างพวกเขาได้

นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมตอนนั้นฝนสุดาถึงให้เกียรติเทือกเขากิสนา และต่อมาเรื่องการล้างบางของตระกูลวัชรากิจกุลก็ได้พิสูจน์ความจริงของเรื่องนี้

ตอนนั้นฮารุฮิ สินเน้นย้ำฝนสุดาและฮารุฮ กันตะ ไม่ว่าจะหาเรื่องใคร ก็อย่าไปหาเรื่องคนของเทือกเขากิสนา ถ้ามีโอกาส ก็ให้สร้างสัมพันธไมตรีกับคนของเทือกเขากิสนาเสียเลย

ฮารุฮิ สินมองว่า เทือกเขากิสนาน่ากลัวกว่าตระกูลอุเอสึงิเสียอีก

พวกเขาก็ได้ยินมาว่า ตระกูลนิธิวรสกุลที่เมื่อก่อนถูกล้างบาง ก็เป็นฝีมือของนายน้อยเทือกเขากิสนา

แม้ฝนสุดาและนายน้อยเทือกเขากิสนามีความสัมพันธ์แน่นแฟ้น แต่เพราะรู้ว่าไม่มีทางหลงเอยกับรพีพงษ์ได้ ดังนั้นฝนสุดาจึงไม่ได้บอกครอบครัวเรื่องนี้

ตอนนี้พวกเขาได้รู้แล้วว่าคนที่ลูกสาวของตนเฝ้ารำพึงรำพันทุกวันนั้น ก็คือนายน้อยเทือกเขากิสนา แล้วจะไม่ตกใจได้ไงกัน

ฮารุฮิ กันตะมองรพีพงษ์อย่างสับสน เพิ่งจะเข้าใจว่าทำไมรพีพงษ์ถึงได้ใช้เงินร้อยห้าสิบล้านดอลล่าร์ซื้อดาบเล่มนี้โดยที่ไม่เสียดายใดๆ

ที่แท้ไอ้นี่คือนายน้อยเทือกเขากิสนา!

ด้วยทรัพย์สินของเทือกเขากิสนา ร้อยห้าสิบล้าน ก็เป็นแค่เงินค่าขนมของรพีพงษ์เท่านั้น

ฮารุฮิ สินและทาจิมะ ฮิซาโกะมีความคิดมากมาย ฮารุฮิ สินนึกถึงความสามารถของเทือกเขากิสนาว่าน่าเกรงขามได้ถึงขึ้นทำให้คนคาดไม่ถึง นายน้องของพวกเขามีฝีมือเหมือนเทพญดาแบบนี้ ถ้าคนของเทือกเขากิสนามีฝีมือแบบนี้ ทั้งโลก ก็ไม่มีใครเป็นศัตรูของเทือกเขากิสนาอีกแล้ว?

ทาจิมะ ฮิซาโกะนึกถึงลูกสาวตัวเองที่ชอบผู้ชายจนๆคนหนึ่ง แต่ทว่ากลับมีตัวตนที่ใหญ่โตอย่างนายน้อยเทือกเขากิสนา เด็กนี่มันจริงๆ เรื่องแบบนี้ยังปกปิดพวกเขา ถ้าเธอบอกพวกเขาแต่แรกว่าชอบนายน้อยเทือกเขากิสนา พวกเขาจะบังคับให้เธอแต่งกับตระกูลอุเอสึงิได้ไงกัน แต่พูดจริงๆ นายน้อยเือกเขากิสนาดูๆไปเหมือนเทพจุติลงมา คู่ควรกับลูกสาวของเรา เป็นอย่างมาก

“ดังนั้นครั้งนี้ที่คุณมาประเทศญี่ปุ่น เพื่อขัดขวางงานแต่งของลูกสาวกับตระกูลอุเอสึงิ?” ทาจิมะ ฮิซาโกะถาม

รพีพงษืคิดแล้วคิดอีก เธอพูดไม่ผิด จึงได้พยักหน้า กล่าว “ถูกครับ”

ทาจิมะ ฮิซาโกะเห็นรพีพงษ์ยอมรับ ก็แสดงสายตาเหมือนได้เลือกลูกเขยไว้แล้ว แล้วกล่าว “ที่แท้ก็เป็นแบบนี้ ถ้าแบบนี้ ก็เป็นเรื่องเข้าใจผิด ฝนสุดานี่จริงๆเลย มีตัวตนแบบนี้ก็ไม่บอกพวกเรา ทำเอาพวกเราต้องทะเลาะกันตั้งนาน”

“พวกเราอย่ายืนอยู่เลย ในเมื่อกำลังจะเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว พวกเราก็นั่งคุยกันดีกว่านะ”

“ตัวตนของคุณยิ่งใหญ่ แล้วยังเหมือนเทพเซียนอีก ฝีมือยอดเยี่ยม เพื่อลูกสาว ก็พร้อมที่จะเป็นศัตรูกับตระกูลอุเอสึงิ แล้วยังมาที่ประเทศญี่ปุ่นเพื่อขัดขวางงานแต่ง พวกเราดูออกถึงความจริงใจของคุณที่มีต่อลูกสาวเรา ดังนั้นถ้าอยากอยู่กับลูกสาวของเรา แม้จะต้องผิดคำสัญญากับตระกูลอุเอสึงิ พวกเราก็สนับสนุนพวกเรา”

ทุกคนได้ยินคำพูดของทาจิมะ ฮิซาโกะ ก็อ้าปากค้าง ไม่คาดคิดว่าจากที่หยิ่งผยอง แค่คำพูดกี่คำของทาจิมะ ฮิซาโกะ ก็จะกลายเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว

ฮารุฮิ สินหรือสึกว่าทาจิมะ ฮิซาโกะพุดถูก เพราะถ้าสามารถแต่งวงานกับเทือกเขากิสนาได้ ตระกูลฮารุฮิก็ไม่ต้องกลัวตระกูลอุเอสึงิแล้ว รพีพงษ์ทั้งวัยรุ่นทั้งมีความสามารถ ดีกว่าตระกูลอุเอสึงิอย่างมาก

ฝนสุดาหน้าแดง ไม่คิดว่าทาจิมะ ฮิซาโกะจะเข้าใจผิดคิดว่าที่รพีพงษ์มาประเทศญี่ปุ่นก็เพราะมาขอแต่งงาน อยากจะมุดหัวลงดินให้ได้ในตอนนี้

รพีพงษ์ก็รู้สึกงงๆ แล้วนับถือการปะติดปะต่อเรื่องของทาจิมะ ฮิซาโกะอย่างมาก

“คุณเข้าใจผิดแล้ว ผมมาเพื่อขัดขวางงานแต่งลูกสาวคุณจริง แต่คนล่ะเหตุผลกับที่คุณคิดไว้ ผมจะช่วยเธอ เพราะเธอเคยช่วยชีวิตผมไว้ และตระกูลอุเอสึงิทำเรื่องร้ายๆไว้ ควรต้องกำจัด” รพีพงษ์อธิบาย

ทาจิมะ ฮิซาโกะและฮารุฮิ สินได้ยินแล้วนั้น ก็ตกใจ ไม่ว่าจะยังไง ลูกสาวเขาก็ชอบรพีพงษ์อย่างมาก แต่ถ้าตามที่รพีพงษ์พูดออกมานี้ เขาไม่ได้มาเพื่อฝนสุดา แต่มาเพื่อทดแทนพระคุณก็เท่านั้น

หลังจากที่ฝนสุดาได้ฟังรพีพงษ์อธิบายแล้วนั้น ก็สิ้นหวัง แม้เธอรู้ดีถึงนิสัยของรพีพงษ์ ไม่มีทางยอมรับกับความรู้สึกของเธอที่มีต่อเขาได้ เธอรู้สึกเศร้าโศก

ในใจของเขา ไม่มีตัวเองอยู่เลยแม้แต่ครึ่งเดียว

“ดูคุณพูดเข้าสิ สุดาของเราก็ไม่แย่นะ ถ้าคุณชอบเธอ พวกเราไม่ขัดขวาง” ทาจิมะ ฮิซาโกะไม่อยากพลาดโอกาสดองกับเทือกเขากิสนา

“ขอโทษครับ ผมแต่งงานแล้ว มีลูกสาวแล้วด้วย ดังนั้นจะไม่มีทางชอบใครได้ีอก ขอคุณอย่าพูดถึงเรื่องนี้อีกเลย” รพีพงษ์กล่าว

ทาจิมะ ฮิซาโกะอับอาย ไม่คิดว่าเขาจะมีปฏิกิริยาโต้ตอบแบบนี้

ฮารุฮิ สินเห็นบรรยากาศอึดอัด จึงรีบเปลี่ยนหัวเรื่อง แล้วถาม “ที่คุณพูดว่าตระกูลอุเอสึงิทำเรื่องไม่ดีไว้ คือมีปัญหากับตระกูลอุเอสึงิ หรือมีเหตุผลอื่น”

รพีพงษืไม่ลังเลที่จะเล่าเรื่องความชั่วร้ายของตระกูลอุเอสึงิให้ฟังในทันที จากนั้นก็ได้พูดเหตุผลที่ตระกูลอุเอสึงิต้องการฝนสุดาเพื่อะไร

พูดจบ เขาก็ให้อุเอสึงิ ฮารุผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์เป็นพยานพิสูจน์ว่าเรื่องที่เขาพูดมานั้นคือความจริง

เมื่อคนของตระกูลฮารุฮิฟังจบ ก็ตะลึง ไม่คิดว่าเบื้องหลังของตระกูลอุเอสึงิจะเป็นแบบนี้

แต่เรื่องที่นายใหญ่ของตระกูลอุเอสึงิกำลังฝึกฝนวิธีพัฒนาความสามารถนั้นฮารุฮิ สินรู้อยู่แล้ว แต่พิธีของตระกูลอุเอสึงินี้ เขาไม่คิดว่ามันจะเลวร้ายได้ขนาดนั้น

เขาหันไปมองฝนสุดา ด้วยความรู้สึกผิด เขาไม่คิดว่าการที่เขาทำเพื่ออนาคตของตระกูลฮารุฮินั้น เหมือนกับกำลังส่งฝนสุดาลงกองไฟอย่างไรอย่างนั้น

ทาจิมะ ฮิซาโกะก็โทษตัวเอง ทั้งคู่เดินไปที่ฝนสุดา แล้วขอโทษเธอ

ฝนสุดาไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยใดๆ เพราะยังไงก็เป็นพ่อแม่ของตน บวกกับเรื่องแต่งงานเป็นสถานการณ์บังคับ แม้เธอจะโทษทั้งสอง ก็ไม่มีความหมายใดๆ

“หนูยกโทษให้ แต่อนาคตถ้าแบ่งสมบัติ หนูขอครึ่งนึง ไม่งั้นฮารุฮิ กันตะรังแกหนู หนูจะไม่ทนแบบนี้อีกแล้ว” ฝนสุดาเกรี้ยวกราด

กำลังคิดว่าจะขอโทษรพีพงษ์อย่างไร ฮารุฮิ กันตะที่กำลังจะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเขาได้ยินคำพูดนี้ของฝนสุดา ก็งงขึ้นมา

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท