พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่849 ท้องลูกของเขา

บทที่849 ท้องลูกของเขา

บทที่849 ท้องลูกของเขา

หลังจากที่อธิบายเหตุการณ์ให้ฮารุฮิ สินและภรรยาทั้งสองเข้าใจแล้วนั้น รพีพงษ์ก็บอกว่าปัญหาของตระกูลอุเอสึงิ เขาจะจัดการเอง เพียงแต่ต้องการความร่วมมือจากตระกูลฮารุฮิ ห้ามให้คนของตระกูลอุเอสึงิรู้สึกไม่ชอบมาพากลเป็นอันขาด ไม่งั้นจะแหวกหญ้าให้งูตื่น

ฮารุฮิ สินเป็นคนที่เข้าใจเหตุการณ์ดี รู้ว่าควรเลือกทางไหนที่ดีที่สุดต่อตระกูลฮารุฮิ ดังนั้นจึงได้ตอบรับข้อตกลงของรพีพงษ์

แล้วเขาก็เข้าใจดี เขาทำได้เพียงตอบรับข้อตกลงนี้เท่านั้น ถ้าเขาไม่ตอบรับ เกรงว่ารพีพงษ์จะใช้ดาบในมือฆ่าเขาซะ

หลังจากที่ตกลงทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว ทาจิมะ ฮิซาโกะเชิญรพีพงษืและอุเอสึงิ ฮารุพักที่คฤหาสน์อย่างยินดีปรีดา บอกว่าเพื่อไม่ให้คนของตระกูลอุเอสึงิรู้ ว่าไม่เต็มใจ รู้สึกว่าตนเองกำลังทำเพื่อลูกสาว เพราะนี่เป็นเรื่องตลอดชีวิต ไม่ใช่ว่าอีกฝ่ายแต่งงาน แล้วจึงยอมแพ้แบบนี้

ตระกูลใหญ่อย่างพวกเขา ในการแต่งงาน ต้องหาให้เหมาะสมกัน ผู้ชายหนึ่งคน มีภรรยาได้ถึงสามสี่คน

เพราะเป็นตระกูลชั้นนำ จะมีทายาทแค่คนเดียวไม่ได้ ถ้าเกิดอะไรขึ้น ต้องมีคนที่เหมาะสมเป็นตัวเลือก

นายใหญ่ของตระกูลใหญ่มีเมียสามถึงสี่คน ความจริงก็เพื่อจะได้มีลูกเยอะๆ มีคนรุ่นหลังไว้เยอะๆ เพื่อจัดการกับตระกูล

แต่รพีพงษ์ในฐานะที่เป็นนายน้อยเทือกเขากิสนา แม้จะแต่งงานแล้ว แต่ก็มีนางบำเรอได้ ทาจิมะ ฮิซาโกะคิดว่าด้วยความสามารถของเทือกเขากิสนา แม้ลูกสาวของพวกเขาจะเป็นนางบำเรอ ก็ได้ใช้ชีวิตที่คนหลายคนต้องการอย่างแน่นอน

รพีพงษ์ไม่รู้ว่าทาจิมะ ฮิซาโกะยังมีความคิดนี้ เขารู้เพียงแค่อยู่โรงแรมค่อนข้างลำบาก ยังไงตอนนี้ก็เป็นพันธมิตรกับตระกูลฮารุฮิแล้ว อยู่ที่นี่สะดวกกว่า

ห่างจากงานแต่งของตระกูลอุเอสึงิไม่กี่วัน รพีพงษ์วางแผนว่าช่วงนี้ จะพัฒนาสามท่าของตัวเอง ได้แก่ ฝ่ามือดาวฟ้า เชิญพระจันทร์ และฝ่ามือธันเดอร์ ให้ทั้งสามนี้ใช้คู่กับดาบได้ แบบนี้ตอนต่อสู้ พลังของรพีพงษ์ จะต้องมีมากจนทำให้คนตกใจแน่นอน

ในวงการบู๊ แม้วิชาหมัดและวิชาดาบจะไม่สัมพันธ์กัน แต่พื้นฐาน พวกมันก็เหมือนกัน เพียงแค่การแสดงพลังเปลี่ยนไปเท่านั้น

ตอนนั้นที่อาจารย์อยู่ที่ตระกูลลัดดาวัลย์ ได้พูดกับรพีพงษ์เรื่องนี้ ด้วยความฉลาดของรพีพงษ์ อยากผนวกวิชาหมัดเข้ากับวิชาดาบ ไม่ได้เป็นเรื่องยากอะไร

ในโลกนี้ ทาจิมะ ฮิซาโกะเรียนฝนสุดาเข้าไปในห้อง

“แม่ เรียกหนูมีอะไร?” ฝนสุดาจ้องทาจิมะ ฮิซาโกะแล้วถาม

ทาจิมะ ฮิซาโกะยิ้มกับฝนสุดา แล้วถาม “ลูกสาว หนูพูดกับแม่จริงๆ หนูชอบรพีพงษ์ อย่างมากเลยใช่มั้ย?”

ฝนสุดาได้ยินคำถามนี้ของทาจิมะ ฮิซาโกะ ก็สิ้นหวัง แล้วกล่าว “แม้จะชอบแล้วไง ไอ้นั่นมันท่อนไม้ เขามีเมียแล้ว ก็ไม่มีทางชอบใครได้อีก แม้หนูจะชอบเขามาก เขาก็ไม่มีทางสนใจหนูหรอก”

ทาจิมะ ฮิซาโกะได้ยินคำพูดนี้ของฝนสุดา ก็ลูบหัวแล้วปลอบโยนว่า “เด็กโง่ บนโลกนี้ ไม่มีชายที่รักเดียวใจเดียวหรอกนะ พวกเขาเกิดมาพร้อมกับความเจ้าชู้ ถ้าชายคนไหนพูดว่าตัวเองรักเดียวใจเดียว ก็มีความเป็นไปได้สองอย่าง หนึ่งเขายังไม่เจอใครที่ดึงดูดได้จริงๆ อีกหนึ่ง คือผู้หญิงที่เขาชอบนั้นยังไม่ทำเพื่อเขาทั้งหมด”

ฝนสุดาได้ยินคำพูดของทาจิมะ ฮิซาโกะ ก็ส่ายหัว กล่าว “ที่แม่พูดแบบนี้ ก็เพราะแม่ไม่เข้าใจรพีพงษ์ เขาเป็นผู้ชายที่ใจเดียวที่สุดเท่าที่หนูเคยเจอมา แม้นี่จะเป็นเรื่องที่ผู้หยิงทุกคนต้องการ แต่ผู้หญิงที่เขารัก ไม่ใช่หนู”

“ดังนั้น ประสบการณ์ของลูกยังไม่มากพอ แค่ระดับนี้ ก็ยอมแพ้แล้ว” ทาจิมะ ฮิซาโกะกล่าว

“แม้ตอนนี้เขาจะไม่มีลูกอยู่ในสายตา แต่ไม่ได้หมายความว่าอนาคตจะไม่มีหนิ อยู่นานๆก็มีความรู้สึก เพียงแค่ลูกกับเขาอยู่ด้วยกันนานๆ ก็จะมีความสัมพันธ์เกิดขึ้น ดังนั้นสิ่งที่ลูกต้องทำในตอนนี้ ก็คือคิดหาวิธีที่จะเก็บเขาไว้ข้างกาย มีเพียงแค่นี้ พวกเธอถึงจะพัฒนาไปอีกขั้นได้” ทาจิมะ ฮิซาโกะพูดต่อ

ฝนสุดามองทาจิมะ ฮิซาโกะ แล้วถาม “แม่หมายความว่าไง?”

“ที่แม่ให้รพีพงษ์อยู่ที่นี่ ก็เพราะให้พวกเธอได้มีโอกาส แม้หนูกับเขาจะไม่มีความรู้สึกต่อกัน แต่เพียงแค่มีอะไรกันนี่ก็เป็นความรับผิดชอบที่เขาหนีไม่ได้ตลอดชีวิต” ทาจิมะ ฮิซาโกะกล่าว

“แต่ หนูได้ลองทำมันมาหลายครั้งแล้ว ไม่สำเร็จสักครั้ง” ฝนสุดากล่าว

“นั่นเพราะแม่ไม่ได้ช่วย วันนี้เขาอยู่บ้านเรา แล้วยังมีแม่คอยช่วยอีก ลูกอยากได้เขา ก็ง่ายนิดเดียว” ทาจิมะ ฮิซาโกะยิ้มออกมา “และลูกรู้ว่าวิธีที่จะจับผู้ชาย ที่ดีที่สุดคืออะไรมั้ย?”

“อะไร?” ฝนสุดาถาม

“ท้องลูกเขา” ทาจิมะ ฮิซาโกะตอบ

พูดพลาง เธอหยิบยาออกมาจากชุดของเธอ วางไว้ตรงหน้าของฝนสุดา กล่าว “นี่เป็นยาที่แม่ได้มาจากหมอที่เก่งที่สุดของประเทศญี่ปุ่น หนูเพียงแค่ก่อนทำอะไรกัน ดื่มยานี้ เปอร์เซ็นต์ที่จะตั้งครรภ์มีมากถึงหกเท่า เพียงแค่ตั้งครรภ์ลูกของเขา ไม่ว่าจะยังไง เขาก็ไม่มีทางไม่สนหนู”

หลังจากที่ฝนสุดได้ยินคำพูดของทาจิมะ ฮิซากิ ก็ตาโต ไม่คิดว่าแม่ของเขาจะคิดวิธีนี้ออก ความคิดแบบนี้ เธอไม่เคยทำมาก่อนจริงๆ

“แต่……แต่ว่า นี่มันเล่ห์กลไปหน่อยมั้ย?” ฝนสุดาถาม

“เด็กโง่ ในเมื่อลูกชอบเขามากขนาดนี้ เพื่อจะให้ได้เขามาใช้วิธีนี้แล้วยังไง ทำเพื่อความสุขของตัวเอง จะต้องลองทุกโอกาส” ทาจิมะ ฮิซาโกะกล่าว

ฝนสุดาเงียบสงบ จ้องไปที่ยาที่ทาจิมะ ฮิซาโกะวางไว้หน้าเธอ

พวกเธอทั้งสองไม่รู้ ตอนที่พวกเธอกำลังคุยอยู่นั้น รพีพงษ์ได้ยืนอยู่หน้าประตู ตอนแรกเขาจะไปที่สวนเพื่อลองวิชาดาบของเขา แต่ได้ยินแม่ลูกกำลังคุยเรื่องเขาอยู่

บังเอิญไม่บังเอิญที่ทาจิมะ ฮิซาโกะปิดประตูไม่สนิท รพีพงษ์ได้ยินบทสนทนาของพวกเธอทั้งสองแล้ว

เมื่อฟังคำพูดของทาจิมะ ฮิซาโกะจบ รพีพงษ์ก็ไตร่ตรอง

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท