พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่845 เงินมากกว่านี้ฉันก็มี

บทที่845 เงินมากกว่านี้ฉันก็มี

บทที่845 เงินมากกว่านี้ฉันก็มี

ทั้งงานเงียบสงบลง

ทุกคนสงสัยว่าหูของตัวเองฝาดไป ล้วนไม่กล้าเชื่อว่าตัวเลขที่ได้ยินเมื่อกี้นั้นเป็นความจริงหรือไม่

พิธีกรบนเวทีก็ตะลึงกับตัวเลขที่รพีพงษ์ตะโกนออกมา ผ่านไปสักพัก ก็ไม่มีใครกล้าให้ราคาสูงกว่ารพีพงษ์แล้ว

“ร้อย……ร้อยล้านดอลล่าร์ คุณผู้ชายท่านนี้ให้ร้อยล้านดอลล่าร์ มีใครให้ราคาสูงกว่านี้มั้ย?” หลังจากที่มีสติ พิธีกรสูดหายใจเข้าลึกๆ ตะโกนออกมาอย่างสั่นคลือ

ราคาหนึ่งร้อยล้านดอลล่าร์ ได้มากเกินกว่าราคาดาบที่พวกเขาประมาณไว้ในการประมูลแล้ว ราคานี้ สูงเกินไปแล้ว

“ร้อยล้านดอลล่าร์ เขาไม่ได้เล่นตลกกับฉันใช่มั้ย ใช้เงินมากขนาดนี้ซื้อดาบ คุ้มกันหรอ?”

“ทำไมฉันรู้สึกว่าคนนี้มาเพื่อถกเถียงกับคุณชายฮารุฮิ กันตะกันนะ? เขาให้ราคาสูงขนาดนี้ ไม่ได้ตั้งใจงั้นหรอ?”

“พวกคุณว่าคนนี้ไม่ต้องการดาบจริงๆหรอก แต่แค่ต้องการให้ราคามากกว่าคุณชายฮารุฮิ กันตะมั้ย?”

“ถ้าเพราะอยากให้ราคาสูงกว่าก็ไม่เห็นต้องเล่นกันแบบนี้เลยหนิ นี่ถือจบในมือของเขา ก็เสียเปรียบแย่ดิ”

……

ฮารุฮิ กันตะมองรพีพงษ์อย่างคาดไม่ถึง จากนั้นนัยน์ตาก็เต็มไปด้วยความโกรธ เขารู้สึกว่าเด็กนี่กำลังเล่นเกมส์กับเขาอยู่

“แกบ้าหรือเปล่า? รู้มั้ยร้อยล้านดอลล่าร์หมายความว่าไง?” ฮารุฮิ กันตะตะคอกใส่รพีพงษ์

รพีพงษ์ยิ้มให้เขา กล่าว “ไง? ไม่กล้าแล้วหรอ?”

ฮารุฮิ กันตะแปลกใจ ด้วยทรัพย์สินของตระกูลฮารุฮิ ร้อยล้านไม่มีค่าอะไร แต่ตอนนี้กิจการทั้งหมดของตระกูลฮารุฮิยังอยู่ในมือของฮารุฮิ สิน ในมือของฮารุฮิ กันตะมีทรัพย์สินเพียงหนึ่งในสิบของตระกูลฮารุฮิเท่านั้น

เขาเอาร้อยล้านออกมาได้ แต่ถ้าฮารุฮิ สินรู้ว่าเขาใช้เงินร้อยล้านดอลล่าร์เพื่อซื้อดาบที่ไร้ประโยชน์แบบนี้ล่ะก็ จะต้องตีขาเขาหักแน่นอน

แม้ตอนนี้ฮารุฮิ กันตะจะไม่ยอมแพ้รพีพงษ์ แต่เมื่อไตร่ตรองอย่างละเอียดแล้ว เขาก็ไม่กล้าบวกราคาเพิ่มไป ถ้ารพีพงษ์เพียงแค่อยากเพิ่มราคา แล้วถ้าเขาเสนอราคาต่ออีก ก็ต้องหลงกลรพีพงษ์แล้ว

“เหอะ อย่าคิดว่าฉันไม่รู็ว่าแกกำลังคิดอะไรอยู่ แกไม่ใช่ว่าอยากให้ฉันใช้เงินราคาสูงประมูลดาบเล่มนี้หรอกหรอ ฉันไม่หลงกลแกหรอกนะ ฉันไม่เอาดาบนี้แล้ว ให้แกแล้วกัน”

“แต่ฉันจะเตือนแกอย่างนะ การประมูลครั้งนี้มีกฎอยู่ถ้าเสนอราคามั่วๆ ถึงตอนนั้นไม่มีเงิน เค้าจะเอาชีวิตแกไปเป็นตัวประกันนะ”

ฮารุฮิ กันตะพูดกับรพีพงษ์ิย่างรุนแรง เขาคิดว่ารพีพงษ์เป็นพวกคุยโวโอ้อวด เขาไม่มีทางเอาเงินนี้ออกมาได้

รพีพงษ์ยักไหล่ กล่าว “ก็แค่ร้อยล้านดอลล่าร์ ฉันไม่ได้จนจนกระทั่งจ่ายเงินนี้ไม่ได้หรอกนะ”

ฮารุฮิ กันตะฟังคำพูดนี้ของรพีพงษ์รู้สึกว่าเขากำลังประชดประชันตัวเองอยู่ ก็เกรี้ยวกราดขึ้นมาทันใด แล้วยกป้ายในมือขึ้น ตะโกน “หนึ่งร้อย……หนึ่งล้าน!”

ในฐานะที่เป็นคุณชายของตระกูลฮารุฮิ เขาจะทนดูคนอื่นใช้สายตาแบบนี้เหยียดหยามตัวเองได้ไง ดังนั้นเพื่อเรียกเกียรติและศักดิ์ศรีคืนมา เขาต้องย่ำรพีพงษ์ให้ได้

แต่พอไตร่ตรองว่าดาบนี้อาจตกในมือของตัวเอง ฮารุฮิ กันตะจึงไม่กล้าเพิ่มมากเกิน

ทุกคนในงานส่งเสียง ปรบมือให้กับความกล้าของฮารุฮิ กันตะ เพิ่มราคาถึงร้อยล้านดอลล่าร์ แล้วเขายังกล้าประมูลต่อ ก็มีแค่ความกล้าของคุณชายตระกูลฮารุฮิเท่านั้น

“ไม่แปลกที่เป็นคุณชายตระกูลฮารุฮิ ร้อยกว่าล้านดอลลาร์ แค่ซื้อดาบ นี่เป็นเรื่องที่คนธรรมดาอย่างเราเข้าไม่ถึงนะ” ทุกคนนับถือ

ฮารุฮิ กันตะกำลังฟังผู้คนรอบๆถกเถียงกันก็หน้าบูดบึ้งขึ้นมา มีเพียงเขาที่เข้าใจ ว่าการที่เขาให้ราคาไปนั้น เพราะไม่อยากแพ้รพีพงษ์ ถ้าให้เขาใช้เงินร้อยกว่าล้านแค่ซื้อดาบ เขาเจ็บใจมากเลยเกิน

รพีพงษ์เห็นฮารุฮิ กันตะเพิ่มราคาต่อ ก็นิ่งสงบ ไม่สะทกสะท้าน แล้วยกป้ายในมือตัวเองขึ้นอย่างช้าๆ กล่าว “หนึ่งร้อยห้าสิบล้าน”

ฮารุฮิ กันตะได้ยินรพีพงษ์เสนอราคานี้ ก็รีบยื่นขึ้นทันที ยื่นมือชี้ไปที่รพีพงษ์ แล้วด่าอย่างรุนแรงว่า “โง่! มึงแม่งเล่นกับกูใช่มั้ย ดาบนี้กูไม่เอาแล้ว ก็ไม่เชื่อว่ามึงจะมีเงินร้อยห้าสิบล้านดอลล่าร์”

“คณะผู้จัด ผมสงสัยว่ามันมาก่อความวุ่นวาย ผมขอให้พวกคุณควบคุมตัวมันไว้ ไอ้นี่มันมาสร้างความวุ่นวายในงานประมูล!” ฮารุฮิ กันตะหันไปที่พิธีกร

ทุกคนในงานก็มึนงงกับเหตุการ์ที่เกิดขึ้น ร้อยล้านดอลล่าร์ได้มากเกินกว่าที่พวกเขาคิดไว้แล้ว ร้อยห้าสิบล้านจะทำเอาโรคหัวใจของพวกเขากำเริบแล้ว

คนพวกนี้เป็นผู้ที่ปรากฏตัวตามงานประมูลมากมาย คนที่โหดเหี้ยมอย่างรพีพงษ์ พวกเขาเพิ่งจะเคยเห็นครั้งแรก

ดังนั้นทุกคนล้วนคิดว่ารพีพงษ์กำลังสร้างความวุ่นวายอยู่ เพราะคนปกติทั่วไปจะเพิ่มราคามากขนาดนี้ได้ไงกัน

พิธีกรได้ยินคำพูดนี้ของฮารุฮิ กันตะก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเช่นกัน ขณะนี้ผู้ที่อยู่ด้านล่างเดินขึ้นมาบนเวที แล้วกระซิบข้างหูเขา พิธีกรรีบพยักหน้า สายตาที่มองรพีพงษ์ก็เปลี่ยนเป็นเคารพขึ้นมาทันใด

หลังจากที่คนนั้นลงไปแล้ว พิธีกรก็รีบถือไมค์ แล้วกล่าว “พวกเราได้ทำการเช็คแล้ว คุณผู้ชายท่านนี้สามารถจ่ายเงินก้อนนี้ได้ ดังนั้นที่คุณผู้ชายเสนอราคามานั้น ไม่ได้เป็นการสร้างความวุ่นวายแต่อย่างใด”

ในงานเสียงดังโหวกเหวก

ฮารุฮิ กันตะมองไปที่รพีพงษ์อย่างแปลกใจ พึมพำว่า “มึง……มึงมีร้อยสิบห้าล้านดอลล่าร์?”

“หรือแกจะเสนอราคาต่อก็ได้นะ มากกว่านี้ฉันก็มี” รพีพงษ์กล่าว

ฮารุฮิ กันตะกลืนน้ำลาย เมื่อกี้ที่เพิ่มไปหนึ่งล้านเป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบของเขา ตอนนี้ราคาไปถึงร้อยห้าสิบล้านแล้ว ไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่กล้าเสนอราคาต่อแล้ว

“ร้อยห้าสิบล้าน คุณผู้ชายท่านนี้ให้ราคาร้อยห้าสิบล้าน มีใครจะให้ราคาสูงกว่านี้มั้ยครับ?”

พิธีกรถามติดกันสามครั้ง จากนั้นก็หยิบค้อนในมือ ทุบติดกันสามครั้ง ราวกับกลัวรพีพงษ์เปรียบใจอย่างใดอย่างนั้น จึงรีบกำหนดเจ้าของของดาบมารมุรามาสะ

ทุกคนในงานมองรพีพงษ์ด้วยความนับถือ ในเวลาเดียวกันก็เริ่มสงสัยในตัวตนของรพีพงษ์

คนที่สามารถกดคุณชายตระกูลฮารุฮิได้ โดยใช้เงินร้อยห้าสิบล้านดอลล่าร์ซื้อดาบหนึ่งเล่ม ไม่มีทางเป็นคนธรรมดาแน่นอน อย่างน้อย ชายที่ใบหน้าสงบ จะต้องยิ่งใหญ่กว่าตระกูลฮารุฮิแน่นอน

ฮารุฮิ กันตะนั่งลงกับที่ด้วยสีหน้าแห่งความพ่ายแพ้ ยังไงเขาก็คาดไม่ถึง แรงกำลัง เขาเทียบกับรพีพงษ์ไม่ได้ เรื่องเงิน เขาก็ยังคงเทียบกับรพีพงษ์ไม่ได้อีก

นี่น่าจะเป็นการพ่ายแพ้ครั้งแรก ตั้งแต่เขามีชีวิตมา

ฝนสุดามองท่าทางพ่ายแพ้ของฮารุฮิ กันตะ ก็ดีใจขึ้นมา จากนั้นก็พูดทิ่มแทงเข้าไปอีกว่า “พี่ชาย อย่าผิดหวังไปเลย ความจริงถ้าเทียบกันจริงๆ นอกจากรพีพงษ์จะเก่งกว่าพี่ มีเงินมากกว่าพี่แล้ว แล้วเหมือนกับจะหล่อมากกว่าพี่อีกด้วยนะ”

พูดจบ เธอก็หัวเราะเยาะออกมา

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท