พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่872 ไม้เทพแดง

บทที่872 ไม้เทพแดง

บทที่872 ไม้เทพแดง

รพีพงษ์เพิ่งมองไปที่ก้านไม้นั้นสักพักหนึ่ง แน่ใจแล้วว่าก้านไม้กับไม้ที่อยู่ในมือของตัวเองนั้นเหมือนกัน สิ่งอย่างเดียวที่ต่างกันคือไม้ในมือของเขาใหญ่กว่าก้านไม้นี้อย่างมาก

ยังไงเขาก็ไม่คาดคิด ธัชธรรมมาเอาของที่นิรภัฏ จะเป็นสิ่งนี้ แล้วดูท่าทีของนิรภัฏและธัชธรรม เหมือนกับจะให้ความสำคัญของก้านไม้นี้มาก ตอนที่นิรภัฏหยิบไม้นี้ออกมาก็ระมัดระวังอย่างยิ่ง ราวกับกลัวว่าก้านไม้จะตกอย่างไรอย่างนั้น

เพราะยังไม่รู้ที่มาของก้านไม้นี้ รพีพงษ์ก็ไม่มีทางบอกพวกเขาว่าในมือตัวเองก็มีท่อนไม้ท่อนใหญ่ ก้านไม้นี้น่าจะมาจากต้นไม้ต้นเดียวกัน ดังนั้นจึงทำได้เพียงกดความตะลึงในใจของตัวเองไว้ เพื่อไม่ให้สองคนนี้เห็น

ด้วยความสามารถของพวกเขา แค่นิ้วเดียวก็จัดการรพีพงษ์ได้แล้ว ไม้ท่อนนี้มีค่าในสายตาของพวกเขา ถ้าพวกเขาลองมือแย่งไม้นั้นจากรพีพงษ์ รพีพงษ์ก็ทำอะไรเขาไม่ได้

“นี่คืออะไร?” รพีพงษ์เสแสร้งว่าไม่เคยเห็นมันมาก่อน มองไปที่ธัชธรรมแล้วถาม

ธัชธรรมไม่ปิดบัง แล้วอธิบายให้รพีพงษ์ฟัง

“ไม้นี้ชื่อไม้เทพแดง เป็นต้นไม้ที่มีอายุหมื่นกว่าปี ลือกันว่าต้นไม้เทพมีอายุยืนกว่าหมื่นปี บำเพ็ญจนสำเร็จ เป็นขั้นจิตวิญญาณขึ้นเป็นเซียน ต่อมาก็พ้นบาปขึ้นเป็นเซียน ไม้เทพแดงนี้คือต้นไม้เทพที่หลังจากเกิดภัยพิบัติแล้วยังมีอยู่”

“เพราะต้นไม้เทพมีจิตวิญญาณ แม้จะถุกฟ้าผ่า ก็ยังคงเป็นของล้ำค่าที่มีน้อยอยู่บนโลกอยู่ดี หลังจากที่คนรุ่นหลังได้ไม้นี้ไปแล้ว ก็ได้ตั้งชื่อว่าไม้เทพแดง แล้วยังเป็นของล้ำค่าที่คนเก็บสะสมอีกด้วย

ได้ยินคำพูดของธัชธรรม รพีพงษ์ก็อดไม่ได้ที่จะตาลุกวาว แล้วถาม “บนโลกนี้ มีต้นไม้ที่มีอายุยืนถึงหมื่นปีด้วยหรอ? แล้วยังโดนลงทัณฑ์จากสวรรค์ด้วย?”

ธัชธรรมหัวเราะฮ่าฮ่า กล่าว “เรื่องนี้ฉันไม่รู้ ที่ฉันพูดก็เป็นสิ่งที่เล่าต่อๆกันมา แล้วมีหลายภาคด้วย นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น จริงหรือไม่ ก็ใช้วิจารณญาณของตัวเองเอาแล้วกัน”

ได้ยินธัชธรรมพูดแบบนี้ รพีพงษ์ก็โล่งอก แม้ฝีมือของยอดฝีมือแดนดั่งเทพจะเหนือธรรมชาติแล้ว แต่รพีพงษ์ก็ไม่เชื่อเรื่องลงทัณฑ์จากสวรรค์ว่าจะมีอยู่จริงบนโลกใบนี้ เพราะเรื่องแบบนี้ แค่ได้ยิน ก็ทำให้คนคิดไม่ถึงแล้ว

ตำนานของไม้เทพแดงนี้ น่าจะเป็นเพราะมนุษย์อยากให้ไม้นี้ลึกลับน่าค้นหา จึงได้แต่งเติมเรื่องราวขึ้น

“แต่ผลลัพธ์ของไม้เทพแดงที่ได้เป็นเรื่องที่ยากจะจินตนาการได้ แค่หลักวิทยาศาสตร์ในตอนนี้ ก็อธิบายไม่ได้แล้ว” ธัชธรรมพูดอีก

รพีพงษ์เห็นด้วย ตอนนี้การก้าวหน้าของวิทยาศาสตร์ ก็ไม่มีทางอธิบายไม้เทพแดงได้ว่าทำไมถึงลี้ลับได้ขนาดนี้ อารียากินเข้าไปนิดเดียว ก็ไม่ได้รับผิดแต่อย่างใด หมอวิจัยมานาน ใช้เครื่องมือต่างๆนานๆ แต่ก็อธิบายไม่ได้ว่ามันเป็นอะไรกันนะ

“แล้วผลลัพธ์ไม้เทพแดงคืออะไร? เหมือนกับมันจำล้ำค่ามาก?” รพีพงษ์กลอกตา แล้วถาม

“ไม้เทพแดงนี้เป็นสิ่งล้ำค่าที่หาได้ยาก มีประสาท สมาธิ ผู้รักษา รักษาโรคโดยไม่ใช้ยา สำหรับคนธรรมดา ของแบบนี้ถือเป็นยาวิเศษแล้ว”ธัชธรรมกล่าว

แน่นอน ว่าไม้เทพแดงยังมีประโยชน์ที่วิเศษกว่านี้ แต่ธัชธรรมไม่บอกรพีพงษ์

รพีพงษ์ได้ยินคำพูดของธัชธรรม กับสิ่งที่เขาเข้าใจมาเกี่ยวกับไม้นั้นเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ดังนั้นจึงได้มั่นใจอย่างยิ่งว่าท่อนไม้ในมือของตนนั้น ก็คือไม้เทพแดงที่ธัชธรรมพูดไว้ทั้งหมด

แล้วเขามั่นใจว่าไม้เทพแดงมีประโยชน์อย่างมาก เพียงแค่ธัชธรรมไม่บอกตนก็เท่านั้น

“แล้วไม้นี้กินได้มั้ย?” รพีพงษ์ถาม

ธัชธรรมได้ยินคำถามนี้ของรพีพงษ์ ก็ชะงัก เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าไม้นี้กินได้หรือไม่

“ทำไมถึงถามแบบนี้? ดูจากภายนอก ก็น่าจะดูออกว่าของสิ่งน่ากินได้หรือเปล่า?” ธัชธรรมมองรพีพงษ์อย่างสงสัย

รพีพงษ์ยิ้ม แล้วอธิบาย “เมื่อกี้ที่คุณพูดมันเหมือนกับเป็นยาวิเศษ ผมเลยถามดู”

ธัชธรรมหัวเราะดังๆ แล้วกล่าว “ไม้เทพแดงนี้ไม่ใช่เอาไว้กิน ถ้าจะใช้ให้ได้ผม ต้องรมควัน แต่แกทำความเข้าใจพวกนี้ไปก็ไร้ประโยชน์ ไม้เทพแดงทั้งหมด ที่เหลือทั้งหมดก็น่าจะอยู่ที่เขาตรงนี้แหละ แม้ของสิ่งนี้จะดี แต่กลับไม่ให้แกใช้ ชีวิตนี้ น่าจะไม่มีโอกาสได้เจอกับของสิ่งนี้แล้วล่ะ”

รพีพงษ์ไม่พูดอะไร ในใจไม่เห็นด้วยกับธัชธรรมสักเท่าไหร่ เพราะที่เขายังมีไม้เทพแดงท่อนใหญ่อีกท่อน ถ้าเอาออกมาล่ะก็ น่าจะทำให้ธัชธรรมตะลึงได้

ขณะนี้นิรภัฏได้ถือใบมีดนั้นเอาไว้ แล้วขูดก้านไม้นั้นออกทีล่ะนิด ใส่เข้าไปในขวดหยก

รพีพงษ์เห็นนิรภัฏทำแบบนี้ ก็ได้คิดถึงคำพูดของธัชธรรมที่ว่าไม้เทพแดงต้องใช้การรมควันถึงจะออกฤทธิ์ ดังนั้นจึงตัดสินใจว่ารอให้ตัวเองมีโอกาสก่อนก็จะทำแบบนี้ ดูว่าจะได้ผลลัพธ์อย่างไร

คำพูดของธัชธรรมทำให้รพีพงษ์วางใจในเรื่องของอารียา ท่อนไม้นี้เป็นสิ่งล้ำค่าที่หาได้ยาก แม้จะใช้ผิดวิธี ก็ไม่น่าจะมีผลเสียอะไร อารียากินเข้าไปนิดนึง ถือว่าโชคดี

ไม่งั้นถ้าตอนนั้นเธอกินยาพิษในถุงดำนั้นเข้าไป ก็ยากที่จะช่วยชีวิตได้แล้ว

ผ่านไปไม่นาน นิรภัฏได้ขูดออกไปหนึ่งในสามของท่อนไม้แล้ว ทำเป็นขี้เลื่อยทั้งหมด ใส่ไว้ในขวดหยก

เขาเอาก้านไม้ที่เหลือใส่ไว้ในกล่องอย่างระมัดระวัง จากนั้น ก็ปิดฝาขวดหยก ยื่นให้กับธัชธรรม

“เอานี่ ครั้งนี้ฉันไม่เอาของแลกกับแกแล้ว นี่เป็นรางวัลที่ศิษย์แกชนะ แต่ครั้งหน้าแกจะไม่โชคดีขนาดนี้แล้ว ถ้าไม่มีของที่ล้ำค่าเท่ากัน แม้โลกจะแตก ฉันก็ไม่มีทางเอาไม้เทพแดงนี้ให้แก”นิรภัฏกล่าว

ธัชธรรมหัวเราะเสียงดัง รีบขวดหยกจากมือเขามา แล้วกล่าว “แน่นอน”

นิรภัฏหันไปมองรพีพงษ์ กล่าว “ไอ้หนุ่ม แกไม่จะไม่เป็นศิษย์ฉันจริงๆหรอ? แม้คอนเน็คชั่นของฉันมีไม่เท่ากลุ่มสิงโต แต่ของบางอย่างของฉัน เป็นสิ่งที่กลุ่มสิงโตอยากได้แต่ก็หาไม่ได้นะ ถ้าแกตกลงเป็นศิษย์ฉัน แกสามารถเลือกของอะไรจากตรงนี้ไปก็ได้ ว่าไง?”

รพีพงษ์โบกมือให้กับนิรภัฏ กล่าว “ผู้อาวุโสอย่าทำให้ผมลำบากใจเลย”

ถ้านิรภัฏมีหยกโยงจิต รพีพงษ์อาจคิดดูใหม่อีกครั้ง แต่เสียดายที่หยกโยงจิตอยู่ที่กลุ่มสิงโต

นิรภัฏถอนหายใจอย่างเซ็ง รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะงัดกับธัชธรรม

ตอนนี้รพีพงษ์นึกอะไรออกบางอย่าง มองไปที่นิรภัฏ แล้วถาม “ผู้อาวุโส มิทราบว่าท่านรับศิษย์ผู้หญิงหรือไม่?”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท