พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่859 หยกโยงจิตอยู่ในกำมือ

บทที่859 หยกโยงจิตอยู่ในกำมือ

บทที่859 หยกโยงจิตอยู่ในกำมือ

อุเอสุงิ ทาคิโนะเห็นว่าเงาดาบขนาดใหญ่ฟาดฟันเข้ามาหาตัวเองด้วยพลังอานุภาพแห่งการทำลายล้าง หนังตาก็กระตุก จากนั้นรีบโยนลูกเรืองแสงดำในฝ่ามือของตัวเองไปทางเงาดาบอย่างรวดเร็ว

เมื่อกลลวงตาทั้งสองปะทะกัน แสงพราวพร่างพราวกระจายออกมาในทันที ทำให้ผู้ที่เฝ้าดูการต่อสู้อยู่รอบๆหลับตาลงอย่างรวดเร็ว

ต่อจากนั้น ทุกคนก็ได้ยินเสียงดังมาก จากนั้นตามด้วยเสียงบ้านที่พังทลาย

กลุ่มควันลอยขึ้นจากพื้น ปกคลุมรพีพงษ์และอุเอสุงิ ทาคิโนะที่อยู่ที่บ้านหลังนั้นไว้

ในเวลานี้ทุกคนไม่กล้ามองไปที่นั่น แต่ตอนนี้บ้านถูกปกคลุมไปด้วยควันและฝุ่น พวกเขามองไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นที่นั่น

การปะทะกันระหว่างทั้งสองคนในเมื่อกี้นี้ทำให้พวกเขาตกใจมากเกินไป จนตอนนี้พวกเขาไม่สามารถตอบสนองคืนกลับมาได้

“นี่เป็นการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมมากที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นมาในชีวิต ไม่มีอะไรเทียบได้จริงๆ”

“แข็งแกร่งเกินไปแล้วจริงๆ ตกลงว่าพวกเขาทำได้อย่างไงกันแน่ แสงดาบที่น่าตกตะลึงนั้น น่ากลัวจริงๆ เพียงแค่เห็นก็ทำให้คนเกิดความกลัวได้”

“ตอนนี้ฉันเชื่อว่าในโลกนี้อาจจะมีเทพอสูรอยู่จริงๆ สิ่งที่เรียกว่าเทพอสูร เพียงแต่ความแข็งแกร่งบรรลุถึงยอดฝีมือที่พวกเราไม่สามารถจินตนาการได้ก็เท่านั้นเอง”

“ตอนนี้ฉันอยากรู้เพียงว่าพวกเขาสองคนใครจะเป็นผู้ชนะ ใครจะเป็นคนอาสาไปดูล่ะ?”

“คุณกำลังล้อเล่นอยู่เหรอ เข้าไปดูในเวลาแบบนี้ นั่นก็คือไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วจริงๆ”

……

ฝนสุดายืนอยู่ข้างหน้าสุดของกลุ่มคน มองดูควันที่ลอยอยู่ตรงนั้น ในใจก็เต็มไปด้วยความกังวล

ในเวลานี้อุเอสึงิ ฮารุก็เดินมาที่ข้างๆของหล่อน ก่อนหน้าเป็นเพราะกลัวว่าจะดึงดูดความสนใจของตระกูลอุเอสึงิ อุเอสึงิ ฮารุก็เลยไม่เคยปรากฏตัว แต่หลังจากได้ยินการเคลื่อนไหวของการต่อสู้ที่นี่ หล่อนก็รีบวิ่งมาอย่างรวดเร็ว

เมื่อเห็นการทำลายล้างที่เกิดจากการต่อสู้ระหว่างรพีพงษ์และอุเอสึงิ ฮารุ ในใจอุเอสึงิ ฮารุก็ตกใจ ในเวลาเดียวกันก็เป็นห่วงรพีพงษ์ขึ้นมา

หญิงสาวทั้งสองมองดูควันและฝุ่นที่นั่นอย่างกังวล แทบอยากจะพุ่งเข้าไปดูว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกับรพีพงษ์

“รพีพงษ์ นายต้องไม่เป็นอะไรนะ”

“คุณชาย คุณต้องไม่เป็นอะไรนะ”

แทบจะในเวลาเดียวกัน หญิงสาวทั้งสองตะโกนสิ่งที่ตัวเองคิดในใจออกมา วินาทีต่อมา พวกหล่อนทั้งคู่หันมาหน้ามาสบตากัน

ใบหน้าอุเอสึงิ ฮารุก็แสดงความเขินอายออกมา รีบก้มหน้าลง ไม่กล้าที่จะสบตากับฝนสุดาต่อไป

สิ่งที่ฝนสุดาคิดคาดเดาในใจของหล่อนไว้ไม่มีผิดว่า อุเอสึงิ ฮารุชอบรพีพงษ์จริงๆด้วย

แต่เมื่อคิดดูแล้ว รพีพงษ์ดีพร้อมขนาดนี้ มีผู้หญิงคนไหนบ้างที่ไม่ชอบ

ถึงอย่างไรก็ไม่ได้รพีพงษ์มาอยู่ดี จากนี้ไปหล่อนกลับยังมีเพื่อนที่ปรับทุกข์คนหนึ่ง

“ดูสิ มีคนเดินออกมาแล้ว!”

ผ่านไปไม่นาน เสียงอุทานก็ดังขึ้น และทุกคนก็มองไปที่บ้านทันที

เห็นเพียงร่างที่ค่อยๆเดินออกมาจากฝุ่นควัน หลังจากหายใจไม่กี่วินาที ร่างนั้นก็ประจักษ์แก่สายตาของทุกคน

“คือรพีพงษ์!”ฮารุฮิ กันตะตะโกน

ฝนสุดาและอุเอสึงิ ฮารุทั้งสองคนต่างก็ตัวสั่น หลังจากเห็นคนที่เดินออกมาอย่างชัดเจน หินที่ทับถมอยู่ในใจก็ร่วงหล่นลงมา

เห็นเพียงรพีพงษ์อยู่ในสภาพเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง มีรอยเลือดที่มุมปาก และบนใบหน้าเต็มไปด้วยฝุ่น ดูไปแล้วค่อนข้างลำบากใจ

เขาถือมุรามาสะที่เพิ่งแสดงพลังที่น่าทึ่งไว้ในมือข้างหนึ่ง และมืออีกข้างก็ลากร่างของอุเอสุงิ ทาคิโนะ พร้อมกับเดินไปตรงหน้าทุกคนทีละก้าว

เมื่อเทียบกับรพีพงษ์แล้ว สภาพของอุเอสุงิ ทาคิโนะในเวลานี้ถือได้ว่าน่าสังเวชกว่า

ทั้งใบหน้าของเขาปกคลุมเต็มไปด้วยเลือด ในตอนนั้นเพื่อที่จะต้านทานพลังดาบของรพีพงษ์ เขากัดฟันแน่น และใช้ความแข็งแกร่งจนถึงขีดจำกัด เส้นเลือดสีดำบนใบหน้าก็แตกออกมาทันที

และร่างกายของเขาก็กลายเป็นอ่อนตัวลง เห็นได้ชัดว่าการปะทะกันเมื่อกี้นี้ รพีพงษ์เป็นฝ่ายอยู่เหนือกว่า เอาชนะอุเอสุงิ ทาคิโนะได้อย่างขาดรอย

อุเอสุงิ ทาคิโนะไม่มีกระดูกที่สมบูรณ์บนร่างกายอีกต่อไป รวมทั้งเส้นเลือดบนใบหน้าก็แตกออก คนทั้งคนกำลังจะตาย เหลือเพียงแค่ลมหายใจเท่านั้น เพียงแค่รพีพงษ์โจมตีเขาอีกครั้ง เขาก็จะได้ไปเจอกับพญายม

ในไม่ช้า ควันและฝุ่นที่อยู่อีกด้านหนึ่งของบ้านก็จางหายไป ทุกคนก็เห็นว่าบ้านที่รพีพงษ์และอุเอสุงิ ทาคิโนะต่อสู้กันได้ถูกแยกออกจากกัน และมีช่องว่างขนาดใหญ่ปรากฏต่อหน้าทุกคน ซึ่งทำให้ทุกคนตกตะลึง

ทุกคนคาดไม่ถึงว่าพลังอันยิ่งใหญ่เมื่อกี้นี้ของรพีพงษ์ จะยิ่งใหญ่มากถึงขั้นนี้ ที่สามารถแยกบ้านออกได้ในทันที ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อจริงๆ

รพีพงษ์โยนอุเอสุงิ ทาคิโนะลงบนพื้น จากนั้นกวาดสายตามองไปที่ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ ผู้คนที่ถูกรพีพงษ์กวาดสายตามองไปต่างก็เกิดความหวาดกลัวต่อรพีพงษ์ มีคนไม่น้อยก็ลุกยืนตรงโดยไม่รู้ตัว

การต่อสู้ครั้งนี้สำหรับรพีพงษ์แล้ว ก็เป็นเรื่องที่ยากมาก ถ้าไม่มียาชั้นเลิศเม็ดนั้น ทำให้เขามีพละกำลังที่มั่นคง ท้ายที่สุดใครจะแพ้ใครจะชนะก็ยังไม่แน่ใจ

การปะทะกันเมื่อกี้นี้ทำให้เขาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสไม่น้อย แต่อาศัยฤทธิ์ยาของยาชั้นเลิศ สภาพของเขาก็ยังดีกว่าอุเอสุงิ ทาคิโนะมาก

เขายื่นมือไปหยิบขวดเล็กๆออกมาจากเสื้อผ้า เทยาหลายเม็ดจากด้านในออกมา แล้วใส่เข้าไปในปากของตัวเอง

ยานี้คือขอกับจิรภัทรตอนที่จะออกจากสำนักเทพยาเซียน หน้าที่หลักของมันคือคลี่คลายความรู้สึกของพลังส่วนที่เหลือจากฤทธิ์ยาของยาชั้นเลิศ

เขาไม่ต้องการให้ตัวเองทำผิดพลาดอะไรเพราะทานยาชั้นเลิศ ดังนั้นจึงขอยานี้กับจิรภัทรก่อนจากไป

หลังจากทานยานี้แล้ว รพีพงษ์ก้มหน้ามองไปที่อุเอสุงิ ทาคิโนะที่กำลังล้มนอนอยู่กับพื้น หยกโยงจิตแขวนอยู่บนหน้าอกของเขา รพีพงษ์ก้มลงไป ยื่นมือไปถอดหยกโยงจิตออกจากคอของเขา

หลังจากยืนยันอย่างรอบคอบแล้วว่าหยกชิ้นนี้กับชิ้นส่วนที่อาจารย์มอบให้เขานั้นไม่มีความแตกต่างกัน รพีพงษ์ใส่หยกชิ้นนั้นลงในเสื้อผ้าของตัวเอง จากนั้นก็ถอนหายใจยาวๆด้วยความโล่งอก

เป้าหมายที่มาประเทศญี่ปุ่นในครั้งนี้ ในที่สุดก็บรรลุผลสำเร็จ

“แกได้ทำความชั่วมากมาย ฝึกฝนวิธีทางไสยศาสตร์ และได้ทำความผิดครั้งใหญ่ ฉันไม่ได้ยิ่งใหญ่เหมือนนักบุญ แต่ก็มีศีลธรรมในใจของตัวเองเช่นกัน ในเมื่อแกพ่ายแพ้อยู่ในเงื้อมมือของฉัน ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องมีชีวิตให้อยู่ทำความชั่วบนโลกนี้อีกต่อไป”

รพีพงษ์จ้องมองไปที่อุเอสุงิ ทาคิโนะแล้วพูด จากนั้นเหยียบย่ำไปที่บนหน้าอกของเขา และหยุดลมหายใจเฮือกสุดท้ายของเขา

ผู้คนรอบข้างที่เห็นเหตุการณ์นี้ สีหน้าก็เคร่งขรึม คาดไม่ถึงนายใหญ่ของตระกูลอุเอสึงิที่น่าเกรงขามมากในประเทศญี่ปุ่น จะตายอยู่ตรงหน้าพวกเขาแบบนี้

บนต้นไม้ใหญ่ไม่ไกลออกไป คนคนหนึ่งสวมเสื้อคลุมสีขาว ผมสีขาวเคราสีขาว และชายชราที่มีความอมตะแบบเซียนกำลังยืนอยู่บนกิ่งไม้ มองไปที่รพีพงษ์ที่อยู่ไม่ไกล ด้วยรอยยิ้มที่อธิบายไม่ได้

“แดนครึ่งดั่งเทพ น่าสนใจ”

ชายชราพึมพำกับตัวเอง จากนั้นเคาะปลายเท้าเบาๆ กิ่งไม้ก็สั่นเล็กน้อย ร่างที่ยืนอยู่บนนั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย และไม่รู้ว่าไปทางไหน

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท