พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่876 ฟังคนอื่นพูดเรื่องตัวเอง

บทที่876 ฟังคนอื่นพูดเรื่องตัวเอง

บทที่876 ฟังคนอื่นพูดเรื่องตัวเอง

คนนั้นพารพีพงษ์มายังประตูอาคารหนึ่งที่ติดกับเขา ผ่านกระจกไป สามารถมองเห็นห้องโถงได้ มีสี่คนที่สวมเครื่องแต่งกายต่างกัน คนอายุไม่เท่ากันอยู่ด้านใน

“คุณเข้าไปเองล่ะกัน พวกเขาทั้งสี่ก็มารายงานตัวเช่นกัน เดี๋ยวจะมีคนพาคุณไปทดสอบ หลังจากที่ผ่านการทดสอบแล้ว ก็เข้าร่วมกลุ่มสิงโตได้อย่างเป็นทางการ” คนนั้นกล่าว

รพีพงษ์ชะงัก แล้วถาม “ยังต้องทดสอบอีกหรอ?”

“แน่นอน แม้พวกคุณจะได้รับป้ายแรกเข้าของกลุ่มสิงโต ก็พอจะบอกได้ถึงความสามารถของพวกคุณ แต่พวกเราไม่รู้ว่าคนที่รับพวกคุณมาจะมองผิดไปหรือเปล่า เมื่อก่อนเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นบ่อย ดังนั้นสำหรับคนที่มารายงานตัวต้องผ่านการทดสอบอีกครั้ง” คนนั้นตอบ

รพีพงษ์พยักหน้า

“ผมขอเตือนคุณไว้ก่อน คนที่ทดสอบพวกคุณวันนี้ คือคุณหงส์ผู้ยิ่งใหญ่ เธอขึ้นชื่อมากในเรื่องเหวี่ยง คุณอย่าหาเรื่องเธอนะ มิเช่นนั้นการทดสอบครั้งนี้ของคุณ ต้องรับผิดชอบเอง” คนนั้นกล่าว

รพีพงษ์ยิ้ม กล่าว “ขอบคุณที่เตือนครับ”

คนนั้นไม่พูดอะไรต่อ หันหลังแล้วจากไป รพีพงษ์ก็เดินเข้าไปในห้องโถง

คนนั้นที่พารพีพงษ์มาออกไปไม่ไกล ก็หยุดเดินลง หันหลังมองไปยังห้องโถง แล้วพึมพำ “ไม่ใช่สิ เด็กนั่นทำไมละอ่อนจัง ดูๆไปน่าจะแค่ยี่สิบกว่าปีนะ? วัยรุ่นขนาดนี้ฝีมือจะเก่งสักเท่าไหร่เชียว? ใครรับเขาเข้ามา ความจริงรุ่นใหญ่ที่รับสมาชิกใหม่นี้แม้จะดูผิด แต่ไม่น่าจะแค่นี้ก็ดูไม่ออกนะ?”

“หรือเป็นผู้มีพรสวรรค์?”

คิดไปคิดมา คนนั้นก็เดินต่อไป ยังไงเขาก็อยู่แค่ตรงด่าน รพีพงษ์จะได้ไม่ได้ ไม่เกี่ยวอะไรกับเขา

ณ ห้องโถง ทั้งสี่คนกำลังพูดคุยกันอยู่

อายุของทั้งสี่คนไม่น้อย เห็นคนอายุน้อยที่สุด ก็อายุสี่สิบกว่าปี แก่สุดก็ประมาณหกสิบกว่าปี

หลังจากที่รพีพงษ์เข้าไปในห้องโถงแล้ว รู้สึกได้ว่าสี่คนนี้เป็นแดนปรมาจารย์ แม้ออร่าความแกร่งอ่อนจะไม่สม่ำเสมอ แต่สี่คนนี้เป็นแดนปรมาจารย์จริงๆ

หนึ่งในสี่คนที่อายุยืนที่สุด รู้สึกว่าจะเป็นแดนปรมาจารย์ขั้นสูงสุด

ไม่แปลกที่กลุ่มสิงโตเป็นกลุ่มอันดับหนึ่งของประเทศจีน แค่รายงานตัววันนี้ ก็มีแดนปรมาจารย์เยอะขนาดนี้แล้ว ไม่รู้ว่าถ้าทุกคนของกลุ่มสิงโตรวมตัวกัน จะน่าเกรงขามมากมายขนาดไหน

เขาสังเกตเห็นสามคนในสี่คนนั้น ล้วนเคารพผู้อายุยืนนั้น

เมื่อรพีพงษ์เข้าไปยังห้องโถง ทั้งสี่คนก็มองมา เห็นรพีพงษ์อายุน้อย ก็รู้สึกประหลาดใจ

แต่พวกเขารู้สึกตัวอย่างเร็ว วัยรุ่นที่ปรากฏตัวต่อหน้าเขา อาจจะเป็นศิษย์ของกลุ่มสิงโตที่มีความสามารถน่าเกรงขาม แค่เห็นก็รู้แล้วว่าห้ามแตะต้องเป็นอันขาด การที่เป็นศิษย์ของกลุ่มสิงโตได้นั้น จะต้องมีพรสวรรค์ไม่น้อยเลยทีเดียว

ผู้อาวุโสคนนั้นยิ้มให้รพีพงษ์ กล่าว “น้องชาย ชื่อพรดรัล มาจากเกาะทองขาวตระกูลพิมลนัทชา เห็นท่าทีของน้องชาย น่าจะเป็นศิษย์ของผู้ยิ่งใหญ่ท่าใดท่านหนึ่ง มิทราบว่าน้องชายพอจะบอกได้มั้ย ว่าเดี๋ยวพวกเราต้องเจอกับการทดสอบอะไรบ้าง?”

รพีพงษ์จ้องไปที่พรดรัล ในหัวสะท้อนภาพพี่น้องตอนที่อยู่สำนักเทพยาเซียนมากมาย พวกเขาทั้งสองก็มาจากตระกูลพิมลนัทชาเกาะทองขาว ไม่รู้ว่าพรดรัลกับสองพี่น้องนั้นเป็นอะไรกัน

สามคนรอบๆนั้นก็มองรพีพงษ์ด้วยไมตรีจิต ดูออกชัดเจนว่ากำลังประจบประแจง

รพีพงษ์มองทุกคน แล้วกล่าว “ทุกท่านเข้าใจผิดแล้ว ผมก็มารายงานตัวเช่นเดียวกัน ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าเขาจะทดสอบอะไร?

พรดรัลและพวกพ้องได้ยินคำนี้ก็ชะงัก แล้วมองรพีพงษ์จากหัวจรดเท้า ไม่คาดคิดว่าเขามาที่นี่เพื่อรายงานตัว

แค่ดูจากอายุของรพีพงษ์ ก็ค่อนข้างวัยรุ่นอยู่

แต่ทุกคนก็ไม่ได้เมินเฉย เพราะการที่จะมารายงานตัวที่กลุ่มสิงโตได้นั้น ไม่มีใครที่ธรรมดา

“ที่แท้น้องชายก็มารายงานตัว โชคดีจัง น้องชายอายุน้อยขนาดนี้เข้าร่วมกลุ่มสิงโตได้ ต้องเป็นเพราะพรสวรรค์ล้วนๆ ได้มาเจอกันที่นี่ ถือว่าเป็นพรหมลิขิตของเราแท้ๆ” พรดรัลกล่าว แม้จะพูดแบบนี้ แต่ในใจเขากลับรู้สึกว่ารพีพงษ์พึ่งความสัมพันธ์เข้ากลุ่มสิงโตนี้ เพราะจากการที่เขาเป็นแดนปรมาจารย์ขั้นสุดยอด ดูไม่ออกถึงความโดดเด่นของรพีพงษ์ คิดว่าฝีมือต้องด้อยอย่างมากแน่นอน

พรดรัลอยู่ที่เกาะทองขาวอย่างเจริญรุ่งเรือง สำหรับปฏิสัมพันธ์ เข้ากันได้ทุกฝ่าย แม้ในใจจะคิดแบบนี้ แต่เขาก็ไม่แสดงอาการใดๆออกมา

รพีพงษ์เพียงแค่ยิ้มให้เขา ไม่พูดอะไรต่อ

พรดรัลเห็นรพีพงษ์ไม่อยากพูดคุยกับพวกเขา จึงทักทายตามมารยาท แล้วไม่สนใจรพีพงษ์แต่อย่างใด

สำหรับคนที่ใช้เส้นสายเข้ามา พวกเขาในฐานะนักบู๊ ก็ต้องเหยียดหยามเป็นธรรมดา นักบู๊ เคารพความสามารถ แม้จะมีเส้นสายแล้วสะดวก แต่ก็เป็นสิ่งที่ทำให้คนดูหมิ่นเช่นกัน

พรดรัลกำลังพูดคุยอยู่นั้น รพีพงษ์ก็ได้ฟังพวกเขาคุย จากคำพูดของพรดรัล รพีพงษ์ก็มั่นใจว่าผู้เฒ่าคนนี้เป็นพ่อของดรัลเพ็ญรดีสองพี่น้องที่เขาเจอที่สำนักเทพยาเซียน เพราะเรื่องที่พรดรัลพูดอยู่นั้น เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นที่สำนักเทพยาเซียน

“ตามที่ลูกชายฉันพูด ยอดฝีมือคนนั้นชื่อรพีพงษ์ สู้กับปรมาจารย์ของสำนักเทพยาเซียนโดยลำพัง สุดท้ายได้ ออกหมัดไป เป็นรอยใหญ่ จนทำให้เหล่าปรมาจารย์ของสำนักเทพยาเซียนพ่ายแพ้ไป ฝีมือแบบนี้ พวกเราคงคิดไม่ถึงอย่างแน่นอน”

“แล้วอายุของรพีพงษ์ก็ไม่ต่างจากลูกชายฉันมาก นี่สิพรสวรรค์โดยแท้จริง”

พรดรังพูดพลางตื่นเต้นพลาง ราวกับตัวเองอยู่ในเหตุการณ์อย่างไรอย่างนั้น

สอบคนที่อยู่รอบๆก็แปลกใจตามๆกัน คิดไม่ถึงว่าบนโลกนี้จะมีคนที่เก่งกาจแบบนี้อยู่ด้วย

รพีพงษ์อยู่ข้างๆฟังคนเหล่านี้พูดถึงตัวเอง ก็รู้สึกตลกขึ้นมา แต่ก็ไม่พูดอะไร แค่ยืนยิ้มอยู่ข้างๆก็เท่านั้น

พรดรัลเห็นรพีพงษ์กำลังตั้งใจฟังเรื่องที่เขาพูด แต่เมื่อฟังจบก็แสดงท่าทางเหยียดหยามออกมา นี่ทำให้พรดรัลยิ่งรู้สึกว่ารพีพงษ์ไม่รู้แล้วยังหยิ่งผยองอีก ถ้าไม่ใช่เพราะคิดว่าอีกฝั่งมีแบ็คอยู่ที่กลุ่มสิงโต เขาต้องพูดสั่งสอนไปแล้ว

ผ่านไปไม่นาน เสียงรองเท้าส้นสูงดังขึ้น จากนั้นก็เห็นผู้หญิงที่สวมชุดดำร่างสูง ผมยาวพลิ้วไสว สีหน้าเยือกเย็นห้อมล้อมด้วยผู้ชายหลายคน มาถึงห้องโถง

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท