พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่889 ปรินทรมาถึงที่

บทที่889 ปรินทรมาถึงที่

บทที่889 ปรินทรมาถึงที่

เกียวโต คฤหาสน์ใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์ ในสนามหลัก

ขณะนี้คนของตระกูลลัดดาวัลย์เคร่งเครียด วันนี้เป็นวันที่สามวันสุดท้ายที่ประวีร์พูดถึง ถ้าอารียาไม่ตอบรับไปพบผู้ยิ่งใหญ่คนนั้นพร้อมกับพวกเขา ผู้ยิ่งใหญ่คนนั้นจะมาหาถึงที่ ถึงเวลานั้นตระกูลลัดดาวัลย์จะพบกับวิกฤตใหญ่หลวง

หลายวันมานี่ได้ฟังปวิตรและปวัชอธิบาย พวกเขาก็เข้าใจว่าแดนดั่งเทพมีความน่ากลัวอย่างไร ยอดฝีมือระดับนี้ แม้ตอนนี้กำลังของตระกูลลัดดาวัลย์ไม่ธรรมดาเหมือนตระกูลอื่น แล้วยังมีแดนปรมาจารย์ขั้นสูงสุดสองคน ต่อหน้าแดนดั่งเทพ ก็สกิดแล้วตายเหมือนกัน

“ไอ้เหี้ยตระกูลฉัตรมงคลเมืองยอง ฉันว่ามันนั่นแหละที่ยั่วโมโหแดนดั่งเทพนี้ แล้วโยนมาให้พวกเรา ไม่งั้นทำไมแดนดั่งเทพนั้นจึงได้ให้พวกเขาพามาที่เมืองเกียวโตล่ะ?” ชนาธิปกล่าวอย่างเกรี้ยวกราด

“ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องนี้ เราควรจะมาคิดกันว่าจะต่อกรกับแดนดั่งเทพนี้ยังไง จากที่ปวิชและปวัตรพูด แม้จะมียอดฝีมือแบบนี้สิบคน ก็ต่อกรกับแดนดั่งเทพแบบนี้ไม่ได้ คนแบบนี้ พอที่จะทำให้ตระกูลลัดดาวัลย์พังทลายได้แล้ว” ท่านคทากล่าว

ปวิชและปวัตรทั้งสองเห็นด้วยกับความคิดนี้ แดนดั่งเทพ ไม่ควรจะปรากฏตัวบนโลกถึงจะถูก พวกเขาก็ไม่เข้าใจว่าประวีร์ไปหายอดฝีมือนี้มาจากไหน

“ไม่งั้นพี่สะใภ้พาหนูลินหนีไปก่อนดีมั้ย ถ้าแดนดั่งเทพนั่นมา แล้วหาไม่เจอ ไม่แน่อาจจะล้มเลิกความคิดไป” ครองภพกล่าว

“ไม่ได้!” อารียาปฏิเสธข้อเสนอของเขา “ถ้าฉันหนีไป ไอ้แดนดั่งเทพนั่นก็ลงกับตระกูลลัดดาวัลย์ได้ ถึงเวลานั้นตระกูลลัดดาวัลย์ต้องเจอกับหายนะแล้ว”

“เพื่อหลีกเลี่ยงหายนะในครั้งนี้ อารียาได้ให้ธฤตญาณพาหนูลินไปยังที่ที่ปลอดภัยแล้ว ประวีร์ไม่รู้ว่าเธอมีลูกแล้ว ดังนั้นจึงไม่น่าจะไปทำอะไรหนูลิน

“แต่ถ้าไม่เจอแดนดั่งเทพนั่นยังไงมันก็ไม่ปล่อยคนอื่นไว้ ไม่ใช่แค่คุณหนีไป พวกเราทุกคนก็หนีไปด้วย เหลือไว้แค่คฤหาสน์ว่างเปล่า แบบนี้ผลกระทบก็น้อยลง” ดำเกิงเสนอขึ้นมา

ความคิดนี้คนของตระกูลลัดดาวัลย์เคยคิดไว้ แต่ถ้าพวกเขาหนีไปหมด งั้นตระกูลลัดดาวัลย์ก็ไม่สามารถดำเนินกิจวัตรประจำวันได้ ถึงเวลานั้นจะกระทบกับคนที่เกี่ยวข้องกับกิจการทั้งหมดของตระกูลลัดดาวัลย์

และก็ไม่มีคนรู้ด้วยว่าแดนดั่งเทพนี้มีเบื้องหลังอย่างไร หลังจากที่พวกเขาหนีไปแล้ว ถ้าแดนดั่งเทพนี้มีวิธีหาพวกเขาเจอ แล้วพวกเขาจะต้องเจอกับอันตรายอะไรบ้าง

ยิ่งไปกว่านั้นคนของตระกูลลัดดาวัลย์หนีไป คนที่จะโชคร้ายคนแรก ต้องเป็นหอการค้าสมน.แน่นอน จิตใจอันดีงามของอารียาไม่ให้เธอทำแบบนี้แน่นอน

ดังนั้นในสามวันนี้ตระกูลลัดดาวัลย์ได้ปรึกษากันมาตลอดว่าจะต่อกรกับแดนดั่งเทพอย่างไร

อารียาเคยคิดอยากให้รพีพงษ์กลับมา แต่ตอนที่รพีพงษ์จากไปนั้น ฝีมือแค่แดนครึ่งปรมาจารย์เท่านั้น ปวิตรและปวัชแสดงท่าทีว่ารพีพงษ์กลับมาก็ไม่ชนะแดนดั่งเทพ และด้วยนิสัยของรพีพงษ์ จะต้องเอาเป็นเอาตายกับแดนดั่งเทพนั้นแน่นอน ดังนั้นจึงไม่ได้บอกเรื่องนี้กับรพีพงษ์

ในขณะที่ตระกูลลัดดาวัลย์กำลังเครียดอยู่นั้น ก็มีเสียงหัวเราะเยาะเย้ยดังเข้ามาในหู

“ทำไม ไม่มาอยู่ในอ้อมกอดฉัน แล้วยังคิดจะหนีอีกหรอ? พวกแกไม่ให้ความสำคัญฉันเลยใช่มั้ย?”

ทุกคนได้ยินเสียงนี้ล้วนตกใจกันเป็นแถวๆ เพราะพวกเขาไม่เห็นคนที่ปรากฏตรงหน้า แต่เสียงนั้นเหมือนมีคนพูดอยู่ข้างๆหูของพวกเขา

วิธีแบบนี้ มีเพียงยอดฝีมือที่แข็งแกร่งเท่านั้นถึงจะทำได้ อย่างน้อยปวิชและปวัตรไม่คิดว่าตัวเองทำได้

ดังนั้นนี่หมายความว่า แดนดั่งเทพที่ประวีร์พูดนั้นมาถึงแล้ว

“เหี้ย ให้เวลาสามวันไม่ใช่หรอวะ ทำไมมาตั้งแต่ตอนนี้?” ครองภพด่า

จากนั้น ทุกคนเห็นร่างตระหง่านอยู่ที่สวน ประวีร์และดิลวิลตามอยู่ด้านหลังเขา เหมือนกับเป็นผู้ดูแล ท่าทียินดีปรีดา

ปวิชและปวัตรทั้งสองจ้องไปที่ปรินทรอย่างขะมักขะเม่น รับรู้ได้ถึงความอันตรายที่มาจากร่างของเขา ความรู้สึกแบบนี้ พวกเขาจะรับรู้ได้จากคนที่เป็นแดนดั่งเทพเท่านั้น

“ผู้ยิ่งใหญ่ของเราได้เปลี่ยนใจแล้ว เขารอถึงสามวันไม่ไหว ดังนั้นจึงมาตั้งแต่ตอนนี้ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าพวกแกกำลังจะหนี ไอ้พวกไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี! อารียา ผู้ยิ่งใหญ่ชอบแก ถือว่าเป็นโชคของแก แกกล้ารังเกียจผู้ยิ่งใหญ่งั้นหรอ? ฉันว่าแกเคลื่อนไหวด้วยตัวเองดีกว่านะ อย่ารอให้ผู้ยิ่งใหญ่โมโห ไม่งั้นแกจะเจอดี”

ประวีร์ชักตาใส่อารียาแล้วกล่าว

อารียามองไปที่ประวีร์อย่างโมโห ในใจรู้สึกเสียใจที่ประวีร์และดิลวิลมาในครั้งแรกแล้วไม่จัดการเขาทิ้งเสีย

“ไม่แปลกที่เป็นสาวสวยอันดับหนึ่งของเกียวโต ความงามแบบนี้ หาได้อยากจริงๆ แล้วยังมีกลิ่นอายความเป็นหญิงวัยกลางคนที่แต่งงานแล้วด้วย ความรู็สึกแบบนี้ ฉันชอบ ครั้งนี้มาไม่เสียเที่ยวจริงๆ”

ปรินทรจ้องอารียา ยิ้มพลางกล่าว

อารียารู้สึกขยะแขยง คิดไม่ถึงว่าคนที่เก่งกาจแบบนี้ จะเป็นแบบนี้

“ไม่ว่าแกจะเก่งกาจขนาดไหน ฉันก็ไม่มีทางทำตามแกแน่นอน แม้วันนี้ฉันจะตาย ฉันก็ไม่มีทางยอมจำนนให้แกแน่!” อารียาจ้องปรินทรแล้วตะคอก

ปรินทรดูแคลน แล้วกล่าว “ไม่คาดคิดว่าจะมีอารมณ์เหมือนกันนะเนี่ย แต่แกคิดว่าแกเลือกได้หรือไง?”

พูดจบ เขาก็เดินไปทางอารียา

ปวิชและปวัตรรีบขวางด้านหน้าอารียาไว้ มองไปที่ปรินทรอย่างระวังตัว ปวัตรกล่าว “กรุณาประพฤติตัวให้ดีๆหน่อย อย่าให้เสียเกียรติของวงการบู๊ได้!”

ปรินทรเหยียดหยาม แล้วกล่าว “เกียรติของวงการบู๊? ก็แค่เรื่องตลก กูจะเอาสาวคนไหนก็ต้องได้คนนั้น ไม่มีใครขัดขวางกูได้!”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ของพวกมึงมีแดนปรมาจารย์ขั้นสูงสุดสองคน ถือว่าเจ๋ง แต่เสียดาย สำหรับกู ก็แค่ไอ้สวะสองตัวเท่านั้น!”

พูดจบ บนมือของปรินทร มีไฟขึ้นมา จากนั้นก็มีแท่งยางเกิดขึ้น ปรินทรใช้ลำแสงไฟยาวนั้นปล่อยไปที่ปวัตรและปวิช ด้วยความเร็วสูง แดนปรมาจารย์ไม่ทันได้ระวังตัว

สีหน้าของปวัตรและปวิชถอดสี จะรีบเข้าไปขัดขวางการโจมตีของปรินทร แต่ทว่าตอนที่พวกเขารู้สึกตัว ลำแสงไฟยาวก็ไปโดนตัวของทั้งคู่

ทั้งคู่ลอยไปด้านหลัง ล้มลงกับพื้น อ้วกออกมาเป็นเลือก

ปรินทรมองทั้งสองอย่างเหยียดหยาม จากนั้นก็มองไปที่อารียาอีกครั้ง หัวเราะแล้วกล่าว “คนสวย วันนี้แกจะเป็นของฉันแล้ว ฉันรับรองว่าจะทำให้แกขึ้นสวรรค์!”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท